"หลักนิติธรรม"หรือ "Rule of Law" เป็นสิ่งที่ถูกกล่

ยุติปัญหาส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงชายแดนด้าน จ.ตาก ปัญหาการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศเมียนมาร์ ด้านชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ข้อสรุปแล้ว หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบให้ผ่อนปรนการส่งออกผ่านท่าขน
หลายชาติเข้าข้างผู้ประท้วงซีเรีย นานาชาติเพิ่มแรงกดดันรัฐบาลซีเรียหยุดการปราบปรามประชาชน โดยล่าสุด เอกอัครราชทูตสหรัฐ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นเดินทางมาร่วมงานศพแกนนำผู้ประท้วง แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลซีเรียก็
หลายชาติเข้าข้างผู้ประท้วงซีเรีย นานาชาติเพิ่มแรงกดดันรัฐบาลซีเรียหยุดการปราบปรามประชาชน โดยล่าสุด เอกอัครราชทูตสหรัฐ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นเดินทางมาร่วมงานศพแกนนำผู้ประท้วง แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลซีเรียก็ยังคงเดินหน้ากวาดล้างอย่างไม่หยุด หลายชาติเข้าข้างผู้ประท้วงซีเรีย เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด หลังจากผู้ประท้วง ซึ่งกลุ่มไม่ใหญ่นักภายในเมือง "ฮามา" ท้าทายทหารด้วยการตะโกนคำว่า "พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่" หลังจากนั้น 1 ในผู้ประท้วงก็ล้มลง ตามมาด้วยการเข้าช่วยเหลือของเพื่อนๆ ซึ่งอ้างว่าเป็นการกระทำของพลแม่นปืน หรือสไนเปอร์ เมืองฮามาตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายสถานที่สำคัญของการต่อต้านรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซ๊าด ประธานาธิบดีบาชาร์สืบทอดอำนาจมาจากบิดา คือ พ.อ.ฮาเฟซ อัสซ๊าด ซึ่งเข้าสู่อำนาจด้วยการทำรัฐประหาร โดยปัจจุบัน ตระกูลอัสซ๊าดกุมอำนาจในซีเรียมายาวนาน 41 ปี หลังได้รับแบบอย่างมาจากตูนีเซีย และอียิปต์ ซึ่งประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มผู้นำที่กุมอำนาจมายาวนานและใช้อำนาจแบบเผด็จการ ชาวซีเรียก็ได้สานต่อการลุกฮือขึ้นมาบ้าง แต่ก็ถูกประธานาธิบดีบาชาร์ใช้ข้ออ้างว่า เป็นพวกกลุ่มติดอาวุธหรือแก๊งอาชญากร ทำการกวาดล้างอย่างรุนแรง โดยกว่า 6 เดือนของการลุกฮือขึ้นทั่วประเทศ มีผู้ประท้วงเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2,600 คน แต่สำหรับฝ่ายผู้ประท้วงเองอ้างว่ามีมากกว่า 3,000 คน ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 จำนวนนี้ฝ่ายรัฐบาลซีเรียปฏิเสธ นานาชาติพยายามกดดันให้รัฐบาลซีเรียยุติการปราบปรามผู้ประท้วงโดยทันที ซึ่งล่าสุดเอกอัครราชทูต 3 ประเทศประจำซีเรีย ประกอบด้วยสหรัฐ ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น เดินทางมาร่วมพิธีศพนาย "กายัธ มัททาร์" แกนนำผู้ประท้วงที่ย่านชานกรุงดามัสกัส นายกายัธถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหายไปตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการได้นำศพมาคืน โดยอ้างว่าถูกแก๊งติดอาวุธยิง แต่ทางญาติกลับพบว่าตามร่างกายมีรอยถูกทรมานก่อนเสียชีวิต มีรายงานว่าหลังจากคณะทูตเดินทางกลับไปไม่นาน ทหารได้ยิงแกสน้ำตาเข้าใส่ผู้เข้าร่วมพิธีศพ ประธานาธิบดีบาชาร์กำลังถูกนานาชาติโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกขณะ โดยเมื่อวันอังคาร สันนิบาติชาติอาหรับแถลงการณ์ให้หยุดการนองเลือดโดยทันที ขณะที่นายกรัฐมนตรี "เรเซป เทยิป เออร์โดกัน"ของตุรกี ซึ่งเป็นชาติเพื่อนบ้านกล่าวว่า น่ากลัวว่าสถานการณ์ในซีเรียกำลังเดินไปสู่สงครามกลางเมือง นายเออร์โดกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบอกว่าโดยส่วนตัวแล้วเป็นเพื่อนรักกันกับประธานาธิบดีบาชาร์ แต่ทว่าล่าสุดกลับหันมาบอกว่า "คงจะไม่มีใครเป็นทาง เข้า naza911เพื่อนหรือไว้ใจรัฐบาลที่ยิงประชาชนของตนเองได้" นายกรัฐมนตรีตุรกียังบอกด้วยว่า ผู้นำที่ฆ่าประชาชนของตนเองนั้นสิ้นสุดความชอบธรรมที่จะปกครอง เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด หลังจากผู้ประท้วง ซึ่งกลุ่มไม่ใหญ่นักภายในเมือง "ฮามา" ท้าทายทหารด้วยการตะโกนคำว่า "พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่" หลังจากนั้น 1 ในผู้ประท้วงก็ล้มลง ตามมาด้วยการเข้าช่วยเหลือของเพื่อนๆ ซึ่งอ้างว่าเป็นการกระทำของพลแม่นปืน หรือสไนเปอร์ เมืองฮามาตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายสถานที่สำคัญของการต่อต้านรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซ๊าด ประธานาธิบดีบาชาร์สืบทอดอำนาจมาจากบิดา คือ พ.อ.ฮาเฟซ อัสซ๊าด ซึ่งเข้าสู่อำนาจด้วยการทำรัฐประหาร โดยปัจจุบัน ตระกูลอัสซ๊าดกุมอำนาจในซีเรียมายาวนาน 41 ปี หลังได้รับแบบอย่างมาจากตูนีเซีย และอียิปต์ ซึ่งประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มผู้นำที่กุมอำนาจมายาวนานและใช้อำนาจแบบเผด็จการ ชาวซีเรียก็ได้สานต่อการลุกฮือขึ้นมาบ้าง แต่ก็ถูกประธานาธิบดีบาชาร์ใช้ข้ออ้างว่า เป็นพวกกลุ่มติดอาวุธหรือแก๊งอาชญากร ทำการกวาดล้างอย่างรุนแรง โดยกว่า 6 เดือนของการลุกฮือขึ้นทั่วประเทศ มีผู้ประท้วงเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2,600 คน แต่สำหรับฝ่ายผู้ประท้วงเองอ้างว่ามีมากกว่า 3,000 คน ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 จำนวนนี้ฝ่ายรัฐบาลซีเรียปฏิเสธ นานาชาติพยายามกดดันให้รัฐบาลซีเรียยุติการปราบปรามผู้ประท้วงโดยทันที ซึ่งล่าสุดเอกอัครราชทูต 3 ประเทศประจำซีเรีย ประกอบด้วยสหรัฐ ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น เดินทางมาร่วมพิธีศพนาย "กายัธ มัททาร์" แกนนำผู้ประท้วงที่ย่านชานกรุงดามัสกัส นายกายัธถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหายไปตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการได้นำศพมาคืน โดยอ้างว่าถูกแก๊งติดอาวุธยิง แต่ทางญาติกลับพบว่าตามร่างกายมีรอยถูกทรมานก่อนเสียชีวิต มีรายงานว่าหลังจากคณะทูตเดินทางกลับไปไม่นาน ทหารได้ยิงแกสน้ำตาเข้าใส่ผู้เข้าร่วมพิธีศพ ประธานาธิบดีบาชาร์กำลังถูกนานาชาติโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกขณะ โดยเมื่อวันอังคาร สันนิบาติชาติอาหรับแถลงการณ์ให้หยุดการนองเลือดโดยทันที ขณะที่นายกรัฐมนตรี "เรเซป เทยิป เออร์โดกัน"ของตุรกี ซึ่งเป็นชาติเพื่อนบ้านกล่าวว่า น่ากลัวว่าสถานการณ์ในซีเรียกำลังเดินไปสู่สงครามกลางเมือง นายเออร์โดกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบอกว่าโดยส่วนตัวแล้วเป็นเพื่อนรักกันกับประธานาธิบดีบาชาร์ แต่ทว่าล่าสุดกลับหันมาบอกว่า "คงจะไม่มีใครเป็นเพื่อนหรือไว้ใจรัฐบาลที่ยิงประชาชนของตนเองได้" นายกรัฐมนตรีตุรกียังบอกด้วยว่า ผู้นำที่ฆ่าประชาชนของตนเองนั้นสิ้นสุดความชอบธรรมที่จะปกครอง
วันนี้ (21 มิ.ย.2567) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงนามในคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบา
วันนี้ (27 ก.ย.2565) เฟซบุ๊ก Em Usman โพสต์ภาพ บัณฑิตมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช เข้าช่วยเ
วันนี้ (15 ส.ค.2567) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจ
หลายชาติเข้าข้างผู้ประท้วงซีเรีย นานาชาติเพิ่มแรงกดดันรัฐบาลซีเรียหยุดการปราบปรามประชาชน โดยล่าสุด เอกอัครราชทูตสหรัฐ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นเดินทางมาร่วมงานศพแกนนำผู้ประท้วง แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลซีเรียก็ยังคงเดินหน้ากวาดล้างอย่างไม่หยุด หลายชาติเข้าข้างผู้ประท้วงซีเรีย เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด หลังจากผู้ประท้วง ซึ่งกลุ่มไม่ใหญ่นักภายในเมือง "ฮามา" ท้าทายทหารด้วยการตะโกนคำว่า "พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่" หลังจากนั้น 1 ในผู้ประท้วงก็ล้มลง ตามมาด้วยการเข้าช่วยเหลือของเพื่อนๆ ซึ่งอ้างว่าเป็นการกระทำของพลแม่นปืน หรือสไนเปอร์ เมืองฮามาตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายสถานที่สำคัญของการต่อต้านรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซ๊าด ประธานาธิบดีบาชาร์สืบทอดอำนาจมาจากบิดา คือ พ.อ.ฮาเฟซ อัสซ๊าด ซึ่งเข้าสู่อำนาจด้วยการทำรัฐประหาร โดยปัจจุบัน ตระกูลอัสซ๊าดกุมอำนาจในซีเรียมายาวนาน 41 ปี หลังได้รับแบบอย่างมาจากตูนีเซีย และอียิปต์ ซึ่งประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มผู้นำที่กุมอำนาจมายาวนานและใช้อำนาจแบบเผด็จการ ชาวซีเรียก็ได้สานต่อการลุกฮือขึ้นมาบ้าง แต่ก็ถูกประธานาธิบดีบาชาร์ใช้ข้ออ้างว่า เป็นพวกกลุ่มติดอาวุธหรือแก๊งอาชญากร ทำการกวาดล้างอย่างรุนแรง โดยกว่า 6 เดือนของการลุกฮือขึ้นทั่วประเทศ มีผู้ประท้วงเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2,600 คน แต่สำหรับฝ่ายผู้ประท้วงเองอ้างว่ามีมากกว่า 3,000 คน ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 จำนวนนี้ฝ่ายรัฐบาลซีเรียปฏิเสธ นานาชาติพยายามกดดันให้รัฐบาลซีเรียยุติการปราบปรามผู้ประท้วงโดยทันที ซึ่งล่าสุดเอกอัครราชทูต 3 ประเทศประจำซีเรีย ประกอบด้วยสหรัฐ ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น เดินทางมาร่วมพิธีศพนาย "กายัธ มัททาร์" แกนนำผู้ประท้วงที่ย่านชานกรุงดามัสกัส นายกายัธถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหายไปตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการได้นำศพมาคืน โดยอ้างว่าถูกแก๊งติดอาวุธยิง แต่ทางญาติกลับพบว่าตามร่างกายมีรอยถูกทรมานก่อนเสียชีวิต มีรายงานว่าหลังจากคณะทูตเดินทางกลับไปไม่นาน ทหารได้ยิงแกสน้ำตาเข้าใส่ผู้เข้าร่วมพิธีศพ ประธานาธิบดีบาชาร์กำลังถูกนานาชาติโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกขณะ โดยเมื่อวันอังคาร สันนิบาติชาติอาหรับแถลงการณ์ให้หยุดการนองเลือดโดยทันที ขณะที่นายกรัฐมนตรี "เรเซป เทยิป เออร์โดกัน"ของตุรกี ซึ่งเป็นชาติเพื่อนบ้านกล่าวว่า น่ากลัวว่าสถานการณ์ในซีเรียกำลังเดินไปสู่สงครามกลางเมือง นายเออร์โดกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบอกว่าโดยส่วนตัวแล้วเป็นเพื่อนรักกันกับประธานาธิบดีบาชาร์ แต่ทว่าล่าสุดกลับหันมาบอกว่า "คงจะไม่มีใครเป็นทาง เข้า naza911เพื่อนหรือไว้ใจรัฐบาลที่ยิงประชาชนของตนเองได้" นายกรัฐมนตรีตุรกียังบอกด้วยว่า ผู้นำที่ฆ่าประชาชนของตนเองนั้นสิ้นสุดความชอบธรรมที่จะปกครอง เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด หลังจากผู้ประท้วง ซึ่งกลุ่มไม่ใหญ่นักภายในเมือง "ฮามา" ท้าทายทหารด้วยการตะโกนคำว่า "พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่" หลังจากนั้น 1 ในผู้ประท้วงก็ล้มลง ตามมาด้วยการเข้าช่วยเหลือของเพื่อนๆ ซึ่งอ้างว่าเป็นการกระทำของพลแม่นปืน หรือสไนเปอร์ เมืองฮามาตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายสถานที่สำคัญของการต่อต้านรัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซ๊าด ประธานาธิบดีบาชาร์สืบทอดอำนาจมาจากบิดา คือ พ.อ.ฮาเฟซ อัสซ๊าด ซึ่งเข้าสู่อำนาจด้วยการทำรัฐประหาร โดยปัจจุบัน ตระกูลอัสซ๊าดกุมอำนาจในซีเรียมายาวนาน 41 ปี หลังได้รับแบบอย่างมาจากตูนีเซีย และอียิปต์ ซึ่งประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มผู้นำที่กุมอำนาจมายาวนานและใช้อำนาจแบบเผด็จการ ชาวซีเรียก็ได้สานต่อการลุกฮือขึ้นมาบ้าง แต่ก็ถูกประธานาธิบดีบาชาร์ใช้ข้ออ้างว่า เป็นพวกกลุ่มติดอาวุธหรือแก๊งอาชญากร ทำการกวาดล้างอย่างรุนแรง โดยกว่า 6 เดือนของการลุกฮือขึ้นทั่วประเทศ มีผู้ประท้วงเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2,600 คน แต่สำหรับฝ่ายผู้ประท้วงเองอ้างว่ามีมากกว่า 3,000 คน ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 จำนวนนี้ฝ่ายรัฐบาลซีเรียปฏิเสธ นานาชาติพยายามกดดันให้รัฐบาลซีเรียยุติการปราบปรามผู้ประท้วงโดยทันที ซึ่งล่าสุดเอกอัครราชทูต 3 ประเทศประจำซีเรีย ประกอบด้วยสหรัฐ ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น เดินทางมาร่วมพิธีศพนาย "กายัธ มัททาร์" แกนนำผู้ประท้วงที่ย่านชานกรุงดามัสกัส นายกายัธถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหายไปตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการได้นำศพมาคืน โดยอ้างว่าถูกแก๊งติดอาวุธยิง แต่ทางญาติกลับพบว่าตามร่างกายมีรอยถูกทรมานก่อนเสียชีวิต มีรายงานว่าหลังจากคณะทูตเดินทางกลับไปไม่นาน ทหารได้ยิงแกสน้ำตาเข้าใส่ผู้เข้าร่วมพิธีศพ ประธานาธิบดีบาชาร์กำลังถูกนานาชาติโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกขณะ โดยเมื่อวันอังคาร สันนิบาติชาติอาหรับแถลงการณ์ให้หยุดการนองเลือดโดยทันที ขณะที่นายกรัฐมนตรี "เรเซป เทยิป เออร์โดกัน"ของตุรกี ซึ่งเป็นชาติเพื่อนบ้านกล่าวว่า น่ากลัวว่าสถานการณ์ในซีเรียกำลังเดินไปสู่สงครามกลางเมือง นายเออร์โดกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบอกว่าโดยส่วนตัวแล้วเป็นเพื่อนรักกันกับประธานาธิบดีบาชาร์ แต่ทว่าล่าสุดกลับหันมาบอกว่า "คงจะไม่มีใครเป็นเพื่อนหรือไว้ใจรัฐบาลที่ยิงประชาชนของตนเองได้" นายกรัฐมนตรีตุรกียังบอกด้วยว่า ผู้นำที่ฆ่าประชาชนของตนเองนั้นสิ้นสุดความชอบธรรมที่จะปกครอง
วันนี้ (26 ธ.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ 08.00 น.ที่ผ่านมา ครอบครัวของกำลังพลลูกเรือหลวงสุโ