วันนี้ (7 ก.ย.2566) ที่ศาลา 11 วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน กรุงเทพฯ ครอบครัวและญาติ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. รวมถึงเพื่อนข้าราชการตำรวจ ผู้บังคับบัญชาตำรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจท

ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น 3,346,665 คน (ข้อมูลสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กระทรวงแรงงาน เดือน ส.ค.2567) คนต่างชาติที่มีรายได้ในประเทศไทย จำเป็นต้องเสีย "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" โดยวิธีการเสียภาษีและจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจะขึ้นอยู่กับสถานะผู้เสียภาษี และระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทยในปีภาษีนั้น ๆ เข้าใจให้ง่ายคือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รายได้จากงานในประเทศไทย หลักเกณฑ์ปฏิบัติไม่ต่างจากแรงงานไทย สถานะผู้เสียภาษี (Taxpayer Status) อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax Rates) อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยเป็นแบบอัตราก้าวหน้า โดยอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามจำนวนเงินได้สุทธิ (หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน) ดังนี้ การหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน (Deductions and Allowances) คนต่างชาติสามารถหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนบางประเภทได้ เช่นเดียวกับคนไทย ตัวอย่างเช่น การยื่นแบบแสดงรายการภาษี (Tax Filing) คนต่างชาติที่มีรายได้ในประเทศไทยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด. 90/91) กับกรมสรรพากรไทย โดยที่แบบแสดงรายการภาษีจะต้องยื่นภายในวันที่ 31 มี.ค.ของปีถัดไป สำหรับรายได้ที่ได้รับในปีภาษีที่ผ่านมา สนธิสัญญาภาษีซ้อน (Double Taxation Agreement) ประเทศไทยมีการลงนามสนธิสัญญาภาษีซ้อนกับหลายประเทศ ซึ่งช่วยลดหรือยกเว้นภาษีบางส่วนให้กับคนต่างชาติที่มาจากประเทศที่มีสนธิสัญญานี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีซ้ำซ้อนในทั้ง 2 ประเทศ คนต่างชาติสามารถตรวจสอบสนธิสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศของตน เพื่อดูว่ามีสิทธิได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีบางส่วนหรือไม่ การหักภาษี ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) คนต่างชาติอาจถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (เช่น ร้อยละ 5, ร้อยละ 10 หรือร้อยละ 15) สำหรับรายได้บางประเภทที่ได้รับในประเทศไทย เช่น ค่าจ้าง ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการ โดยจะต้องนำยอดที่หักภาษี ณ ที่จ่ายนี้มาหักออกจากภาษีที่ต้องจ่ายในแบบแสดงรายการภาษีประจำปี ไม่ใช่แค่ "ภาษีเงินได้" เท่านั้นที่คนต่างชาติต้องจ่ายให้กับประเทศไทย แต่ยังมีค่าใช้จ่ายหรือรายจ่ายจำเป็นที่คนต่างชาติต้องจัดการเพื่อให้สามารถมำงานได้อย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย ค่าธรรมเนียมวีซา (Visa Fee) คนต่างชาติที่ต้องการทำงานในประเทศไทยต้องขอวีซาที่ถูกต้อง เช่น วีซ่าประเภท Non-Immigrant B (Business Visa) ค่าธรรมเนียมสำหรับวีซานี้จะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของวีซาและประเทศต้นทาง แต่โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมจะอยู่ระหว่าง 2,000-5,000 บาท หรือมากกว่านั้น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน (Work Permit Fee) การทำงานในประเทศไทยจำเป็นต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ซึ่งจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับกรมการจัดหางาน โดยค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ต้องการใช้ใบอนุญาตทำงาน เช่น ค่าธรรมเนียมเริ่มต้นประมาณ 750 บาท / 3 เดือน หรือมากกว่านั้นหากระยะเวลานานขึ้น ประกันสังคม (Social Security Contributions) หากบริษัทไทยจ้างคนต่างชาติทำงาน พวกเขาต้องสมัครเข้าระบบประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ซึ่งจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ทั่วไปคือร้อยละ 5% ของเงินเดือน (สูงสุดไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน) โดยนายจ้างและลูกจ้างจะแบ่งจ่ายกันคนละครึ่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากคนต่างชาติมีการประกอบธุรกิจในประเทศไทยที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และจัดเก็บ VAT ในอัตราร้อยละ 7 จากการขายสินค้าและบริการ ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax) หากคนต่างชาติประกอบธุรกิจบางประเภท เช่น การให้บริการทางการเงิน การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม อาจต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามประเภทของธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎหมาย ชำระภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนต่างชาติที่เข้ามาหารายได้ในประเทศไทย แต่หากพบการหลบเลี่ยง ก็มีบทลงโทษตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 ตามมาตรา ดังนี้ มาตรา 51 คนต่างด้าวผู้ใดทำงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งถูกกล่าวิธี ใช้ สูตร บา คา ร่า saM98rockstar gta v onlineวหาว่ากระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ยินยอมเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักรภายในเวลาที่พนักงานสอบสวนกำหนดซึ่งต้องไม่ช้ากว่า 30 วัน พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับและดำเนินการให้คนต่างด้าวนั้นเดินทางออกไปนอกราชจักรก็ได้ มาตรา 52 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดทำงานอันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามมาตรา 9 มาตรา 13 มาตรา 14 หรือมาตรา 26 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท มาตรา 53 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่แจ้งต่อนายทะเบียนตามมาตรา 22 หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 24 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท มาตรา 54 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 27 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และถ้าคนต่างด้าวนั้นไม่มีใบอนุญาตทำงาน ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท/คนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน มาตรา 55 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหนังสือสอบถามหรือหนังสือเรียก หรือไม่ยอมให้ข้อเท็จจริงหรือไม่ส่งเอกสาร หรือหลักฐานแก่นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 48 ทั้งนี้ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท อ่านข่าวอื่น : คลิปเสียง “ลุงป้อม” โผล่ กับปมฝีมือใคร-หวังอะไร "ชัยชนะ" โต้รัฐบาลข้ามขั้ว ปลื้มนายกฯ บรรจุ 3 นโยบาย ปชป. เครนล้มทับรถจักรยานยนต์ย่านธนบุรี เจ็บ 1 คน คาดดินยุบตัว ซ่อมต่อหรือขายทิ้ง ? วิธีดูแล "รถยนต์" หลังถูกน้ำท่วม

หลังปล้นอิสรภาพไปได้ 218 วัน ในที่สุดชีวิตของ "แป้ง นาโหนด" หรือนายชวลิต ทองด้วง ก็ปิดฉากลง "แป้ง นาโหนด" เป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่ปล้นอิสรภาพให้ตัวเองได้นานถึง 7 เดือน 8 วัน นับจากวันที่ตัดโซ่ตรวนพัน

วันนี้ (1 ธ.ค.2566) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเปิดให้ผู้ที่ได้ร

นิยายชีวิต โดย : Agus raharjo
เรื่องและภาพโดย : Agus raharjo
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..