ความจริงจากบังกลาเทศ ตอนที่ 2 : ท่าเรือ นายหน้าค้ามนุษย์ใช้พื้นที่ท่าเรือ "คาตาบอเนีย" เป็นจุดเริ่มต

วันที่ 3 ก.ค.2567 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ กฎ ก.ร. ว่าด้วยการให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2567 โดยเนื้อหาระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 (3) และมาตรา 31 วรร

ความจริงจากบังกลาเทศ ตอนที่ 2 : ท่าเรือ นายหน้าค้ามนุษย์ใช้พื้นที่ท่าเรือ "คาตาบอเนีย" เป็นจุดเริ่มต้นในการนำผู้อพยพชาวโรฮิงญาขึ้นเรือเพื่อออกสู่ทะเล ขณะที่นักการเมืองท้องถิ่นในบังกลาเทศเปิดเผยว่า ธุรกิจค้ามนุษย์เติบโตมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้เรียกเก็บเงินค่าหัวที่ผู้อพยพ แต่ปัจจุบันกลับเรียกเงินจากนายหน้าที่ประเทศไทย ความจริงจากบังกลาเทศ ตอนที่ 2 : ท่าเรือ "คาตาบอเนีย" ชื่อที่ชาวบังกลาเทศใช้เรียกบริเวณที่เป็นท่าเรือขนาดย่อม ในช่วงที่น้ำขึ้นชาวบ้านจะใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางไปที่เมืองชาปูราดิพ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศบังกลาเทศ หรือใช้เป็นเส้นทางออกไปยังแม่น้ำนาฟ เพื่อออกสู่ทะเล นายหน้าใช้พื้นที่คาตาบอเนีย เป็นจุดเริ่มต้นในการนำพาผู้อพยพไปขึ้นเรือใหญ่ ซึ่งลอยลำอยู่บริเวณชายแดนบังกลาเทศกับเมียนมา บริเวณเกาะเซนต์มาร์ติน ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่นี้จากชาวโรฮิงญาคนหนึ่งที่เคยถูกนายหน้าหลอกไปขึ้นเรือ นายเซเยด อาลาม ชาวโรฮิงญา วัย 24 ปี เล่าผ่านล่ามว่า นายหน้าชาวบังกลาเทศอายุประมาณ 40 ปี เข้ามาในหมู่บ้านและชักชวนคนไปทำงานรับจ้างที่ชัมลาปู ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมทะเล โดยรับปากว่าจะมีค่าตอบแทนให้ แต่กลับกลายเป็นการหลอกไปขึ้นเรือเพื่อไปประเทศมาเลเซีย แต่นายเซเยดปฏิเสธนายหน้า เนื่องจากเขารู้ว่ามีโอกาสจะถูกทำร้ายร่างกาย เพราะเคยมีญาติที่นายหน้านำพามาประเทศไทย โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากแม่ของเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายเซเยด สอดคล้องกับข้อมูลจากนายสุไนลี นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ชาปูราดิพ และเป็นประธานพรรคอวามิลีค เขตชาปูราดิพ กล่าวว่า ธุรกิจนำพาคนออกนอกประเทศทางเรือมีมานานกว่า 7 ปี โดย 5 ปีแรก นายหน้าเรียกเงินจากผู้อพยพคนละ 20,000 ธากา หรือ 8,700 บาท แต่ 2 ปีหลัง ซึ่งธุรกิจเติบโตขึ้นมาก นายหน้ากลับไม่เรียกเก็บค่าหัวจากผู้อพยพ แต่กลับพบข่าวคราวว่ามีการเรียกเงินจากนายหน้าที่ประเทศไทย หลังจากผู้อพยพเดินทางไปที่นั่นแล้ว "คาตาบอเนีย" ชื่อที่ชาวบังกลาเทศใช้เรียกบริเวณที่เป็นท่าเรือขนาดย่อม ในช่วงที่น้ำขึ้นชาวบ้านจะใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางไปที่เมืองชาปูราดิพ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศบังกลาเทศ หรือใช้เป็นเส้นทางออกไปยังแม่น้ำนาฟ เพื่อออกสู่ทะเล นายหน้าใช้พื้นที่คาตาบอเนีย เป็นจุดเริ่มต้นในการนำพาผู้อพยพไปขึ้นเรือใหญ่ ซึ่งลอยลำอยู่บริเวณชายแดนบังกลาเทศกับเมียนมา บริเวณเกาะเซนต์มาร์ติน ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่นี้จากชาวโรฮิงญาคนหนึ่งที่เคยถูกนายหน้าหลอกไปขึ้นเรือ นายเซเยด อาลาม ชาวโรฮิงญา วัย 24 ปี เล่าผ่านล่ามว่า นายหน้าชาวบังกลาเทศอายุประมาณ 40 ปี เข้ามาในหมู่บ้านและชักชวนคนไปทำงานรับจ้างที่ชัมลาปู ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมทะเล โดยรับปากว่าจะมีค่าตอบแทนให้ แต่กลับกลายเป็นการหลอกไปขึ้นเรือเพื่อไปประเทศมาเลเซีย แต่นายเซเยดปฏิเสธนายหน้า เนื่องจากเขารู้ว่ามีโอกาสจะถูกทำร้ายร่างกาย เพราะเคยมีญาติที่นายหน้านำพามาประเทศไทย โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากแม่ของเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายเซเยด สอดคล้องกับข้อมูลจากนายสุไนลี นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ชาปูราดิพ และเป็นประธานพรรคอวามิลีค เขตชาปูราดิพ กล่าวว่า ธุรกิจนำพาคนออกนอกประเทศทางเรือมีมานานกว่า 7 ปี โดย 5 ปีแรก นาsbobet iphone 5ยหน้าเรียกเงินจากผู้อพยพคนละ 20,000 ธากา หรือ 8,700 บาท แต่ 2 ปีหลัง ซึ่งธุรกิจเติบโตขึ้นมาก นายหน้ากลับไม่เรียกเก็บค่าหัวจากผู้อพยพ แต่กลับพบข่าวคราวว่ามีการเรียกเงินจากนายหน้าที่ประเทศไทย หลังจากผู้อพยพเดินทางไปที่นั่นแล้ว

วันนี้ (18 พ.ค.2566) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ทุกพรรคจริงใจที่อยากจะให้บ้านเมือง มีรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคนเห็นด้วยกับเสียงข้างมาก และคิดว่าในกรอบที่วางเอาไว้จะทำความเข