วันนี้ (16 มี.ค.2566) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการเข้าควบคุมสถานการณ์ "สารวัตรกานต์" ที่คลุ้มคลั่งยิงปืนในบ้านพักย่านซอยสายไหม 46 และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลภูมิ
การหัวเราะไม่ใช่แค่การแสดงออกเมื่อเจอเรื่องตลก แต่เป็นกลไกธรรมชาติที่ส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจในระดับลึกซึ้ง ตามข้อมูลจาก Mayo Clinic ศูนย์วิจัยทางการแพทย์ชั้นนำของสหรัฐฯ ระบุว่า การหัวเราะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มความรู้สึกมีความสุข พร้อมกันนั้นยังลดระดับคอร์ติซอล ฮอร์โมนแห่งความเครียดที่หากสูงเกินไปจะทำร้ายร่างกาย เช่น ทำให้ความดันโลหิตสูงหรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ นอกจากนี้ งานวิจัยจาก Journal of Neuroscience ในปี 2017 พบว่าการหัวเราะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Natural Killer Cells ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ช่วยกำจัดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็งในระยะเริ่มต้น การหัวเราะยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนในร่างกาย ทำให้หัวใจและปอดทำงานดีขึ้น เทียบได้กับการออกกำลังกายเบา ๆ ดร.ลี เบิร์ก นักวิจัยจาก Loma Linda University ยังระบุว่าการหัวเราะเพียง 5-10 นาที ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นต้นตอของโรคเรื้อรังหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวานและโรคข้ออักเสบ ส่วนด้านจิตใจ การหัวเราะช่วยคลายความวิตกกังวลและปรับมุมมองต่อปัญหาให้ดีขึ้น American Psychological Association (APA) รายงานว่า คนที่หัวเราะบ่อยมีแนวโน้มจัดการความเครียดได้ดีกว่า และมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าน้อยลงถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยยิ้ม ไม่จำเป็นต้องหัวเราะทั้งวันเพื่อให้ได้ประโยชน์ ดร.ลี เบิร์ก ศึกษาเรื่องนี้มากว่า 20 ปี บอกว่าการหัวเราะเพียง 5-15 นาที/วัน แต่ขอให้ทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวก ความดันโลหิตลดลง 2-5 มม.ปรอท อัตราการเต้นของหัวใจสมดุลขึ้น และระดับความเครียดลดลงอย่างเห็นได้ชัด งานวิจัยจาก Journal of Behavioral Medicine ยังแนะนำว่า "ความถี่สำคัญกว่าความยาว" ถ้าคุณหัวเราะสั้น ๆ หลายครั้งใน 1 วัน (เช่น ครั้งละ 1-2 นาที รวมกัน 5-10 นาที) ร่างกายจะได้รับประโยชน์สะสมมากกว่าการหัวเราะนานครั้งเดียวแล้วหยุดไปเลย ดังนั้น ถ้าอยากให้ได้ผลดีที่สุด ลองตั้งเป้าไว้ที่วันละ 5 นาทีเป็นขั้นต่ำ แล้วค่อย ๆ เพิ่มตามความสะดวก การหัวเราะไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ต้องรอให้มีเรื่องตลกมากระตุ้น วิธีง่าย ๆ คือดูคลิปตลกสั้น ๆ บนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, TikTok หรือ X ที่ใช้เวลาไม่เกิน 2-3 นาทีก็ทำให้คุณหัวเราะได้แล้ว หรือลองค้นคำว่า "Funny animal videos" หรือ "Thai comedy clips" รับรองว่าฮาแตก! อีกวิธีหนึ่งคือ ลองชวนเพื่อน ๆ หรือครอบครัวมาเล่าเรื่องขำ ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่กลายเป็นเรื่องตลก หรือจัดวงนั่งคุยแบบสบาย ๆ พร้อมของว่าง ถ้าอยากลองอะไรใหม่ ๆ "โยคะหัวเราะ" (Laughter Yoga) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ วิธีนี้เริ่มจากการแกล้งหัวเราะแบบไม่ต้องมีเหตุผล ซึ่งวารสาร Indian Journal of Psychiatry ยืนยันว่าช่วยลดความเครียดและเพิ่มระดับออกซิเจนในเลือดได้จริง เริ่มจากนั่งเป็นวงแล้วหัวเราะ "โฮะ โฮะ ฮะ ฮะ" ไปพร้อมกัน แรก ๆ อาจรู้สึกฝืน ๆ หน่อย แต่ไม่นานก็จะกลายเป็นการหัวเราะจริง ๆ ที่ติดต่อกันได้ สำหรับกลุ่มเพื่อน ลองจัดกิจกรรมสนุก ๆ เช่น เล่นเกมทายคำใบ้หรือเกมบอร์ดที่เน้นความฮา ดูหนังคอมเมดี้ด้วยกัน ก็เป็นอีกทางที่ทำให้หัวเราะได้ทั้งกลุ่ม หรือถ้าอยู่คนเดียว ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกแล้วหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ฟังดูแปลกแต่ได้ผลเกินคาด การหัวเราะไม่ได้รักษาโรคขั้นรุนแรงให้หายขาดได้ในทันที แต่ช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้จริง งานวิจัยจาก New England Journal of Medicine พบว่า คนที่หัวเราะบ่อยมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดน้อยลงร้อยละ 13-15 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่เครียดตลอดเวลา เพราะการหัวเราะช่วยลดการอักสูตร บา คา ร่า zeancasinoสมัคร เว็บ พนัน บอล ดี ที่สุดเสบของหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ดร.ไมเคิล มิลเลอร์ หัวหน้าทีมวิจัย ระบุว่า การหัวเราะ 15 นาที มีผลต่อหลอดเลือดเทียบเท่ากับการเดินเร็ว 30 นาที ด้านอาการปวดเรื้อรัง ดร.วิลเลียม ฟราย จาก Stanford University ผู้บุกเบิกการวิจัยเรื่องนี้ตั้งแต่ยุค 1970s พบว่า การหัวเราะ 100 ครั้ง เทียบเท่ากับการปั่นจักรยาน 10-15 นาที ในแง่ของการเผาผลาญพลังงานและกระตุ้นระบบประสาทให้หลั่งสารลดปวดตามธรรมชาติ เช่น เบตา-เอ็นดอร์ฟิน ทำให้คนไข้โรคข้ออักเสบหรือปวดหลังเรื้อรังรู้สึกดีขึ้นชั่วคราว Norman Cousins นักเขียนชื่อดังที่ป่วยด้วยโรคข้ออักเสบรุนแรง ยังบันทึกในหนังสือ Anatomy of an Illness ว่า การดูหนังตลกและหัวเราะวันละ 10 นาที ช่วยให้เขานอนหลับได้โดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวด ในแง่การฟื้นตัวจากโรค ผู้ป่วยที่หัวเราะบ่อยหลังผ่าตัดมีอัตราการฟื้นตัวเร็วขึ้นร้อยละ 20 เพราะร่างกายผ่อนคลายและระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น ท้ายที่สุด แค่หัวเราะวันละ 5 นาที ก็จะได้ทั้งสุขภาพกายที่แข็งแรงและจิตใจที่แจ่มใส โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าเสียงหัวเราะคือยาที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติมอบให้ ลองเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะดูคลิปตลก เล่นกับเพื่อน หรือแค่ยิ้มให้ตัวเองหน้ากระจก แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง! รู้หรือไม่ : คนเราหัวเราะครั้งแรกตั้งแต่ 10 สัปดาห์ ซึ่งก็คือ ทารกเริ่มหัวเราะได้ตั้งแต่อายุ 10-12 สัปดาห์ ตามพัฒนาการทางสมองที่ตอบสนองต่อการจั๊กจี้หรือรอยยิ้มของพ่อแม่ อ่านจบก็ปรบมือ แล้วหัวเราะให้ด้วยนะ อ่านข่าวอื่น : ปฏิทินเมษายน 2568 หยุดยาวจุใจแพลนทริปเที่ยวสาดน้ำท้าซัมเมอร์ IOC เสนอบรรจุ "มวยสากล" ในโอลิมปิก 2028
การหัวเราะไม่ใช่แค่การแสดงออกเมื่อเจอเรื่องตลก แต่เป็นกลไกธรรมชาติที่ส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจในระดับลึกซึ้ง ตามข้อมูลจาก Mayo Clinic ศูนย์วิจัยทางการแพทย์ชั้นนำของสหรัฐฯ ระบุว่า การหัวเราะกระตุ้นให้ร
รองเท้าผ้าใบสีขาวที่ขาดวิ่น อมฝุ่นสีน้ำตาลจนแทบไม่หลงเหลือความขาว บ่งบอกถึงประสบการณ์ของผู้สวมใส่ที่
- สูตร บา คา ร่า zeancasinoสมัคร เว็บ พนัน บอล ดี ที่สุด
- ยืนยัน ตัว ต้น รับ เครดิต ฟรี 300สล็อต ค่าย jdb ทดลอง เล่น
- poker online
- สูตร แทง บอล ได้ ชั ว
- cashzumagolden678 joker
- ผล บอล 7 m
นิยายชีวิต โดย : Indira Rezkisari
เรื่องและภาพโดย : Indira Rezkisari
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..