เครดิต ฟรี 15 บาท-ศาลกาฬ🌊สินธุ์ปรับ🌻 1 พันบาท คดี "โ🎷ตโต้" จัด🦦กิจ🎢กร🍭รม "วิ่งไล่ลุง"

เครดิตฟรี ไม่ต้องฝาก ไม่ต้องแชร์ 2564

วันนี้ (17 เม.ย.2565) บรรยากาศบริเวณร้านขายยา ย่านสะพานใหม่ กรุงเทพมหานคร มีประชาชนจำนวนมาก เดินทางมาซื้อยา เวชภัณฑ์ รวมทั้งชุดตรวจ ATK อย่างคึกคัก โดยลูกค้าบางส่วน บอกว่า เพิ่งเดินทางกลับจากต่างจังหว

วันนี้ (16 ส.ค.2565) สมาคมพฤกษศาสตร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ Botanical Society of Thailand เผยแพร่ข่าวดี

วันนี้ (16 ส.ค.2565) สมาคมพฤกษศาสตร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ Botanical Society of Thailand เผยแพร่ข่าวดี ค้นพบพืชสกุลกระเจียวชนิดใหม่ของโลก ตั้งชื่อว่า “บุศรินทร์” มีความหมายว่า “ดอกบัวของพระอินทร์” (Curcuma stahlianthoides Škorničk. & Soonthornk.) มีความหมายว่าดอกบัวของพระอินทร์ และได้รับตีพิมพ์บทความลงในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ Blumea - Biodiversity, Evolution and Biogeography of Plants เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คณะผู้วิจัยประกอบด้วย ดร.ศุทธิณัฏฐ์ สุนทรกลัมพ์ ดร.จุฑามาศ กองผาพา และ ดร.สุคนธ์ทิพย์ เวียนมานะ อาจารย์คณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร ร่วมกับน.ส.ณัชชา กุลภา ประธานวิสาหกิจชุมชนทายาทเกษตรกรรุ่นใหม่ ต.ท่าก้อน อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร และ Dr. Jana Leong-Škorničková นักอนุกรมวิธานผู้เชี่ยวชาญพืชสกุลกระเจียว อันดับหนึ่งของโลกจา🤔กสวนพฤกษศาสตร์ ประเทศสิงคโปร์ การค้นพบครั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้รับการประสานงานจากน.ส.ณัชชา ว่าได้พบพืชลักษณะคล้ายว่านเพชรน้อย ในพื้นที่เกษตรกรรมแห่งหนึ่งของ จ.นครพนม จึงได้ลงพื้นที่สำรวจ เก็บตัวอย่าง ข้อมูล พร้อมถ่ายภาพสภาพถิ่นที่อาศัย จากนั้นจึงนำตัวอย่างและข้อมูลกลับมา ตรวจสอบกับข้อมูลพืชสกุลกระเจียวในพิพิธภัณฑ์พืชต่างๆ พร้อมทั้งประสานส่งให้กับ Dr. Jana Leong-Škorničková นักอนุกรมวิธานผู้เชี่ยวชาญพืชสกุลกระเจียว (Curcuma) อันดับหนึ่งของโลกจากสวนพฤกษศาสตร์ประเทศสิงคโปร์ พบว่าพืชชนิดนี้ เป็นพืชสกุลกระเจียวชเครดิต ฟรี 15 บาทนิดใหม่ของโลก ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ออนไลน์ในวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภาพ :เฟซบุ๊ก Kasetsart University ภาพ :เฟซบุ๊ก🎶 Kasetsart University สำหรับพืชสกุลกระเจียวชนิดใหม่ของโลกตั้งชื่อว่า "บุศรินทร์" พบในพื้นที่เกษตรกรรมแห่งหนึ่งของจังหวัดนครพนม ประเทศไทย เป็นพืชล้มลุกสูงประมาณ 50 ซม. มีลำต้นใต้ดินรูปไข่ ลำต้นใต้ดินมีการแตกแขนง เนื้อด้านในลำต้นสีขาวครีม ใบรูปรีแคบคล้ายใบหญ้า แผ่นใบและก้านใบมีสีเขียว ช่อดอกออกที่ด้านข้างของลำต้นมักเกิดก่อนใบ ส่วนต้นที่เติบโตและอยู่ในพื้นที่ได้รับแสงอาทิตย์มาก ก้านช่อดอกสั้น และฝังอยู่ในดิน แต่ในต้นที่เจริญในที่ร่มก้านช่อดอกจะยาวโผล่พื้นดิน ช่อดอกมีใบประดับรูปไข่หร🥇ือรูปไข่กว้าง ปลายใบประดับโค้งลง จำนวน 3-11 กลีบ มีสีเขียว กลีบดอกมีสีขาวเกือบทุกกลีบ กลีบปากรูปไข่กลับ มีแถบสีเหลืองสดที่กึ่งกลางของกลีบปากส่วนปลายกลีบปากแยกเป็นสองพู ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายมะลิ ลักษณะที่โดดเด่นของบุศรินทร์ ที่บ่งบอกว่าเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก คือการมีลักษณะร่วมกันระหว่างพืชสกุลกระเจียว และสกุลว่านเพชรน้อยโดย มีดอกที่คล้ายกับพืชสกุลว่านเพชรน้อย แต่ลักษณะของช่อดอกมีใบประ🥥ดับหลายใบ ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปในพืชสกุลกระเจียว และยังพบว่ามดช่วยในการกระจายเมล็ดของบุศรินทร์ ซึ่งมดจะถูกล่อด้วยสารเคมีในเยื่อหุ้มเมล็ดของบุศรินทร์ ภาพ :เฟซบุ๊ก Kasetsart University ภาพ :เฟซบุ๊ก Kasetsart University สำหรับการตั้งชื่อนั้น บุศรินทร์ เป็นชื่อสามัญได้มาจากลักษณะของใบประดับที่มีใบสีเขียวเรียงซ้อนกันตั้ง🎻แต่ 3-11 กลีบ ลักษณะคล้ายกับดอกบัวจึงตั้งชื่อว่า บุศรินทร์ อันมีความหมายว่า ดอกบัวของพระอินทร์ ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์นั้น "บุศรินทร์" จัดอยู่ในสกุลเดียวกับกระเจียว โดยลักษณะดอกของบุศรินทร์ มีความคล้ายคลึงกับพืชในสกุลว่านเพชรน้อย หรือ Stahlianthus จากการศึกษาทางชีวโมเลกุลก่อนหน้าของ Záveská และคณะในปีพ.ศ.2555 พบว่าพืชในสกุลว่านเพชรน้อย มีความใกล้ชิดกับพืชในสกุลกระเจียวมากจนสกุลว่านเพชรน้อยถูกรวมเข้ามาอยู่ในสกุลกระเจียว ทางคณะผู้วิจัย จึงมีความเห็นตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma stahlianthoides ซึ่งสื่อถึงลักษณะของบุศรินทร์ที่มีลักษณะคล้ายกับว่านเพชรน้อย ภาพ :เฟซบุ๊ก Kasetsart University ภาพ :เฟซ👾บุ๊ก Kasetsart University ดร.ศุทธิณัฏฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบุศรินทร์ พบเพียงที่ จ.นครพนมเท่านั้น แต่มีรายงานอย่างไม่ทางการว่าอาจจะพบในประเทศลาวด้วย ส่วนต่อยอดจากการค้นพบพืชชนิดใหม่ โดยทั่วไปพืชในวงศ์ขิง-ข่า จะมีการสร้างน้ำมันหอมระเหยในทุกส่วนของต้น แต่ตอนนี้ ไม่มีการศึกษาทางพฤกษเคมีในบุศรินทร์ หากมีการศึกษาในด้านนี้ อาจจะพบสารที่มีศักยภาพในการใช้ประโยชน์ทางสมุนไพรได้ในอนาคต เอกสารอ้างอิงhttps://www.ingentaconnect.com/.../content-nbc-blumea-0630 https://doi.org/10.3767/blumea.2022.67.01.09

องค์การอนามัยโลกเปิดโครงการมอบเงินช่วยเหลือมากกว่า 1,400 ล้านบาท เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจของผู้ประสบภัย การติดอยู่ใต้ซากอาคารเป็นเวลานานและการสูญเสียคนในครอบครัวเป็นปัจจัยทำให้จำนวนผู้ที่มีปัญหา