slot ฝาก 50 ฟรี 50 -www maxbet com us, ฝาก 20 ได้ 100 วอ เลทsix6club, sagame ฟรี 100

ถอนเงิน dafabet นาน ไหม

การจ้างงานแย่เกินคาด ศก.สหรัฐฯชะลอตัว ถ่วงตลาดการเงินโลกในอีก 12-15 เดือนข้างหน้า การจ้างงานแย่เกินคาด ศก.สหรัฐฯชะลอตัว ถ่วงตลาดการเงินโลกในอีก 12-15 เดือนข้างหน้า หากกล่าวถึงเหตุการณ์ในตลาดโลกที่กำลั

วันนี้ (16 เม.ย.2567) น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า

การจ้างงานแย่เกินคาด ศก.สหรัฐฯชะลอตัว ถ่วงตลาดการเงินโลกในอีก 12-15 เดือนข้างหน้า การจ้างงานแย่เกินคาด ศก.สหรัฐฯชะลอตัว ถ่วงตลาดการเงินโลกในอีก 12-15 เดือนข้างหน้า หากกล่าวถึงเหตุการณ์ในตลาดโลกที่กำลังอยู่ในความสนใจในระยะนี้ คงหนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เผชิญหลายสัญญาณลบและปัจจัยถ่วงพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ มุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2554 จากหลายปัจจัย กล่าวคือ ประการแรก การที่เครื่องชี้เศรษฐกิslot ฝาก 50 ฟรี 50จสำคัญหลายๆ ด้านออกมาย่ำแย่กว่าความคาดหมาย อาทิ การร่วงลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภค การทบทวนจีดีพี ไตรมาส 2/2554 และล่าสุด ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payrolls) เดือนสิงหาคม 2554 ที่ไม่มีการเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งทำให้ตลาดตั้งคำถามถึงเสถียรภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ       ประการที่สอง  ปัญหาภาคการคลังของสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากการใช้หลากมาตรการทางการคลังเพื่อฟื้นเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยในช่วงปี 2551 (2008) ซึ่งส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งชนเพดานการก่อหนี้ตามกฎหมายในเดือนพฤษภาคม 2554  ท่ามกลางภาพความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองพรรคใหญ่ที่ยังเป็นหนึ่งในตัวแปรหลักที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า     จนนำไปสู่นำไปสู่ปัจจัยลบประการที่สาม คือ การที่สหรัฐฯ ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (โดย S&P’s) จากระดับ AAA สู่ระดับ AA-Plus (AA+)    แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2554 เปรียบเทียบกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2551 แล้ว จะเห็นถึงความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากฝั่งธุรกิจและสถาบันการเงินเอกชนที่เคยเป็นต้นตอของวิกฤตรอบก่อนหน้า   แต่ความอ่อนแอในตลาดแรงงาน รวมถึงสถานการณ์ด้านการคลังที่ถดถอยลงมาก ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดกระสุนในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ท่ามกลางภาวะที่สหรัฐฯ คงไม่สามารถพึ่งพิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้มากเท่าเดิม หลังจากที่ยุโรปและจีนต่างก็เห็นสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเช่นกัน   ท้ายที่สุดแล้ว ก็อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตต่ำกว่าระดับศักยภาพต่อเนื่องไปอีกไม่น้อยกว่า 1 ปีข้างหน้า แม้ว่าอาจไม่ได้ย่ำแย่ลงจนถึงขั้นเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบสองก็ตาม นอกจากนี้ ก็ทำให้มีความเป็นไปได้ไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ที่เฟดอาจต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม  ภายใต้มุมมองดังกล่าว อาจทำให้สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงและชดเชยความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ อาทิ ทองคำ มีแรงหนุนต่อเนื่องไปในระยะปานกลาง  เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อาจทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ  ขณะที่ ตลาดหุ้นอาจปรับขึ้นได้ในระยะสั้น รับกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจออกมาเพิ่มเติม  เพื่อหาจังหวะการทำกำไรจากทั้งราคาทองคำและพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นไปมากแล้ว คาดว่าตลาดคงจะติดตามเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯและประเทศแกนหลักของโลก  บทสรุปจากการประชุมด้านงบประมาณของสหรัฐฯ (ที่จะมีขึ้นภายในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า)  การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2555  รวมถึงความเคลื่อนไหว มุมมองของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ อย่างใกล้ชิด  อันย่อมหมายถึงความผันผวนของสินทรัพย์ต่างๆ ที่น่าจะยังอยู่ในระดับสูงอย่างยากจะหลีกเลี่ยง   ขณะที่ หากเหตุการณ์พลิกผันไปจากที่คาดการณ์ไว้ข้างต้น ก็คงส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโลกและสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ ให้แตกต่างไปจากทิศทางที่คาดไว้ข้างต้นได้เช่นกัน หากกล่าวถึงเหตุการณ์ในตลาดโลกที่กำลังอยู่ในความสนใจในระยะนี้ คงหนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เผชิญหลายสัญญาณลบและปัจจัยถ่วงพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ มุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2554 จากหลายปัจจัย กล่าวคือ ประการแรก การที่เครื่องชี้เศรษฐกิจสำคัญหลายๆ ด้านออกมาย่ำแย่กว่าความคาดหมาย อาทิ การร่วงลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภค การทบทวนจีดีพี ไตรมาส 2/2554 และล่าสุด ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payrolls) เดือนสิงหาคม 2554 ที่ไม่มีการเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งทำให้ตลาดตั้งคำถามถึงเสถียรภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ       ประการที่สอง  ปัญหาภาคการคลังของสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากการใช้หลากมาตรการทางการคลังเพื่อฟื้นเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยในช่วงปี 2551 (2008) ซึ่งส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งชนเพดานการก่อหนี้ตามกฎหมายในเดือนพฤษภาคม 2554  ท่ามกลางภาพความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองพรรคใหญ่ที่ยังเป็นหนึ่งในตัวแปรหลักที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า     จนนำไปสู่นำไปสู่ปัจจัยลบประการที่สาม คือ การที่สหรัฐฯ ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (โดย S&P’s) จากระดับ AAA สู่ระดับ AA-Plus (AA+)    แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2554 เปรียบเทียบกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2551 แล้ว จะเห็นถึงความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากฝั่งธุรกิจและสถาบันการเงินเอกชนที่เคยเป็นต้นตอของวิกฤตรอบก่อนหน้า   แต่ความอ่อนแอในตลาดแรงงาน รวมถึงสถานการณ์ด้านการคลังที่ถดถอยลงมาก ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดกระสุนในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ท่ามกลางภาวะที่สหรัฐฯ คงไม่สามารถพึ่งพิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้มากเท่าเดิม หลังจากที่ยุโรปและจีนต่างก็เห็นสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเช่นกัน   ท้ายที่สุดแล้ว ก็อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตต่ำกว่าระดับศักยภาพต่อเนื่องไปอีกไม่น้อยกว่า 1 ปีข้างหน้า แม้ว่าอาจไม่ได้ย่ำแย่ลงจนถึงขั้นเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบสองก็ตาม นอกจากนี้ ก็ทำให้มีความเป็นไปได้ไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ที่เฟดอาจต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ภายใต้มุมมองดังกล่าว อาจทำให้สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงและชดเชยความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ อาทิ ทองคำ มีแรงหนุนต่อเนื่องไปในระยะปานกลาง  เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อาจทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ  ขณะที่ ตลาดหุ้นอาจปรับขึ้นได้ในระยะสั้น รับกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจออกมาเพิ่มเติม  เพื่อหาจังหวะการทำกำไรจากทั้งราคาทองคำและพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นไปมากแล้ว คาดว่าตลาดคงจะติดตามเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯและประเทศแกนหลักของโลก  บทสรุปจากการประชุมด้านงบประมาณของสหรัฐฯ (ที่จะมีขึ้นภายในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า)  การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2555  รวมถึงความเคลื่อนไหว มุมมองของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ อย่างใกล้ชิด  อันย่อมหมายถึงความผันผวนของสินทรัพย์ต่างๆ ที่น่าจะยังอยู่ในระดับสูงอย่างยากจะหลีกเลี่ยง ขณะที่ หากเหตุการณ์พลิกผันไปจากที่คาดการณ์ไว้ข้างต้น ก็คงส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโลกและสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ ให้แตกต่างไปจากทิศทางที่คาดไว้ข้างต้นได้เช่นกัน

วันนี้ (29 เม.ย.2567) ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลว 6 คน นำโดย นายนลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ เข้ายื่นหนังสือถึง น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เรียกร้องให้เปิดเผยข้อสอบและเ