เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ยืนรอต้อนรับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯ อิสราเอล ที่เดินทางถึงทำเนียบขาวด้วยตัวเอง การเยือนทำเนียบขาวของผู้นำอิสราเอลครั้งนี้ ทำให้
แนะรัฐใช้หลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” รับมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน “สุรเกียรติ์” อดีต รมว.ต่างประเทศ เป็นห่วงหลังผลสำรวจของคนไทยในเรื่องการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พบว่าไทยอยู่ในลำดับท้ายของกลุ่ม พร้อมแนะ
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ยืนรอต้อนรับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯ อิสราเอล ที่เดินทางถึงทำเนียบขาวด้วยตัวเอง การเยือนทำเนียบขาวของผู้นำอิสราเอลครั้งนี้ ทำให้เขาเป็นผู้นำโลกที่ได้พบทรัมป์เป็นคนแรก นับตั้งแต่ทรัมป์ได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัย 2 การพบปะกันของ 2 ผู้นำเกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของข้อตกลงหยุดยิงในเขตกาซา ซึ่งอยู่ในระยะแรกที่กินเวลา 6 สัปดาห์ โดยดำเนินมากว่าครึ่งทาง และถึงเวลาที่จะต้องเจรจาหาข้อสรุปของข้อตกลงหยุุดยิงระยะถัดไป ซึ่งจะเป็นหัวข้อหลักของการหารือ ท่ามกลางอีกหลายหัวข้อ โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า การคลี่คลายความขัดแย้งในตะวันออกกลางเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของทรัมป์และรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ ผู้นำอิสราเอลที่เดินทางเยือนสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์พบหารือกับ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนด้านตะวันออกกลางของทรัมป์ โดยเป็นการพบกันครั้งที่ 2 หลังวิตคอฟฟ์ไปเยือนอิสราเอลสัปดาห์ที่แล้ว ตามคำแถลงจากสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล การพบกับวิตคอฟฟ์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 2 โดยอิสราเอลกำลังเตรียม คณะผู้แทนระดับปฏิบัติการเพื่อเดินทางไปโดฮาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อหารือรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง ผู้นำอิสราเอลเดินทางเข้าทำเนียบขาวท่ามกลางการประท้วงของกลุ่มครอบครัวตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป เพื่อกดดันให้รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าช่วยเหลือตัวประกัน ท่ามกลางท่าทีของเนทันยาฮูที่แบ่งรับแบ่งสู้ โดยเขาเคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า อิสราเอลมีสิทธิ์จะกลับไปสู้รบอีกครั้ง ซึ่งท่าทีดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะของผู้นำอิสราเอลที่กำลังตกที่นั่งลำบากจากแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศ ทั้งแนวร่วมรัฐบาลขวาจัดที่กดดันให้เดินหน้าบุกโจมตีกาซา ล้มเลิกข้อตกลงหยุดยิง อีกประเด็นที่หลายฝ่ายจับตามองว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ คือการต่อสายตรงระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับ สี จิ้นผิง ปธน.จีน หลังจากเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) เว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ร้อยละ 15 สำหรับสินค้าจำพวกถ่านหินและแก๊สธรรมชาติเหลว และขึ้นภาษีสินค้านำเข้าร้อยละ 10 ในสินค้าจำพวกน้ำมันดิบ เครื่องจักรกลทางการเกษตรและรถยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งมาตรมา ส คา ร่า ใส อี ทู ดี้การของจีนจะมีผลในวันที่ 10 ก.พ.2568 นอกจากการขึ้นภาษีนำเข้าแล้ว ทางการจีนยังระบุด้วยว่าได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกวัตถุดิบบางประเภทที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและการทหาร รวมถึงกำลังดำเนินการสอบสวนกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ว่าอาจกระทำผิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดตลาดของจีนอีกด้วย ท่าทีของจีนเป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนร้อยละ 10 ซึ่งมีผลไปแล้ว แต่ล่าสุดทรัมป์ระบุว่า เขา "ไม่รีบ" ที่จะพูดคุยกับ ปธน.สี จิ้นผิง แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจะมีการโทรศัพท์คุยกันเร็ว ๆ นี้ อ่านข่าวเพิ่ม : สวีเดนเศร้า! มือปืนกราดยิงโรงเรียนผู้ใหญ่คร่า 10 ชีวิต จับตา 9 โมง ตัดไฟฟ้า-อินเตอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา
การอารักขาและพิธีต้อนรับ สะท้อนภาพได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คือ แขกระดับอาคันตุกะ โดยเฉพาะพิธีรำดาบซึ่งจะเป็นกิจกรรมที่ถูกบรรจุไว้ในพิธีต้อนรับ ที่ถือเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ซาอุดีอาร
กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Arm Chavapon" โพสต์เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เล่าเหตุการณ์ถูกน้ำร้อนจากกาแฟหกใส่ตัว
