จากกรณีชาวบ้าน ต.ทาขุมเงิน อ.แม่ทา จ.ลำพูน ยื่นหนั

วันนี้ (31 ธ.ค.2566) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงการนิรโทษกรรมว่าเป็นความขัดแย้งทางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2549 หรือมากกว่า 16 - 17 ปี ความขัดแย้งทางการเมืองนำไปสู่วิกฤต ขาดความต่
วันนี้ (2 ต.ค.2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก กำหนดมาตรการออกมา ดังนี้ 1.ให้กรมการขนส่งทางบุก เรียกรถโด
วันนี้ (1 ก.พ.2565) เวลา 06.00 น. ที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงหนองบัว ต.หนองกลับ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.พร้อมกำลังหน่วยต่างๆ กว่า 60 นาย เปิดปฏิบัติการ ลุยค้น 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม รวมถึง ตามอายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาขบวนการทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน ไปเป็นของตนเอง มาดำเนินการตรวจสอบหาที่ไปที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว asia เครดิต ฟรีfifa55 สมัคร รับ เครดิต ฟรีปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อเดือน ต.ค.2564 มีกลุ่มลูกศิษย์ของพระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ปญุ ญกาโม) หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ปปป. ให้ช่วยตรวจสอบ กลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และคนใกล้ชิด ที่มีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัด หลังพบมีพฤติการณ์ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ เกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์และ การดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ฯ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ บก.ปปป.นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนพบว่า ในช่วงระหว่างปี 2563-2564 มีประชาชนผู้ใจบุญนำเงินมาทำบุญมอบให้วัดเป็นเงินรวมกว่า 200 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีบางส่วนประมาณ 30-40 ล้านบาท ที่ทางวัดได้นำไปใช้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือ สร้างโรงเรียนให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนที่เหลือไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ทำอะไร หรือนำไปเก็บไว้ที่ใด เจ้าหน้าที่จึงไล่แกะรอยเส้นทางการเงิน กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ คือ นายเสนาะ ทองปรอน, นางชัญญา เพชรสายบัว และนางบุญเชิด สุขจิตร อย่างละเอียด ก่อนพบหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่า ทั้ง 3 คน มีการนําเงินของวัดไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง รวม 63,034,470 บาท จึงได้อายัติเงินดังกล่าวนำกลับมาส่งมอบคืนให้กับ หลวงพ่อพัฒน์ พร้อมกับเชิญตัวทั้ง 3 คน มาสอบปากคำและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามเงินส่วนที่เหลืออีกหลายสิบล้านบาทนำกลับมาคืนวัด ก่อนจะมีการสรุปสํานวนการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาจนมีความเห็นให้ส่งคดีดังกล่าวกลับมาให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นดังกล่าว เพื่อสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 3 ราย มาทำการตรวจสอบที่ไปที่มาให้ชัดเจนว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากเงินวัดส่วนที่หายไปหรือไม่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังได้ประสานขอสนับสนุนกำลังจากหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) กก.สืบสวน.ภ.นครสวรรค์ นำเครื่องตรวจจับโลหะ มาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้อีกด้วย เพื่อนำมาใช้สแกนตรวจหาสิ่งผิดปกติใต้พื้นดิน หลังแนวทางสืบสวนทราบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวบางรายมีการนำเงินที่ได้จากวัดไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินมีค่าจำพวกทองคำ ซึ่งอาจมีการซุกซ่อนตามพื้นที่ต่างๆ ของบริเวณบ้าน โดยเฉพาะพื้นดิน
วันนี้ (28 ธ.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มาตรการป้องกันการระบาดชุดใหม่เป็นผลมาจากการประชุมค
วันนี้ (1 ก.พ.2565) เวลา 06.00 น. ที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงหนองบัว ต.หนองกลับ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์
เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2565 เพจ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เผยแพร่บทความของ ดร.มติพล ตั้งมติธ
วันนี้ (1 ก.พ.2565) เวลา 06.00 น. ที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงหนองบัว ต.หนองกลับ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.พร้อมกำลังหน่วยต่างๆ กว่า 60 นาย เปิดปฏิบัติการ ลุยค้น 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม รวมถึง ตามอายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาขบวนการทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน ไปเป็นของตนเอง มาดำเนินการตรวจสอบหาที่ไปที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว asia เครดิต ฟรีfifa55 สมัคร รับ เครดิต ฟรีปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อเดือน ต.ค.2564 มีกลุ่มลูกศิษย์ของพระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ปญุ ญกาโม) หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ปปป. ให้ช่วยตรวจสอบ กลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และคนใกล้ชิด ที่มีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัด หลังพบมีพฤติการณ์ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ เกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์และ การดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ฯ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ บก.ปปป.นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนพบว่า ในช่วงระหว่างปี 2563-2564 มีประชาชนผู้ใจบุญนำเงินมาทำบุญมอบให้วัดเป็นเงินรวมกว่า 200 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีบางส่วนประมาณ 30-40 ล้านบาท ที่ทางวัดได้นำไปใช้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือ สร้างโรงเรียนให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนที่เหลือไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ทำอะไร หรือนำไปเก็บไว้ที่ใด เจ้าหน้าที่จึงไล่แกะรอยเส้นทางการเงิน กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ คือ นายเสนาะ ทองปรอน, นางชัญญา เพชรสายบัว และนางบุญเชิด สุขจิตร อย่างละเอียด ก่อนพบหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่า ทั้ง 3 คน มีการนําเงินของวัดไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง รวม 63,034,470 บาท จึงได้อายัติเงินดังกล่าวนำกลับมาส่งมอบคืนให้กับ หลวงพ่อพัฒน์ พร้อมกับเชิญตัวทั้ง 3 คน มาสอบปากคำและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามเงินส่วนที่เหลืออีกหลายสิบล้านบาทนำกลับมาคืนวัด ก่อนจะมีการสรุปสํานวนการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาจนมีความเห็นให้ส่งคดีดังกล่าวกลับมาให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นดังกล่าว เพื่อสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 3 ราย มาทำการตรวจสอบที่ไปที่มาให้ชัดเจนว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากเงินวัดส่วนที่หายไปหรือไม่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังได้ประสานขอสนับสนุนกำลังจากหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) กก.สืบสวน.ภ.นครสวรรค์ นำเครื่องตรวจจับโลหะ มาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้อีกด้วย เพื่อนำมาใช้สแกนตรวจหาสิ่งผิดปกติใต้พื้นดิน หลังแนวทางสืบสวนทราบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวบางรายมีการนำเงินที่ได้จากวัดไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินมีค่าจำพวกทองคำ ซึ่งอาจมีการซุกซ่อนตามพื้นที่ต่างๆ ของบริเวณบ้าน โดยเฉพาะพื้นดิน
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 ทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว ฉก.ตาพระยา กองกำลังบูรพา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนช