Home
|
self

วันนี้ (22 ก.พ.2567) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทร

self

ทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ประมาณ 50 นาย เข้าโจมตีกองพันทหารราบที่ 335 ใกล้กับหมู่บ้านปางกาน จ.เมียวดี ห่างจากชายแดนไทย – เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ประมาณ 12 กม. ฝ่ายกะเหรี่ยงใช้เครื่องยิงลูกร

วันนี้ (15 พ.ย.2567) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ตอนบนมีฝน ฝนฟ้าคะนอง โดยภาคเหนือ และภาคตะ

จากกรณีมีข่าวการเกิดโรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis) ของคณะกลุ่มศึกษาธรรมชาติ ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จากการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราฮิสโตพลาสมา แคปซูลาตุม (Histoplasma capsulatum) ที่ลอยขึ้นมาในอากาศจากมูลค้างคาวที่ตกลงบนพื้นดินเข้าไปในปอด วันนี้ (5 ต.ค.2565) น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน หรือหมอล็อต หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า, สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า, อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับทีมอาจารย์และนักวิทยาศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งมูลค้างคาวและดินภายในโพรงต้นไม้ และสวอปผนังโพรงต้นไม้ดังกล่าว เพื่อตรวจหาเชื้อโรคต่าง ๆ ทางห้องปฎิบัติการ และวางแผนที่จะทำการสำรวจและเฝ้าระวังโรคเชิงรุกในพื้นที่ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง ได้ตีแนวเส้นล้อมจำกัดพื้นที่รัศมี 10 เมตร เพื่อป้องกันคนเข้าใกล้ต้นไม้ หรือเข้าไปในโพรงต้นไม้ที่มีค้างคาวอาศัยอยู่ และเตรียมกำหนดเป็นพื้นที่พิเศษ ในการให้ความรู้ และป้องกันไม่ให้ค้างคาวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือเคลื่อนย้ายถิ่น จากการสำรวจต้นไม้ พบว่า เป็นช้าม่วงขนาดใหญ่ อายุกว่าร้อยปี ด้านนอกมีโพรงขนาดคนเข้าไปได้ ข้างในเป็นเป็นโพรงขนาดใหญ่ คนเข้าไปได้ประมาณ 7 คน และมีค้างคาวอาศัยอยู่ เช่น ค้างคาวแวมไพร์แปลงเล็ก สภาพแวดล้อมในโพรงต้นไม้ เหมาะแก่การอาศัยของค้างคาว และการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อราชนิดต่าง ๆ ซึ่งอุณหภูมิ ความชื้น มีช่องทางเข้าออกทางเดียว ลมไม่พัดผ่าน โอกาสพบความเข้าข้นของเชื้อราในอากาศจะสูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ เหมาะสมเป็นอย่างมากกับการเจริญเติบโตของเชื้อ เมื่อคนเข้าไปในช่วงกลางวัน ซึ่งค้างคาวกำลังนอนพักนั้น การส่งเสียงดัง การถ่ายภาพ แสงแฟลช การส่องไฟ จะทำให้ค้างคาวตกใจ เครียด อึ ฉี่ และส่งเสียงร้อง ทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ ฟุ้งกระจายในโพรงได้ หากคนเข้าไปแล้วไม่ใส่หน้ากากก็อาจสูดเอาเชื้อโรคดังกล่าวเข้าไปได้ หรือถึงแม้จะใส่หน้ากากก็อาจทำให้ร่างกายปนเปื้อนจากสารคัดหลั่งจากค้างคาว และอาจเกิดโรคขึ้นมาได้ สำหรับจุดดังกล่าวไม่ได้เปิดเป็นพื้นที่ที่อุทยานฯ เปิดให้ท่องเที่ยว ซึ่งคณะดังกล่าวได้เดินผ่านเส้นทาง แวะถ่ายรูป และเข้าไปในโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่ ทางทีมคณะทำงาน กรมอุทยานฯ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย โรงพยาบาลทุ่งสง และหน่วยงานสาธารณสุขเขต และจังหวัดนครศรีธรรมราช หน่วยงานปกครองท้องถิ่นต่าง ๆ ร่วมบูรณาการภายใต้กรอบสุขภาพหนึ่งเดียว เข้าพูดคุยและแนะนำแนวทางปฎิบัติให้แก่ชาวบ้านบริเวณพื้นที่ ถึงข้อควรระวังและหากเคยเข้าไปในโพรงต้นselfไม้ต้นนี้ โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย ควรไปพบแพทย์ เพื่อเอ็กซเรย์ปอด และแจ้งให้แพทย์ทราบว่า มีประวัติการคนที่อายุน้อยสุขภาพแข็งแรง ถึงติดเชื้อรา ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ หายเองได้ ไม่ต้องรักษา คนที่อายุมากมีโรคประจำตัว ต้องรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งกรมอุทยานฯ ได้จัดทำคู่มือความรู้ “การอยู่ร่วมกันกับค้างคาวอย่างปลอดภัย” แจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อตื่นรู้ และระมัดระวังในการดำเนินชีวิต น.สพ.ภัทรพล ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนกและสามารถท่องเที่ยวในถ้ำที่เปิดให้ท่องเที่ยวได้ตามปกติ พร้อมแนะนำให้สวมเสื้อแขนยาว สวมหน้ากากอนามัย สวมหมวก ใส่แว่นตาใส ที่สำคัญไม่ควรนำอาหารเข้าไปกินในถ้ำ อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง พบคณะเดินป่า มุดโพรงต้นไม้ดูค้างคาว ป่วย "ฮิสโตพลาสโมซิส" รู้จัก "โรคฮิสโตพลาสโมซิส" หายใจรับสปอร์เชื้อราจากมูลค้างคาว-นก

วันนี้ (16 ก.ย.2564) พล.ร.ท.ไกรศรี เกษร ผบ.โรงเรียนนายเรือ เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกอบรมหลักสูตรข้าร

จากกรณีมีข่าวการเกิดโรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis) ของคณะกลุ่มศึกษาธรรมชาติ ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ

“โปรแกรมถ่ายทอดสด” การแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ตั้งแต่ 19 ก.ย. – 8 ต.ค.66 มาให้คอกีฬาได้ทราบ

จากกรณีมีข่าวการเกิดโรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis) ของคณะกลุ่มศึกษาธรรมชาติ ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จากการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราฮิสโตพลาสมา แคปซูลาตุม (Histoplasma capsulatum) ที่ลอยขึ้นมาในอากาศจากมูลค้างคาวที่ตกลงบนพื้นดินเข้าไปในปอด วันนี้ (5 ต.ค.2565) น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน หรือหมอล็อต หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า, สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า, อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับทีมอาจารย์และนักวิทยาศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งมูลค้างคาวและดินภายในโพรงต้นไม้ และสวอปผนังโพรงต้นไม้ดังกล่าว เพื่อตรวจหาเชื้อโรคต่าง ๆ ทางห้องปฎิบัติการ และวางแผนที่จะทำการสำรวจและเฝ้าระวังโรคเชิงรุกในพื้นที่ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง ได้ตีแนวเส้นล้อมจำกัดพื้นที่รัศมี 10 เมตร เพื่อป้องกันคนเข้าใกล้ต้นไม้ หรือเข้าไปในโพรงต้นไม้ที่มีค้างคาวอาศัยอยู่ และเตรียมกำหนดเป็นพื้นที่พิเศษ ในการให้ความรู้ และป้องกันไม่ให้ค้างคาวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือเคลื่อนย้ายถิ่น จากการสำรวจต้นไม้ พบว่า เป็นช้าม่วงขนาดใหญ่ อายุกว่าร้อยปี ด้านนอกมีโพรงขนาดคนเข้าไปได้ ข้างในเป็นเป็นโพรงขนาดใหญ่ คนเข้าไปได้ประมาณ 7 คน และมีค้างคาวอาศัยอยู่ เช่น ค้างคาวแวมไพร์แปลงเล็ก สภาพแวดล้อมในโพรงต้นไม้ เหมาะแก่การอาศัยของค้างคาว และการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อราชนิดต่าง ๆ ซึ่งอุณหภูมิ ความชื้น มีช่องทางเข้าออกทางเดียว ลมไม่พัดผ่าน โอกาสพบความเข้าข้นของเชื้อราในอากาศจะสูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ เหมาะสมเป็นอย่างมากกับการเจริญเติบโตของเชื้อ เมื่อคนเข้าไปในช่วงกลางวัน ซึ่งค้างคาวกำลังนอนพักนั้น การส่งเสียงดัง การถ่ายภาพ แสงแฟลช การส่องไฟ จะทำให้ค้างคาวตกใจ เครียด อึ ฉี่ และส่งเสียงร้อง ทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ ฟุ้งกระจายในโพรงได้ หากคนเข้าไปแล้วไม่ใส่หน้ากากก็อาจสูดเอาเชื้อโรคดังกล่าวเข้าไปได้ หรือถึงแม้จะใส่หน้ากากก็อาจทำให้ร่างกายปนเปื้อนจากสารคัดหลั่งจากค้างคาว และอาจเกิดโรคขึ้นมาได้ สำหรับจุดดังกล่าวไม่ได้เปิดเป็นพื้นที่ที่อุทยานฯ เปิดให้ท่องเที่ยว ซึ่งคณะดังกล่าวได้เดินผ่านเส้นทาง แวะถ่ายรูป และเข้าไปในโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่ ทางทีมคณะทำงาน กรมอุทยานฯ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย โรงพยาบาลทุ่งสง และหน่วยงานสาธารณสุขเขต และจังหวัดนครศรีธรรมราช หน่วยงานปกครองท้องถิ่นต่าง ๆ ร่วมบูรณาการภายใต้กรอบสุขภาพหนึ่งเดียว เข้าพูดคุยและแนะนำแนวทางปฎิบัติให้แก่ชาวบ้านบริเวณพื้นที่ ถึงข้อควรระวังและหากเคยเข้าไปในโพรงต้นselfไม้ต้นนี้ โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย ควรไปพบแพทย์ เพื่อเอ็กซเรย์ปอด และแจ้งให้แพทย์ทราบว่า มีประวัติการคนที่อายุน้อยสุขภาพแข็งแรง ถึงติดเชื้อรา ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ หายเองได้ ไม่ต้องรักษา คนที่อายุมากมีโรคประจำตัว ต้องรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งกรมอุทยานฯ ได้จัดทำคู่มือความรู้ “การอยู่ร่วมกันกับค้างคาวอย่างปลอดภัย” แจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อตื่นรู้ และระมัดระวังในการดำเนินชีวิต น.สพ.ภัทรพล ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนกและสามารถท่องเที่ยวในถ้ำที่เปิดให้ท่องเที่ยวได้ตามปกติ พร้อมแนะนำให้สวมเสื้อแขนยาว สวมหน้ากากอนามัย สวมหมวก ใส่แว่นตาใส ที่สำคัญไม่ควรนำอาหารเข้าไปกินในถ้ำ อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง พบคณะเดินป่า มุดโพรงต้นไม้ดูค้างคาว ป่วย "ฮิสโตพลาสโมซิส" รู้จัก "โรคฮิสโตพลาสโมซิส" หายใจรับสปอร์เชื้อราจากมูลค้างคาว-นก

วันนี้ (14 พ.ย.2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีม