วันนี้ (11 ก.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วทุกพื้นที่ของไทยมีฝนตกหนักจากอิตรวจ หวย รัฐบาล 16 สิงหาคม 63
เอกชนแนะรัฐทบทวนนโยบาย ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ชี้ว่ารัฐบาลควรพิจารณานโยบายเศรษฐกิจใหม่ เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก พร้อมย้ำรัฐบาลต้องรักษาวินัยทางการคลัง เอกชนแนะรัฐทบทวนนโยบาย นายไพบูลย์
หลังครม.มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท จำนวนนี้ มีค่าดำเนินการภาครัฐวงเงิน 669,365.4866 ล้านบาท เพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่ายรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยมิได้คาดหมาย สำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น การชำระหนี้ภาครัฐ และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง โดยจะเสนอสภาพิจารณาระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค.นี้ ก่อนจะประกาศใช้ในเดือนต.ค. 2568 หากจำแนกตามกลุ่มงบประมาณ แบ่งรายจ่ายออกเป็น 7 ประเภท คือ งบกลาง 632,968.7500 ล้านบาท หรือประมาณ 16.74 เปอร์เซ็นต์ ,รายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ 1,408, 060. 3287 ล้านบาท ประมาณ 37.25 เปอร์เซ็นต์ , รายจ่ายบูรณาการ 98,767.8186 ล้านบาท ประมาณ 2.61เปอร์เซ็นต์ , รายจ่ายบุคลากร 820,820.8104 ล้านบาท หรือ 21.71 เปอร์เซ็นต์ ,รายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน 274,576.8057 ล้านบาท หรือ 7.26 เปอร์เซ็นต์ รายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ 421,864.4264 ล้านบาท หรือ 11.16 เปอร์เซ็นต์ และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 123,541.0602 ล้านบาท หรือ 3.27 เปอร์เซ็นต์ และจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ คือ ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบฯ ปี 69 จำนวน (ล้านบาท) เป็นงบด้านความมั่นคง 415,327.9413 ล้านบาท , ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 394,611.6456 ล้านบาท , งบด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 605,927.2575 ล้านบาท , การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 942, 709. 1735 ล้านบาท , การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 147,216.8998 ล้านบาท และการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 605,441.5957 นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ในฐานะะอดีตกรรมาธิการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีสภาผู้แทนฯ กล่าวว่า ไทยใช้งบประมาณแบบขาดดุล มาตั้งแต่ปี 2550 จึงทำให้เกิดปัญหาขาดดุลต่อเนื่อง และหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้น โดยร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ขาดดุลถึง 865,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับขาดดุลสูงสุดในรอบ 19 ปี จึงมีผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP พุ่งจาก 40% ในช่วงวิกฤตโควิด- 19 เป็น 66.93% ในปี 2568 และคาดว่า จะแตะเพดาน 70% ภายใน 2 ปี “ร่างพ.ร.บ. ปี 2569 มีการจัดงบประมาณแบบขาดดุลอีกปีหนึ่ง แต่ปีนี้วงเงินขาดดุลงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ ไทยอาจเผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะและสูญเสียศักยภาพการเติบโตในระยะยาวเพราะต้องกู้เงินมาปิดหีบงบประมาณต่อเนื่อง จึงต้องเร่งแก้ปัญหา” นายอลงกรณ์ ระบุว่า สาเหตุสำคัญของการขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง เนื่องจากโครงสร้างรายจ่ายภาครัฐ งบประจำสูงเกินไป งบลงทุนน้อยเกินไป ในขณะที่หนี้สาธารณะเพิ่มเร็วเกินไป งบรายจ่ายประจำสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในส่วนเงินเดือนข้าราชการและสวัสดิการมีสัดส่วนถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณปี 2568 ส่วนงบลงทุนเหลือเพียง 24.2 เปอร์เซ็นต์ และลดลงเหลือ 22.7 % ในงบปี 2569 อดีตกมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีสภาผู้แทนฯ ยังระบุอีกว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และโครงการประชานิยมของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการช็อปช่วยชาติและบัตรคนจน แม้จะทำให้เกิดการกระตุ้น การบริโภคชั่วคราว แต่ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การพัฒนาฐานการผลิต อีกทั้งการอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรส่งผลให้เกิดหนี้เรื้อรังในภาคเกษตรกรรม และขาดความยั่งยืน นอกจากนี้ ระบบภาษีไม่มีประสิทธิภาพ ฐานภาษีแคบ ภาษีเงินได้บุคคลธรรม ดาจัดเก็บได้เพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP เนื่องจากแรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคนไม่เข้าสู่ระบบ มีการหลีกเลี่ยงภาษีโดยธุรกิจขนาดใหญ่ใช้ช่องโหว่กฎหมายลดหย่อนภาษี ขณะที่ SMEs ถูกเก็บภาษีเต็มอัตรา นายอลงกรณ์ ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และโครงการจัดซื้อจัดจ้างประมูลงานของรัฐทำให้ต้นทุนโครงการสูงเกินจริง ต้องกู้เงินเพิ่ม การจัดสรรงบประมาณแบบเลือกปฏิบัติเน้นโครงการที่สร้างผลตอบแทนทางการเมืองแทนความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ยังไม่รวมถึงปัญหาสังคมสูงวัยจะทำให้ค่าใช้จ่ายสวัสดิการผู้สูงอายุคาดพุ่งเป็น 35% ของงบประมาณภายในปี 2583 หรือไม่เกินอีก 14 ปี ข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลจะต้องออกแบบระบบสวัสดิการแบบยั่งยืน เช่น สร้างอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพลดภาระการให้เงินอุดหนุน อย่างไรก็ตาม อดีตกรรมาธิการงบประมาณ ฯได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหาดังกล่าว คือ ต้องลดราย จ่ายภาครัฐ ปฏิรูปและลดขนาดภาครัฐ หรือยกเลิกตรวจ หวย รัฐบาล 16 สิงหาคม 63หรือควบรวมหน่วยงานรัฐพาณิชย์ที่ขาดทุนไร้ประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้งบประมาณ เช่น การปฏิรูประบบภาษีและขยายฐานภาษีเพิ่มภาษีทรัพย์สินภาษีมรดกและภาษีลาภลอยพร้อมกับป้องกันการรั่วไหลและการทุจริตภาษีอย่างเด็ดขาด รวมทั้ง เพิ่มรายได้ภาครัฐทุกประเภทและเพิ่มรายได้จากการส่งออก และปฏิรูประบบงบประมาณ โดยใช้ระบบงบประมาณฐานศูนย์( Zero-Based Budgeting) เริ่มจัดสรรงบประมาณจากศูนย์ทุกปี และตัดโครงการไม่จำเป็นออกไปก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง อ่านข่าว “สนธิ-จตุพร” สลัดสีเสื้อ-ขั้วตรงข้าม เปิดฉากรบ “เพื่อไทย-ทักษิณ” ใช้คืนหมื่นล้าน มุมอับพท. จุดชี้ตาย “แพทองธาร” ใช้งบผิดประเภท
วันนี้ (7 มิ.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์
ตรวจ หวย รัฐบาล 16 สิงหาคม 63
วันนี้ (11 ก.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วทุกพื้นที่ของไทยมีฝนตกหนักจากอิตรวจ หวย รัฐบาล 16 สิงหาคม 63
เอกชนแนะรัฐทบทวนนโยบาย ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ชี้ว่ารัฐบาลควรพิจารณานโยบายเศรษฐกิจใหม่ เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลก พร้อมย้ำรัฐบาลต้องรักษาวินัยทางการคลัง เอกชนแนะรัฐทบทวนนโยบาย นายไพบูลย์
หลังครม.มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท จำนวนนี้ มีค่าดำเนินการภาครัฐวงเงิน 669,365.4866 ล้านบาท เพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่ายรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยมิได้คาดหมาย สำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น การชำระหนี้ภาครัฐ และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง โดยจะเสนอสภาพิจารณาระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค.นี้ ก่อนจะประกาศใช้ในเดือนต.ค. 2568 หากจำแนกตามกลุ่มงบประมาณ แบ่งรายจ่ายออกเป็น 7 ประเภท คือ งบกลาง 632,968.7500 ล้านบาท หรือประมาณ 16.74 เปอร์เซ็นต์ ,รายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ 1,408, 060. 3287 ล้านบาท ประมาณ 37.25 เปอร์เซ็นต์ , รายจ่ายบูรณาการ 98,767.8186 ล้านบาท ประมาณ 2.61เปอร์เซ็นต์ , รายจ่ายบุคลากร 820,820.8104 ล้านบาท หรือ 21.71 เปอร์เซ็นต์ ,รายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน 274,576.8057 ล้านบาท หรือ 7.26 เปอร์เซ็นต์ รายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ 421,864.4264 ล้านบาท หรือ 11.16 เปอร์เซ็นต์ และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 123,541.0602 ล้านบาท หรือ 3.27 เปอร์เซ็นต์ และจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ คือ ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบฯ ปี 69 จำนวน (ล้านบาท) เป็นงบด้านความมั่นคง 415,327.9413 ล้านบาท , ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 394,611.6456 ล้านบาท , งบด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 605,927.2575 ล้านบาท , การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 942, 709. 1735 ล้านบาท , การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 147,216.8998 ล้านบาท และการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 605,441.5957 นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ในฐานะะอดีตกรรมาธิการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีสภาผู้แทนฯ กล่าวว่า ไทยใช้งบประมาณแบบขาดดุล มาตั้งแต่ปี 2550 จึงทำให้เกิดปัญหาขาดดุลต่อเนื่อง และหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้น โดยร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ขาดดุลถึง 865,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับขาดดุลสูงสุดในรอบ 19 ปี จึงมีผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP พุ่งจาก 40% ในช่วงวิกฤตโควิด- 19 เป็น 66.93% ในปี 2568 และคาดว่า จะแตะเพดาน 70% ภายใน 2 ปี “ร่างพ.ร.บ. ปี 2569 มีการจัดงบประมาณแบบขาดดุลอีกปีหนึ่ง แต่ปีนี้วงเงินขาดดุลงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ ไทยอาจเผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะและสูญเสียศักยภาพการเติบโตในระยะยาวเพราะต้องกู้เงินมาปิดหีบงบประมาณต่อเนื่อง จึงต้องเร่งแก้ปัญหา” นายอลงกรณ์ ระบุว่า สาเหตุสำคัญของการขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง เนื่องจากโครงสร้างรายจ่ายภาครัฐ งบประจำสูงเกินไป งบลงทุนน้อยเกินไป ในขณะที่หนี้สาธารณะเพิ่มเร็วเกินไป งบรายจ่ายประจำสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในส่วนเงินเดือนข้าราชการและสวัสดิการมีสัดส่วนถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณปี 2568 ส่วนงบลงทุนเหลือเพียง 24.2 เปอร์เซ็นต์ และลดลงเหลือ 22.7 % ในงบปี 2569 อดีตกมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีสภาผู้แทนฯ ยังระบุอีกว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และโครงการประชานิยมของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการช็อปช่วยชาติและบัตรคนจน แม้จะทำให้เกิดการกระตุ้น การบริโภคชั่วคราว แต่ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การพัฒนาฐานการผลิต อีกทั้งการอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรส่งผลให้เกิดหนี้เรื้อรังในภาคเกษตรกรรม และขาดความยั่งยืน นอกจากนี้ ระบบภาษีไม่มีประสิทธิภาพ ฐานภาษีแคบ ภาษีเงินได้บุคคลธรรม ดาจัดเก็บได้เพียง 16 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP เนื่องจากแรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคนไม่เข้าสู่ระบบ มีการหลีกเลี่ยงภาษีโดยธุรกิจขนาดใหญ่ใช้ช่องโหว่กฎหมายลดหย่อนภาษี ขณะที่ SMEs ถูกเก็บภาษีเต็มอัตรา นายอลงกรณ์ ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และโครงการจัดซื้อจัดจ้างประมูลงานของรัฐทำให้ต้นทุนโครงการสูงเกินจริง ต้องกู้เงินเพิ่ม การจัดสรรงบประมาณแบบเลือกปฏิบัติเน้นโครงการที่สร้างผลตอบแทนทางการเมืองแทนความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ยังไม่รวมถึงปัญหาสังคมสูงวัยจะทำให้ค่าใช้จ่ายสวัสดิการผู้สูงอายุคาดพุ่งเป็น 35% ของงบประมาณภายในปี 2583 หรือไม่เกินอีก 14 ปี ข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลจะต้องออกแบบระบบสวัสดิการแบบยั่งยืน เช่น สร้างอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพลดภาระการให้เงินอุดหนุน อย่างไรก็ตาม อดีตกรรมาธิการงบประมาณ ฯได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหาดังกล่าว คือ ต้องลดราย จ่ายภาครัฐ ปฏิรูปและลดขนาดภาครัฐ หรือยกเลิกตรวจ หวย รัฐบาล 16 สิงหาคม 63หรือควบรวมหน่วยงานรัฐพาณิชย์ที่ขาดทุนไร้ประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้งบประมาณ เช่น การปฏิรูประบบภาษีและขยายฐานภาษีเพิ่มภาษีทรัพย์สินภาษีมรดกและภาษีลาภลอยพร้อมกับป้องกันการรั่วไหลและการทุจริตภาษีอย่างเด็ดขาด รวมทั้ง เพิ่มรายได้ภาครัฐทุกประเภทและเพิ่มรายได้จากการส่งออก และปฏิรูประบบงบประมาณ โดยใช้ระบบงบประมาณฐานศูนย์( Zero-Based Budgeting) เริ่มจัดสรรงบประมาณจากศูนย์ทุกปี และตัดโครงการไม่จำเป็นออกไปก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง อ่านข่าว “สนธิ-จตุพร” สลัดสีเสื้อ-ขั้วตรงข้าม เปิดฉากรบ “เพื่อไทย-ทักษิณ” ใช้คืนหมื่นล้าน มุมอับพท. จุดชี้ตาย “แพทองธาร” ใช้งบผิดประเภท
วันนี้ (7 มิ.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์