วันนี้ (6 ก.พ.2566) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธ

วันนี้ (10 ก.ค.2566) เวลา 23.00 น. นายชัชชาติ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงเหตุการณ์สะพานข้ามแยก ย่านลาดกระบัง ถล่ม ว่าจากการตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิต 2 คน โดยผู้เสียชีวิตเป็นวิศวกร เสียชีวิตในที่
การศึกษาเสมอภาค เท่าเทียม มักจะถูกยกมาเป็นบทสนทนาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาอยู่เสมอ แม้ที่ผ่านรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการจะมีการจัดตั้งกองทุนเสมอภาคด้านการศึกษา(กสศ.) เพื่อวางแนวทางบริการจัดการ เพื่อทำให้เ
การศึกษาเสมอภาค เท่าเทียม มักจะถูกยกมาเป็นบทสนทนาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาอยู่เสมอ แม้ที่ผ่านรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการจะมีการจัดตั้งกองทุนเสมอภาคด้านการศึกษา(กสศ.) เพื่อวางแนวทางบริการจัดการ เพื่อทำให้เด็กไทยทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียม แต่ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรดังกล่าวได้ ทั้งๆที่ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ได้มีการผลักดันและขับเคลื่อนนฟุตบอล 3 พระจอมโปรโมชั่นFun88โย บายมาตลอด รายการ "คุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น" สนทนากับ "ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ถึงอนาคต ทิศทาง บทบาทหน้าที่ และเป้าหมายในฐานะเข็มทิศนำทางด้านการศึกษา หากการศึกษาล้มเหลว เศรษฐกิจก็แย่ สังคมก็ปั่นป่วน รวมไปถึงเรื่องของการบ้านการเมือง คอรัปชั่นก็จะเต็มบ้านเต็มเมือง เกือบ 6 ปีแล้วที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ผลักดันให้เกิดความเสมอภาคทางการศึกษาไปได้กี่เปอร์เซ็นต์ "ประธานกรรมการบริหาร กสศ." ยอมรับว่า เป็นงานใหญ่มีความยากอยู่ในตัวเอง แต่มีความคืบหน้าตามทิศทางที่ได้วางนโยบายไว้ เช่น การช่วยเหลือนักเรียนจากครอบครัวยากจนที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาได้จำนวน 1.2 ล้านคน จากทั้งหมด 1.8 ล้านคนทั่วประเทศ ยังมีเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาอีกประมาณ 1 ล้านคน เพื่อรอการผลักดันเข้าสู่การศึกษาภาคบังคับตั้งแต่ระดับอนุบาล – มัธยมศึกษาปีที่ 3 รวมไปถึงช่วยดูเรื่องการเรียนรู้หากเข้าไปสู่ตลาดแรงงาน กระทั่งอายุ 24 ปี ขณะเด็กที่มีความประสงค์ศึกษาสูงกว่าภาคบังคับในการศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 หรืออาชีวศึกษา ก็จะมีการผลักดันในรูปแบบที่ต่าง ๆ ที่ให้เหมาะสม ขณะที่ในระดับอุดมศึกษา จะมีการส่งข้อมูลไปให้กับมหาวิทยาลัยที่มีทรัพยา กรเพียงพอในการรับช่วงดูแลต่อ หากถามว่า กสศ. รู้ได้อย่างไรว่า เด็กคนไหนเสี่ยงจะหลุดออกจากระบบการศึกษา… "ประธานกรรมการบริหาร กสศ." อธิบายว่า ตัวเลขของเด็กเยาวชนที่เรียนอยู่ในภาคบังคับมีประมาณ 9 ล้านคน จากครอบครัวฐานะแตกต่างกันไป กสศ. ได้สำรวจเก็บข้อมูลรายได้ครัวเรือน ประกอบปัจจัยอื่น ๆ เช่น สถานะครอบครัว จำนวนสมาชิกครอบครัวที่ต้องพึ่งพิง มีจำนวนผู้หารายได้กี่คน สภาพที่อยู่อาศัย และนำมาวิเคราะห์โดยทีมวิจัยจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,กระทรวงศึกษาธิการ ,องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คำนวณทางวิชาการเพื่อคัดกรองความยากจน "แน่นอนภาครัฐมีการช่วยเหลือที่เป็นพื้นฐาน แต่เป็นแบบทั่วถึงทุกคนเท่า ๆ กัน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ส่วน กศส. เข้าไปเติมเต็ม เหมือนไปเติมรอยที่ขาด แรกเริ่มก็ถูกตัดงบ ได้มาน้อย และก็ช่วยเท่าที่จะทำได้ ก็ค่อย ๆ เริ่มเพิ่มมาเรื่อย ๆ เรียกว่า ทุนเสมอภาค เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ให้เด็กหลุดออกมานอกระบบ โดยมีเงื่อนไขการติดตามอัตราการมาเรียน ผลการเรียน 5 ปีผ่านมา เด็กนักเรียนที่เสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาทั้ง 1.2 ล้านคน ดีขึ้นทั้งในอัตราการเรียน - ผลการเรียน" ดร.ประสาน บอกว่า เกือบ 6 ปี การทำงานในฐานะประธานกรรมการบริหาร กสศ. ได้เห็นหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยเฉพาะปัจจัยด้านสถานะครอบครัว การอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายายเมื่อพ่อแม่ต้องเข้ามาเป็นแรงงานในเมือง หรือครอบครัวที่ผู้ปกครองระดับการศึกษาไม่ได้สูง ก็จะมีทัศนคติที่ว่าเรียนไปทำไม โดย 60% จากผลวิจัยพบว่าเด็กยากจนเหล่านี้ ผู้ปกครองจะมีการศึกษาสูงสุดประถมศึกษา ทำให้เกิดวงจรที่เรียกว่า "ความยากจนข้ามรุ่น" เพราะระดับการศึกษาสูงสุดของผู้ปกครองสัมพันธ์กับระดับการศึกษาของเด็ก และระดับการศึกษาสัมพันธ์กับการประกอบอาชีพ และรายได้ นอกจากนี้ กสศ. ยังมีโครงการสำรวจครอบครัวยากจนที่อยู่ห่างไกล ที่มีลูกจบมัธยมปีที่ 3 หรือ จบ ปวส. เพื่อนำส่งข้อมูลให้กับสถาบันการศึกษาในพื้นที่สนับสนุนการฝึกอาชีพ เช่น คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำเด็กเหล่านี้มาฝึกอบรมผู้ช่วยทันตแพทย์ 1 ปี ได้ทำงานมีเงินเดือนเลี้ยงดูครอบครัวได้ รวมถึงสถาบันเทคโนโลยีหลายแห่ง ก็มีการเข้าร่วมพัฒนา ฝึกเด็กที่สนในด้านของอุตสาหกรรมใหม่ๆ นวัตกรรมขั้นสูง ให้เป็นแรงงานที่สำคัญ เรียกได้ว่า "Learn to Earn" การศึกษากินได้ ที่ไม่ใช่แค่เพียงเข้ามาช่วยในเรื่องของเงินทุน แต่เป็นการตอบโจทย์ที่เรียกว่า "all for education" ดร.ประสาร ให้นิยามของคำว่า "All for education" ว่า ทุกคนมีความรับผิดชอบร่วมกันให้การศึกษาไปถึงทุกคน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งจะพูดถึงปลายน้ำอย่างเดียวไม่ได้ เฉกเช่นคำเปรียบเทียบที่ว่า "ทั้งหมู่บ้านต้องช่วยกันเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้โตมีคุณภาพสูงสุด" ดังนั้นการส่งเสริมการศึกษาไม่ใช่เพียงแค่การแจกทุน แต่จะต้องดูแลลตั้งแต่หลักสูตรเข้าถึงผู้เรียนเพียงใด ผลลัพธ์การเรียนรู้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานหรือไม่ กสศ. จึงได้มีการสร้างภาคีเครือข่ายทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ การทำงานในแบบ "All for education" ของ กสศ. เป็นไปในทิศทางที่ไม่เพียงแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา แต่ยังต้องแก้ความเหลื่อมล้ำในเชิงคุณภาพ ต้องทำให้เห็นว่าผลลัพธ์การศึกษาทำให้คนเรียนรู้ได้จริง ๆ เพื่อสร้างทักษะพื้นฐานทุนมนุษย์ที่จะทำให้เขาเติบโต เป็นพลเมืองที่ดี เป็นกำลังแรงงานที่มีคุณภาพตอบโจทย์ของประเทศ ที่ผ่านมาสำนักสถิติแห่งชาติ และนักวิชาการมหาวิทยาลัย ได้สำรวจทักษะพื้นฐาน หรือทักษะทุนมนุษย์วัยแรงงาน 3 ด้าน คือ "ทักษะรู้หนังสือ" ไม่ใช่แค่การเขียนออกเขียนได้ แต่หมายถึงการใช้ประโยชน์จากการรู้หนังสือ เช่น อ่านข้อความแล้วเข้าใจ "ทักษะดิจิทัล" คือ การหาประโยชน์จากเทคโนโลยี