Tim Thomas dan Uber Indonesia telah menyelesaikan

วันนี้ (24 ส.ค.2567) ลูกหนี้ ที่กำลังประสบอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากขณะนี้ อาจคลายความกังวลได้ระดับหนึ่ง หลังนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ทาง ธอส. ได้ออกมาตรการบรรเทาผ
ด้วยเหตุผล "เด็กและเยาวชน" มีวุฒิภาวะที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ ทั้งด้านอารมณ์ พฤติกรรม การเรียนรู้ และความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะมีประสบการณ์ในการดํารงชีวิตน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก เหตุนี้จึงได้มีกระบวนการยุติธ
วันนี้ (22 พ.ค.2565) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการลงโทษโดยตัดผมนักเรียน ว่า ไม่มีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ฉบับใดที่ให้อำนาจครูลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม ซึ่งระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ในข้อ 7 ก็กำหนดให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียน วางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนที่มีความเฉพาะเจาะจงได้ เช่น โรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับนาฏศิลป์ ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนที่ต้องการไว้ทรงผมนักเรียนในรูปแบบเฉพาะ ทั้งนี้ หลักการที่ต้องยึดถือในการวางระเบียบ คือ ความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีของนักเรียน และการมีส่วนร่วมของนักเรียน สถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น ดังนั้น ตราบใดที่การไว้ทรงผมของนักเรียนไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามระเบียบของสถานศึกษา หรือของกระทรวงฯ แล้ว การลงโทษนักเรียนย่อมไม่สามารถทำได้ ตามข้อ 5 ของระเบียบฯ มีโทษเพียง 4 สถานเท่านั้น คือ ว่ากล่าวตักเตือน, ทำทัณฑ์บน, ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อีกทั้งการลงโทษตามระเบียบฯดังกล่าวก็มีเจตนาเพียงเพื่อให้ครูใช้แก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียน หรือนักศึกษา ให้รู้สำนึกในความผิด และกลับมาประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป ไม่ใช่การลงโทษด้วยวิธีรุนแรง หรือ แบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท รมว.ศธ. กล่าวว่า ตามที่ข้อ 6 ของระเบียบฯ นี้ ได้บัญญัติห้ามไว้อยู่ ดังนั้นขอให้เข้าใจตรงกันว่า การลงโทษนักเรียนด้วยการตักลุ่ม นํา เล่น บา คา ร่าดผม รวมถึงการใช้ความรุนแรงอื่น เช่น การใช้ไม้เรียว การหยิก ตบ ตีร่างกาย หรือการประจานให้อับอาย นอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิทั้งทางร่างกายและจิตใจของนักเรียนแล้ว การลงโทษด้วยวิธีการเหล่านั้นไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการและผิดกฎหมายด้วย แม้การสร้างระเบียบวินัยจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน และเป็นหน้าที่ที่ครูจะต้องทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าการลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม หรือการใช้ความรุนแรงอื่นที่กระทำต่อเนื้อตัวร่างกาย หรือจิตใจของนักเรียน จะช่วยให้เด็ก ๆ เกิดความตระหนักรู้ในบทบาทและหน้าที่ที่ตัวเอง ยิ่งถ้าเข้าใจว่าระเบียบวินัยนั้น ไม่ได้หมายถึงการทำให้ทุกคนมีลักษณะเหมือนกัน แต่หมายถึง การทำให้แต่ละคนรู้จักวางตัว และเลือกใช้พฤติกรรมที่เหมาะสมกับบุคคลอื่นในสังคม การลงโทษนักเรียนด้วยความรุนแรงยิ่งไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสร้างระเบียบวินัย ทั้งนี้ หากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือนักเรียน พบเห็นการลงโทษนักเรียนที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งมาที่ระบบ MOE Safety Center ผ่าน 4 ช่องทาง ดังนี้ Application MOE Safety Center, www.MOESafetyCenter.com, LINE @MOESafetyCenter หรือที่ call center โทร. 0-2126-6565 อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง โรงเรียนชี้แจงดรามาตัดผมรับเปิดเทอม ยืนยันทำตามระเบียบ
อายุ 12 ปี พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก (พม.) จะต้องดำเนินการ – สืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริ
อายุ 12 – 15 ปี – แจ้งผู้ปกครอง และแจ้งสถานพินิจฯ โดยสถานพินิจฯ จะมีการสืบเสาะและจัดทำแผนแก้ไข้บำบัด
อายุ 15 – 18 ปี – กรณีศาลฯ เห็นว่า ยังไม่เห็นสมควรพิพากษาลงโทษ ให้ดำเนินการเช่นเดียวกับเด็กและเยาชนอ
วันนี้ (22 พ.ค.2565) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการลงโทษโดยตัดผมนักเรียน ว่า ไม่มีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ฉบับใดที่ให้อำนาจครูลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม ซึ่งระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ในข้อ 7 ก็กำหนดให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียน วางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนที่มีความเฉพาะเจาะจงได้ เช่น โรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับนาฏศิลป์ ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนที่ต้องการไว้ทรงผมนักเรียนในรูปแบบเฉพาะ ทั้งนี้ หลักการที่ต้องยึดถือในการวางระเบียบ คือ ความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีของนักเรียน และการมีส่วนร่วมของนักเรียน สถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น ดังนั้น ตราบใดที่การไว้ทรงผมของนักเรียนไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามระเบียบของสถานศึกษา หรือของกระทรวงฯ แล้ว การลงโทษนักเรียนย่อมไม่สามารถทำได้ ตามข้อ 5 ของระเบียบฯ มีโทษเพียง 4 สถานเท่านั้น คือ ว่ากล่าวตักเตือน, ทำทัณฑ์บน, ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อีกทั้งการลงโทษตามระเบียบฯดังกล่าวก็มีเจตนาเพียงเพื่อให้ครูใช้แก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียน หรือนักศึกษา ให้รู้สำนึกในความผิด และกลับมาประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป ไม่ใช่การลงโทษด้วยวิธีรุนแรง หรือ แบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท รมว.ศธ. กล่าวว่า ตามที่ข้อ 6 ของระเบียบฯ นี้ ได้บัญญัติห้ามไว้อยู่ ดังนั้นขอให้เข้าใจตรงกันว่า การลงโทษนักเรียนด้วยการตักลุ่ม นํา เล่น บา คา ร่าดผม รวมถึงการใช้ความรุนแรงอื่น เช่น การใช้ไม้เรียว การหยิก ตบ ตีร่างกาย หรือการประจานให้อับอาย นอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิทั้งทางร่างกายและจิตใจของนักเรียนแล้ว การลงโทษด้วยวิธีการเหล่านั้นไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการและผิดกฎหมายด้วย แม้การสร้างระเบียบวินัยจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน และเป็นหน้าที่ที่ครูจะต้องทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าการลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม หรือการใช้ความรุนแรงอื่นที่กระทำต่อเนื้อตัวร่างกาย หรือจิตใจของนักเรียน จะช่วยให้เด็ก ๆ เกิดความตระหนักรู้ในบทบาทและหน้าที่ที่ตัวเอง ยิ่งถ้าเข้าใจว่าระเบียบวินัยนั้น ไม่ได้หมายถึงการทำให้ทุกคนมีลักษณะเหมือนกัน แต่หมายถึง การทำให้แต่ละคนรู้จักวางตัว และเลือกใช้พฤติกรรมที่เหมาะสมกับบุคคลอื่นในสังคม การลงโทษนักเรียนด้วยความรุนแรงยิ่งไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสร้างระเบียบวินัย ทั้งนี้ หากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือนักเรียน พบเห็นการลงโทษนักเรียนที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งมาที่ระบบ MOE Safety Center ผ่าน 4 ช่องทาง ดังนี้ Application MOE Safety Center, www.MOESafetyCenter.com, LINE @MOESafetyCenter หรือที่ call center โทร. 0-2126-6565 อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง โรงเรียนชี้แจงดรามาตัดผมรับเปิดเทอม ยืนยันทำตามระเบียบ
วันนี้ (22 มี.ค.2564) กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดยนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ จัดกิจกรรมหน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเ