วันนี้ (1 ก.พ.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสถานศึกษาเริ่มเปิดเรียนวันแรก หลังจากต้องหยุดการเรีย

วันนี้ (27 ก.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2218/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 1839/2566) ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ฟ้องเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่เพิกถอนหนังสื

เรียกร้องทบทวน ม.228 เปิดคนนอกร่วมเป็น ก.อ. ไม่เพียงผู้พิพากษาและตุลาการในศาลยุติธรรมทั้ง 3 ชั้นเท่านั้น ที่ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก เพื่อให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทบทวนข้อบัญญัติกรณีให้คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) มีสัดส่วนเข้ามาอยู่ในองค์กรบริหารงานบุคคล แต่อัยการ ก็ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกัน เพราะมาตรา 228 ของร่างรัฐธรรมนูญ ร่างแรกนี้ กำหนดสัดส่วนคนนอกเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เรียกร้องทบทวน ม.228 เปิดคนนอกร่วมเป็น ก.อ. คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ บัญญัติวรรค 6 ของมาตรา 228 ว่าด้วยองค์กรบริหารงานบุคคลของข้าราชการอัยการต้องเป็นอิสระ พร้อมกำหนดสัดส่วน ให้ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการส่วนหนึ่ง มาจากการเลือกตั้งของข้าราชการอัยการแต่ละชั้น ประกอบกับกรรมการอีกส่วนหนึ่ง ที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด โดยผู้ทรงคุณวุฒิที่ว่านี้ บัญญัติคุณสมบัติไว้ว่า ต้องไม่เป็น หรือเคยเป็นข้าราชการอัยการและไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหมายถึงการเปิดทางให้ "คนนอก" เข้ามาร่วมกำกับดูแลการบริหารงานบุคคลในองค์กร ไม่ว่าจะแต่งตั้งโยกย้าย เลื่อนเงินเดือนและเลื่อนตำแหน่ง รวมไปถึงสอบวิสัยและการโทษทางวินัย อันเป็นการให้คุณให้โทษต่ออัยการ แม้จะมีคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ จาก ครม. แต่คุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิ ยังคงตามคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ขณะที่สัดส่วนกลายเป็นการเลือกจากวุฒิสภา 2 คน และจาก ครม.1 คน ซึ่งเข้าข่ายเลือกคตรวจ หวย 1 พ ย 55ช่อง ทาง เข้า ส โบนนอก ที่เป็นฝ่ายการเมืองทางตรง ด้วยเหตุนี้ อัยการจึงได้ร่วมลงชื่อคัดค้านขอให้ทบทวนแก้ไข ไม่ต่างกับผู้พิพากษาและตุลากา,ร 1,380 คนที่ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกขอแก้ไข ด้วยความกลัวว่าจะเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงเช่นกัน คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ บัญญัติวรรค 6 ของมาตรา 228 ว่าด้วยองค์กรบริหารงานบุคคลของข้าราชการอัยการต้องเป็นอิสระ พร้อมกำหนดสัดส่วน ให้ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการส่วนหนึ่ง มาจากการเลือกตั้งของข้าราชการอัยการแต่ละชั้น ประกอบกับกรรมการอีกส่วนหนึ่ง ที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด โดยผู้ทรงคุณวุฒิที่ว่านี้ บัญญัติคุณสมบัติไว้ว่า ต้องไม่เป็น หรือเคยเป็นข้าราชการอัยการและไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหมายถึงการเปิดทางให้ "คนนอก" เข้ามาร่วมกำกับดูแลการบริหารงานบุคคลในองค์กร ไม่ว่าจะแต่งตั้งโยกย้าย เลื่อนเงินเดือนและเลื่อนตำแหน่ง รวมไปถึงสอบวิสัยและการโทษทางวินัย อันเป็นการให้คุณให้โทษต่ออัยการ แม้จะมีคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ จาก ครม. แต่คุณสมบัติของผ€ู้ทรงคุณวุฒิ ยังคงตามคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ขณะที่สัดส่วนกลายเป็นการเลือกจากวุฒิสภา 2 คน และจาก ครม.1 คน ซึ่งเข้าข่ายเลือกคนนอก ที่เป็นฝ่ายการเมืองทางตรง ด้วยเหตุนี้ อัยการจึงได้ร่วมลงชื่อคัดค้านขอให้ทบทวนแก้ไข ไม่ต่างกับผู้พิพากษาและตุลาการ 1,380 คนที่ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกขอแก้ไข ด้วยความกลัวว่าจะเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงเช่นกัน

เรียกร้องทบทวน ม.228 เปิดคนนอกร่วมเป็น ก.อ. ไม่เพียงผู้พิพากษาและตุลาการในศาลยุติธรรมทั้ง 3 ชั้นเท่านั้น ที่ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก เพื่อให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทบทวนข้อบัญญัติกรณีให้คณะกร