วันนี้ (21 ก.ย.2565) องค์การยูนิเซฟ ยืนยันรายงานกา

วันนี้ (1 ก.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เวลา 10.00 น.คณะทำงานชุดปฏิบัติการด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายตามคำสั่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรส
วันนี้ (14 ก.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่มีผู้ต้องหา 5 คนถูกระบุว่าซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงอายุ 15 ปี ในพื้นที่ จ.สระบุรี โดยหนึ่งในจำนวนนี้เป็นอดีตนักการเมือง สังกัดพรรคการเมืองใหญ่ ใ
คลอดกฎหมายอุ้มบุญ บังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ สธ.เตือนทำเชิงพาณิชย์จำคุก 10 ปีปรับ 2 แสน รมว.สธ.เผยกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ มีผลบังคับใช้สิ้นเดือน ก.ค. 58 เนื้อหาระบุห้ามปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร อุ้มบุญเพื่อการค้า หรือเป็นนายหน้า รวมถึงห้ามซื้อขายนำเข้าอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน ชี้หากแพทย์-คู่สามีภรรยา-ผู้รับตั้งครรภ์ ฝ่าฝืน มีโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ปรับ 2 แสนบาท คลอดกฎหมายอุ้มบุญ บังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ สธ.เตือนทำเชิงพาณิชย์จำคุก 10 ปีปรับ 2 แสน วันนี้ (29 ก.ค. 2558) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ปี 2558 ว่า กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ โดยเจตนารมย์ของกฎหมาย มีขึ้นเพื่อช่วยคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายแต่มีบุตรยาก ให้สามารถมีบุตรได้ และยังควบคุมป้องกันไม่ให้นำวิธีอุ้มบุญไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างตั้งครรภ์ การค้ามนุษย์ รวมถึงการทอดทิ้งเด็ก นพ.รชตะกล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดข้อห้าม ไม่ให้สามีและภรรยาที่ทำอุ้มบุญปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร ห้ามรับตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ห้ามเป็นนายหน้าจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ห้ามซื้อ เสนอซื้อหรือขาย นำเข้าหรือส่งออกอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน โดยสถานประกอบการ แพทย์ คู่สามีภรรยา และผู้รับตั้งครรภ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย “สำหรับบทลงโทษกรณีแพทย์ไม่ปฏฺิบัติตามมาตรฐานแพทยสภา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำเชิงการค้ารับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท กรณีเป็นนายหน้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท กรณีขายอสุจิ หรือไข่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศ.นพ.รชตะ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ดำเนินการอุ้มบุญก่อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สามารถยื่นรับรองบุตรได้ ซึ่งการปฏิบัติการตามกฎหมายจะดำเนินการภายใต้คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 15 คน วันนี้ (29 ก.ค. 2558) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ปี 2558 ว่า กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ โดยเจตนารมย์ของกฎหมาย มีขึ้นเพื่อช่วยคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายแต่มีบุตรยาก ให้สามารถมีบุตรได้ และยังควบคุมป้องกันไม่ให้นำวิธีอุ้มบุญไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างตั้งครรภ์ การค้ามนุษย์ รวมถึงการทอดทิ้งเด็ก นพ.รชตะกล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดข้อห้าม ไม่ให้สามีและภรรยาที่ทำอุ้มบุญปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร ห้ามรับตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ห้ามเป็นนายหน้าจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ห้ามซื้อ เสนอซื้อหรือขาย นำเข้าหรือส่งออกอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน โดยสถานประกอบการ แพทย์ คู่สามีภรรยา และผู้รับตั้งครรภ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย “สำหรับบทลงโทษกรณีแพทย์ไม่ปฏฺิบัติตามมาตรฐานแพทยสภา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำเชิงการค้ารับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท กรณีเป็นนายหน้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท กรณีขายอสุจิ หรือไข่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศ.นพ.รชตะ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ดำเนินการอุ้มบุญก่อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สามารถยื่นรับรองบุตรได้ ซึ่งการปฏิบัติการตามกฎหมายจะดำเนินการภายใต้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กฝาก วอ เลท 1 บาท รับ 50 ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 15 คน
กรณีเหตุโจมตีรุนแรงในอิสราเอล ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่าคนไทยที่ไปทำงานเสียชีวิต 2 คนบาดเจ็บ 8 คนและถูกจั
วันนี้ (2 เม.ย.2566) โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า การดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีความ
วันนี้ (8 ส.ค.2566) กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า ติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำโขง พบว่ามีปริ
คลอดกฎหมายอุ้มบุญ บังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ สธ.เตือนทำเชิงพาณิชย์จำคุก 10 ปีปรับ 2 แสน รมว.สธ.เผยกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ มีผลบังคับใช้สิ้นเดือน ก.ค. 58 เนื้อหาระบุห้ามปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร อุ้มบุญเพื่อการค้า หรือเป็นนายหน้า รวมถึงห้ามซื้อขายนำเข้าอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน ชี้หากแพทย์-คู่สามีภรรยา-ผู้รับตั้งครรภ์ ฝ่าฝืน มีโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ปรับ 2 แสนบาท คลอดกฎหมายอุ้มบุญ บังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ สธ.เตือนทำเชิงพาณิชย์จำคุก 10 ปีปรับ 2 แสน วันนี้ (29 ก.ค. 2558) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ปี 2558 ว่า กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ โดยเจตนารมย์ของกฎหมาย มีขึ้นเพื่อช่วยคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายแต่มีบุตรยาก ให้สามารถมีบุตรได้ และยังควบคุมป้องกันไม่ให้นำวิธีอุ้มบุญไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างตั้งครรภ์ การค้ามนุษย์ รวมถึงการทอดทิ้งเด็ก นพ.รชตะกล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดข้อห้าม ไม่ให้สามีและภรรยาที่ทำอุ้มบุญปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร ห้ามรับตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ห้ามเป็นนายหน้าจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ห้ามซื้อ เสนอซื้อหรือขาย นำเข้าหรือส่งออกอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน โดยสถานประกอบการ แพทย์ คู่สามีภรรยา และผู้รับตั้งครรภ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย “สำหรับบทลงโทษกรณีแพทย์ไม่ปฏฺิบัติตามมาตรฐานแพทยสภา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำเชิงการค้ารับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท กรณีเป็นนายหน้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท กรณีขายอสุจิ หรือไข่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศ.นพ.รชตะ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ดำเนินการอุ้มบุญก่อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สามารถยื่นรับรองบุตรได้ ซึ่งการปฏิบัติการตามกฎหมายจะดำเนินการภายใต้คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 15 คน วันนี้ (29 ก.ค. 2558) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข แถลงข่าวการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ปี 2558 ว่า กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ โดยเจตนารมย์ของกฎหมาย มีขึ้นเพื่อช่วยคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายแต่มีบุตรยาก ให้สามารถมีบุตรได้ และยังควบคุมป้องกันไม่ให้นำวิธีอุ้มบุญไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างตั้งครรภ์ การค้ามนุษย์ รวมถึงการทอดทิ้งเด็ก นพ.รชตะกล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดข้อห้าม ไม่ให้สามีและภรรยาที่ทำอุ้มบุญปฏิเสธรับเด็กเป็นบุตร ห้ามรับตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ห้ามเป็นนายหน้าจัดการหรือชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ห้ามซื้อ เสนอซื้อหรือขาย นำเข้าหรือส่งออกอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน โดยสถานประกอบการ แพทย์ คู่สามีภรรยา และผู้รับตั้งครรภ์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย “สำหรับบทลงโทษกรณีแพทย์ไม่ปฏฺิบัติตามมาตรฐานแพทยสภา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำเชิงการค้ารับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท กรณีเป็นนายหน้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท กรณีขายอสุจิ หรือไข่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศ.นพ.รชตะ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ดำเนินการอุ้มบุญก่อนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สามารถยื่นรับรองบุตรได้ ซึ่งการปฏิบัติการตามกฎหมายจะดำเนินการภายใต้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กฝาก วอ เลท 1 บาท รับ 50 ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 15 คน
คลอดกฎหมายอุ้มบุญ บังคับใช้ 30 ก.ค.นี้ สธ.เตือนทำเชิงพาณิชย์จำคุก 10 ปีปรับ 2 แสน รมว.สธ.เผยกฎหมายคุ