ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนถึงขั้นเสียชีวิต มีสาเหตุมาจากการเสียเลือดซึ่งมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ มีแผล เลือดออก สิ่งที่ต้องทำให้เร็วที่สุด คือ การห้ามเลือด เทคโนโลยีทางการแพทย์จึงได้

ความจริงจากบังกลาเทศ ตอนที่ 2 : ท่าเรือ นายหน้าค้ามนุษย์ใช้พื้นที่ท่าเรือ "คาตาบอเนีย" เป็นจุดเริ่มต้นในการนำผู้อพยพชาวโรฮิงญาขึ้นเรือเพื่อออกสู่ทะเล ขณะที่นักการเมืองท้องถิ่นในบังกลาเทศเปิดเผยว่า ธุรกิจค้ามนุษย์เติบโตมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้เรียกเก็บเงินค่าหัวที่ผู้อพยพ แต่ปัจจุบันกลับเรียกเงินจากนายหน้าที่ประเทศไทย ความจริงจากบังกลาเทศ ตอนที่ 2 : ท่าเรือ "คาตาบอเนีย" ชื่อที่ชาวบังกลาเทศใช้เรียกบริเวณที่เป็นท่าเรือขนาดย่อม ในช่วงที่น้ำขึ้นชาวบ้านจะใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางไปที่เมืองชาปูราดิพ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศบังกลาเทศ หรือใช้เป็นเส้นทางออกไปยังแม่น้ำนาฟ เพื่อออกสู่ทะเล นายหน้าใช้พื้นที่คาตาบอเนีย เป็นจุดเริ่มต้นในการนำพาผู้อพยพไปขึ้นเรือใหญ่ ซึ่งลอยลำอยู่บริเวณชายแดนบังกลาเทศกับเมียนมา บริเวณเกาะเซนต์มาร์ติน ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่นี้จากชาวโรฮิงญาคนหนึ่งที่เคยถูกนายหน้าหลอกไปขึ้นเรือ นายเซเยด อาลาม ชาวโรฮิงญา วัย 24 ปี เล่าผ่านล่ามว่า นายหน้าชาวบังกลาเทศอายุประมาณ 40 ปี เข้ามาในหมู่บ้านและชักชวนคนไปทำงานรับจ้างที่ชัมลาปู ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมทะเล โดยรับปากว่าจะมีค่าตอบแทนให้ แต่กลับกลายเป็นการหลอกไปขึ้นเรือเพื่อไปประเทศมาเลเซีย แต่นายเซเยดปฏิเสธนายหน้า เนื่องจากเขารู้ว่ามีโอกาสจะถูกทำร้ายร่างกาย เพราะเคยมีญาติที่นายหน้านำพามาประเทศไทย โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากแม่ของเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายเซเยด สอดคล้องกับข้อมูลจากนายสุไนลี นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ชาปูราดิพ และเป็นประธานพรรคอวามิลีค เขตชาปูราดิพ กล่าวว่า ธุรกิจนำพาคนออกนอกประเทศทางเรือมีมานานกว่า 7 ปี โดย 5 ปีแรก นายหน้าเรียกเงินจากผู้อพยพคนละ 20,000 ธากา หรือ 8,700 บาท แต่ 2 ปีหลัง ซึ่งธุรกิจเติบโตขึ้นมาก นายหน้ากลับไม่เรียกเก็บค่าหัวจากผู้อพยพ แต่กลับพบข่าวคราวว่ามีการเรียกเงินจากนายหน้าที่ประเทศไทย หลังจากผู้อพยพเดินทางไปที่นั่นแล้ว "คาตาบอเนีย" ชื่อที่ชาวบังกลาเทศใช้เรียกบริเวณที่เป็นท่าเรือขนาดย่อม ในช่วงที่น้ำขึ้นชาวบ้านจะใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางไปที่เมืองชาปูราดิพ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศบังกลาเทศ หรือใช้เป็นเส้นทางออกไปยังแม่น้ำนาฟ เพื่อออกสู่ทะเล นายหน้าใช้พื้นที่คาตาบอเนีย เป็นจุดเริ่มต้นในการนำพาผู้อพยพไปขึ้นเรือใหญ่ ซึ่งลอยลำอยู่บริเวณชายแดนบังกลาเทศกับเมียนมา บริเวณเกาะเซนต์มาร์ติน ทีมข่าวไทยพีบีเอสได้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่นี้จากชาวโรฮิงญาคนหนึ่งที่เคยถูกนายหน้าหลอกไปขึ้นเรือ นายเซเยด อาลาม ชาวโรฮิงญา วัย 24 ปี เล่าผ่านล่ามว่า นายหน้าชาวบังกลาเทศอายุประมาณ 40 ปี เข้ามาในหมู่บ้านและชักชวนคนไปทำงานรับจ้างที่ชัมลาปู ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมทะเล โดยรับปากว่าจะมีค่าตอบแทนให้ แต่กลับกลายเป็นการหลอกไปขึ้นเรือเพื่อไปประเทศมาเลเซีย แต่นายเซเยดปฏิเสธนายหน้า เนื่องจากเขารู้ว่ามีโอกาสจะถูกทำร้ายร่างกาย เพราะเคยมีญาติที่นายหน้านำพามาประเทศไทย โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากแม่ของทดลอง เล่น บา คา ร่า wmเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายเซเยด สอดคล้องกับข้อมูลจากนายสุไนลี นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ชาปูราดิพ และเป็นประธานพรรคอวามิลีค เขตชาปูราดิพ กล่าวว่า ธุรกิจนำพาคนออกนอกประเทศทางเรือมีมานานกว่า 7 ปี โดย 5 ปีแรก นายหน้าเรียกเงินจากผู้อพยพคนละ 20,000 ธากา หรือ 8,700 บาท แต่ 2 ปีหลัง ซึ่งธุรกิจเติบโตขึ้นมาก นายหน้ากลับไม่เรียกเก็บค่าหัวจากผู้อพยพ แต่กลับพบข่าวคราวว่ามีการเรียกเงินจากนายหน้าที่ประเทศไทย หลังจากผู้อพยพเดินทางไปที่นั่นแล้ว

วันนี้ (14 ก.ค.2564) มีรายงานว่าสัปดาห์หน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นัดประชุมร่วมกับ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการ

ความจริงจากบังกลาเทศ ตอนที่ 2 : ท่าเรือ นายหน้าค้ามนุษย์ใช้พื้นที่ท่าเรือ "คาตาบอเนีย" เป็นจุดเริ่มต

นิยายชีวิต โดย : Ferry kisihandi
เรื่องและภาพโดย : Ferry kisihandi
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..