เว็ปไซต์ และทักษะสังคมอารมณ์ ซึ่งการคำนวณทางสถิติ หากไทยแก้โจทย์นี้ได้จะช่วยความเสียหายทางเศรษฐกิจ 3.3 ล้านล้าน อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนไปก็จะสามารถตอบได้ว่า "ทำไมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ" นั่นเพราะทักษะทุนมนุษย์จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญด้านธุรกิจ รวมทั้งยูเนสโก (UNESCO) ยังประเมินว่า หากผลักดันเด็ก 1 ล้านของไทยที่อยู่นอกระบบการศึกษา เข้ามาสู่ระบบการศึกษาได้ ก็จะแก้โจทย์ด้านเศรษฐกิจที่จะทำให้โตขึ้นปีละ 1.7% ..ถามว่าการดำเนินงานมาเกือบ 6 ปี ของ กสศ. เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่? "ประธานกรรมการบริหาร กสศ." เชื่อว่าเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ก็มีความท้าทายที่เป็นโจทย์ใหญ่หลายด้าน สำคัญคือการสร้างภาคีทุกภาคส่วนให้ร่วมคิด ร่วมสร้าง ยุทธศาสตร์แรกจะต้องพัฒนาครูไปทางไหน อย่างไร ทั้งในระบบเรียนรู้ เทคโนโลยีดิจิทัล หรือการเข้าฝึกอบรมเพื่อร่วมออกแบบเรียนรู้ทักษะขั้นพื้นฐานให้กับเด็ก ๆ พร้อมที่จะออกไปเผชิญสังคมทั้งในเรื่องของอารม และการรู้หนังสือ ดร.ประสาน ทิ้งท้ายว่า ความจริงประเทศไทยมีทรัพยากรที่ใช้ในด้านการศึกษาไม่น้อย กระทรวงศึกษาใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาทต่อปี ถ้ารวมหน่วยสังกัดอื่นๆ ด้วย ภาคเอกชน ประมาณ 8 แสนล้านบาทต่อปี หากหารด้วย GDP จะตก 5-6% นับเป็นงบประมาณเกือบสูงที่สุดในโลก ถึงระดับพวก OCD (กลุ่มประเทศมั่งมี) แต่ทำไมผลลัพธ์จากการศึกษาเราไม่ได้อย่างเขา พบกับรายการ "คุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น" เวลา21.30-22.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทุกวันพฤหัสบดี
วันนี้ (23 มิ.ย.2564) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธาน
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2566 เฟซบุ๊ก "บดินทร์ จันทศรีคำ" ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดเฝ้าระวังช้างป่าตำบลสาริก โพสต์
“พล.อ.ประวิตร” ยัน พ.ร.บ. กลาโหม เป็นไปตามขั้นตอน “พล.อ.ประวิตร” อดีตรมว.กลาโหม ระบุ พ.ร.บ.จัดระเบีย
การศึกษาเสมอภาค เท่าเทียม มักจะถูกยกมาเป็นบทสนทนาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาอยู่เสมอ แม้ที่ผ่านรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการจะมีการจัดตั้งกองทุนเสมอภาคด้านการศึกษา(กสศ.) เพื่อวางแนวทางบริการจัดการ เพื่อทำให้เด็กไทยทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียม แต่ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรดังกล่าวได้ ทั้งๆที่ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ได้มีการผลักดันและขับเคลื่อนนฟุตบอล 3 พระจอมโปรโมชั่นFun88โย บายมาตลอด รายการ "คุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น" สนทนากับ "ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ถึงอนาคต ทิศทาง บทบาทหน้าที่ และเป้าหมายในฐานะเข็มทิศนำทางด้านการศึกษา หากการศึกษาล้มเหลว เศรษฐกิจก็แย่ สังคมก็ปั่นป่วน รวมไปถึงเรื่องของการบ้านการเมือง คอรัปชั่นก็จะเต็มบ้านเต็มเมือง เกือบ 6 ปีแล้วที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ผลักดันให้เกิดความเสมอภาคทางการศึกษาไปได้กี่เปอร์เซ็นต์ "ประธานกรรมการบริหาร กสศ." ยอมรับว่า เป็นงานใหญ่มีความยากอยู่ในตัวเอง แต่มีความคืบหน้าตามทิศทางที่ได้วางนโยบายไว้ เช่น การช่วยเหลือนักเรียนจากครอบครัวยากจนที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาได้จำนวน 1.2 ล้านคน จากทั้งหมด 1.8 ล้านคนทั่วประเทศ ยังมีเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาอีกประมาณ 1 ล้านคน เพื่อรอการผลักดันเข้าสู่การศึกษาภาคบังคับตั้งแต่ระดับอนุบาล – มัธยมศึกษาปีที่ 3 รวมไปถึงช่วยดูเรื่องการเรียนรู้หากเข้าไปสู่ตลาดแรงงาน กระทั่งอายุ 24 ปี ขณะเด็กที่มีความประสงค์ศึกษาสูงกว่าภาคบังคับในการศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 หรืออาชีวศึกษา ก็จะมีการผลักดันในรูปแบบที่ต่าง ๆ ที่ให้เหมาะสม ขณะที่ในระดับอุดมศึกษา จะมีการส่งข้อมูลไปให้กับมหาวิทยาลัยที่มีทรัพยา กรเพียงพอในการรับช่วงดูแลต่อ หากถามว่า กสศ. รู้ได้อย่างไรว่า เด็กคนไหนเสี่ยงจะหลุดออกจากระบบการศึกษา… "ประธานกรรมการบริหาร กสศ." อธิบายว่า ตัวเลขของเด็กเยาวชนที่เรียนอยู่ในภาคบังคับมีประมาณ 9 ล้านคน จากครอบครัวฐานะแตกต่างกันไป กสศ. ได้สำรวจเก็บข้อมูลรายได้ครัวเรือน ประกอบปัจจัยอื่น ๆ เช่น สถานะครอบครัว จำนวนสมาชิกครอบครัวที่ต้องพึ่งพิง มีจำนวนผู้หารายได้กี่คน สภาพที่อยู่อาศัย และนำมาวิเคราะห์โดยทีมวิจัยจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,กระทรวงศึกษาธิการ ,องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คำนวณทางวิชาการเพื่อคัดกรองความยากจน "แน่นอนภาครัฐมีการช่วยเหลือที่เป็นพื้นฐาน แต่เป็นแบบทั่วถึงทุกคนเท่า ๆ กัน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ส่วน กศส. เข้าไปเติมเต็ม เหมือนไปเติมรอยที่ขาด แรกเริ่มก็ถูกตัดงบ ได้มาน้อย และก็ช่วยเท่าที่จะทำได้ ก็ค่อย ๆ เริ่มเพิ่มมาเรื่อย ๆ เรียกว่า ทุนเสมอภาค เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ให้เด็กหลุดออกมานอกระบบ โดยมีเงื่อนไขการติดตามอัตราการมาเรียน ผลการเรียน 5 ปีผ่านมา เด็กนักเรียนที่เสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาทั้ง 1.2 ล้านคน ดีขึ้นทั้งในอัตราการเรียน - ผลการเรียน" ดร.ประสาน บอกว่า เกือบ 6 ปี การทำงานในฐานะประธานกรรมการบริหาร กสศ. ได้เห็นหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยเฉพาะปัจจัยด้านสถานะครอบครัว การอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายายเมื่อพ่อแม่ต้องเข้ามาเป็นแรงงานในเมือง หรือครอบครัวที่ผู้ปกครองระดับการศึกษาไม่ได้สูง ก็จะมีทัศนคติที่ว่าเรียนไปทำไม โดย 60% จากผลวิจัยพบว่าเด็กยากจนเหล่านี้ ผู้ปกครองจะมีการศึกษาสูงสุดประถมศึกษา ทำให้เกิดวงจรที่เรียกว่า "ความยากจนข้ามรุ่น" เพราะระดับการศึกษาสูงสุดของผู้ปกครองสัมพันธ์กับระดับการศึกษาของเด็ก และระดับการศึกษาสัมพันธ์กับการประกอบอาชีพ และรายได้ นอกจากนี้ กสศ. ยังมีโครงการสำรวจครอบครัวยากจนที่อยู่ห่างไกล ที่มีลูกจบมัธยมปีที่ 3 หรือ จบ ปวส. เพื่อนำส่งข้อมูลให้กับสถาบันการศึกษาในพื้นที่สนับสนุนการฝึกอาชีพ เช่น คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำเด็กเหล่านี้มาฝึกอบรมผู้ช่วยทันตแพทย์ 1 ปี ได้ทำงานมีเงินเดือนเลี้ยงดูครอบครัวได้ รวมถึงสถาบันเทคโนโลยีหลายแห่ง ก็มีการเข้าร่วมพัฒนา ฝึกเด็กที่สนในด้านของอุตสาหกรรมใหม่ๆ นวัตกรรมขั้นสูง ให้เป็นแรงงานที่สำคัญ เรียกได้ว่า "Learn to Earn" การศึกษากินได้ ที่ไม่ใช่แค่เพียงเข้ามาช่วยในเรื่องของเงินทุน แต่เป็นการตอบโจทย์ที่เรียกว่า "all for education" ดร.ประสาร ให้นิยามของคำว่า "All for education" ว่า ทุกคนมีความรับผิดชอบร่วมกันให้การศึกษาไปถึงทุกคน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งจะพูดถึงปลายน้ำอย่างเดียวไม่ได้ เฉกเช่นคำเปรียบเทียบที่ว่า "ทั้งหมู่บ้านต้องช่วยกันเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้โตมีคุณภาพสูงสุด" ดังนั้นการส่งเสริมการศึกษาไม่ใช่เพียงแค่การแจกทุน แต่จะต้องดูแลลตั้งแต่หลักสูตรเข้าถึงผู้เรียนเพียงใด ผลลัพธ์การเรียนรู้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานหรือไม่ กสศ. จึงได้มีการสร้างภาคีเครือข่ายทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ การทำงานในแบบ "All for education" ของ กสศ. เป็นไปในทิศทางที่ไม่เพียงแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา แต่ยังต้องแก้ความเหลื่อมล้ำในเชิงคุณภาพ ต้องทำให้เห็นว่าผลลัพธ์การศึกษาทำให้คนเรียนรู้ได้จริง ๆ เพื่อสร้างทักษะพื้นฐานทุนมนุษย์ที่จะทำให้เขาเติบโต เป็นพลเมืองที่ดี เป็นกำลังแรงงานที่มีคุณภาพตอบโจทย์ของประเทศ ที่ผ่านมาสำนักสถิติแห่งชาติ และนักวิชาการมหาวิทยาลัย ได้สำรวจทักษะพื้นฐาน หรือทักษะทุนมนุษย์วัยแรงงาน 3 ด้าน คือ "ทักษะรู้หนังสือ" ไม่ใช่แค่การเขียนออกเขียนได้ แต่หมายถึงการใช้ประโยชน์จากการรู้หนังสือ เช่น อ่านข้อความแล้วเข้าใจ "ทักษะดิจิทัล" คือ การหาประโยชน์จากเทคโนโลยี เว็ปไซต์ และทักษะสังคมอารมณ์ ซึ่งการคำนวณทางสถิติ หากไทยแก้โจทย์นี้ได้จะช่วยความเสียหายทางเศรษฐกิจ 3.3 ล้านล้าน อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนไปก็จะสามารถตอบได้ว่า "ทำไมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ" นั่นเพราะทักษะทุนมนุษย์จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญด้านธุรกิจ รวมทั้งยูเนสโก (UNESCO) ยังประเมินว่า หากผลักดันเด็ก 1 ล้านของไทยที่อยู่นอกระบบการศึกษา เข้ามาสู่ระบบการศึกษาได้ ก็จะแก้โจทย์ด้านเศรษฐกิจที่จะทำให้โตขึ้นปีละ 1.7% ..ถามว่าการดำเนินงานมาเกือบ 6 ปี ของ กสศ. เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่? "ประธานกรรมการบริหาร กสศ." เชื่อว่าเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ก็มีความท้าทายที่เป็นโจทย์ใหญ่หลายด้าน สำคัญคือการสร้างภาคีทุกภาคส่วนให้ร่วมคิด ร่วมสร้าง ยุทธศาสตร์แรกจะต้องพัฒนาครูไปทางไหน อย่างไร ทั้งในระบบเรียนรู้ เทคโนโลยีดิจิทัล หรือการเข้าฝึกอบรมเพื่อร่วมออกแบบเรียนรู้ทักษะขั้นพื้นฐานให้กับเด็ก ๆ พร้อมที่จะออกไปเผชิญสังคมทั้งในเรื่องของอารม และการรู้หนังสือ ดร.ประสาน ทิ้งท้ายว่า ความจริงประเทศไทยมีทรัพยากรที่ใช้ในด้านการศึกษาไม่น้อย กระทรวงศึกษาใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาทต่อปี ถ้ารวมหน่วยสังกัดอื่นๆ ด้วย ภาคเอกชน ประมาณ 8 แสนล้านบาทต่อปี หากหารด้วย GDP จะตก 5-6% นับเป็นงบประมาณเกือบสูงที่สุดในโลก ถึงระดับพวก OCD (กลุ่มประเทศมั่งมี) แต่ทำไมผลลัพธ์จากการศึกษาเราไม่ได้อย่างเขา พบกับรายการ "คุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น" เวลา21.30-22.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทุกวันพฤหัสบดี
วันนี้ (28 พ.ค.2568) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังมีฝนตกหนักถึงหนักม