กลุ่มไลน์ไว้แชร์ -Ketika Seorang Katolik Belajar Mengenal Islam di Masjid Jumeirah Dubai

กลุ่มไลน์ไว้แชร์

วันที่ 17 มี.ค.2567) เจ้าหน้าที่ นปส.ขกท.ศปก.ทบ. ตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจงานสืบสวน ภ.จว.สระบุรี ร่วมกกลุ่มไลน์ไว้แชร์

วันนี้ (12 พ.ย.2565) นายศุภชัย อาวิพันธ์ นักวิจัยชำนาญการ กลุ่มวิจัยดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะและชีวดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า ตามที่ สดร.จัดกิจกรรม ชวนเสนอชื่อไทยให้ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ ประจำปี 2565 ให

การเกิดขึ้นของ ChatGPT ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทักษะด้าน "AI" มีความต้องการในตลาดแรงงานเป็นที่สุด จากรายงานของ The Future of Jobs Report 2025 ระบุว่า ตำแหน่งงานแบบเดิม ๆ จะสูญสลายไปมากกว่า 92 ล้านตำแหน่ง โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ พนักงานไปรษณีย์, พนักงานคีย์ข้อมูล, พนักงานธนาคาร, แคชเชียร์และพนักงานจำหน่ายตั๋ว และงานธุรการ รายงานดังกล่าว ระบุอีกว่า ตำแหน่งงานใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มขึ้นกว่า 170 ล้านตำแหน่ง เกือบทั้งหมดเกี่ยวพันกับ AI ทั้งสิ้น โดย 5 อันดับแรกของงานที่พุ่งแรงที่สุด ได้แก่ Big Data Specialist, FinTech Engineer, Machine Learning Specialist, Softwar Developer และ Security Manager ตำแหน่งงานเหล่านี้ต้องการผู้มีความรู้ ความเข้าใจในหลักวิชา "เทคโนโลยีระดับสูงและเฉพาะทาง" เพื่อให้เกิดการจ้างงานในภายภาคหน้า แม้จะเข้าใจได้ว่าการทำงานต้องใช้ทักษะที่จำเป็น และตอบโจทย์ต่อภาคธุรกิจ แต่แรงงานยุคใหม่มีทักษะ AI อย่างเดียว เพียงพอต่อการอยู่รอดในโลกของการจ้างงานที่แข่งขันกันสูงขึ้นหรือไม่ หรือจริง ๆ แล้วยังต้องประสานพลังกับความรู้ ทักษะด้านสังคมศาสตร์ ที่มีประเด็น "Critical Thinking" หรือ การคิดเชิงวิพากษ์ ถี่ถ้วน รอบคอบ ไม่ตกเป็นเหยื่ออะไรง่าย ๆ ทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ไม่ได้แยกขาดจากการเรียนเพื่อรู้อย่างถาวร แต่สามารถที่จะ "Interplay" หรือ สร้างผลสืบเนื่องต่อกันและกันได้ หากมีเพียงองค์ความรู้ทางสังคมศาสตร์เพียงอย่างเดียว ย่อมตกงาน เตะฝุ่น การจ้างงานไม่เกิด แต่หากมีเพียงทักษะวิชาชีพ เช่น AI ความลุ่มลึก การตัดสินคุณค่า และการคิดเชิงวิเคราะห์ย่อมหายไป เหลือเพียงแต่ "Labour Intensive" หรือ แรงงานที่ลงแรงเฉย ๆ ไม่มีชุดวิธีคิดในการตัดสินใจ หรือสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ การจะเป็นแรงงานที่สมบูรณ์พร้อมในอนาคต จะต้องผสาน "ศาสตร์และศิลป์" หมายถึง ต้องมีทั้งทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน และมีองค์ความรู้เชิงนามธรรมที่ลุ่มลึกมากพอในการคิดวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอว่า แรงงานที่อยากจะอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นสายสังคมศาสตร์-มนุษยศาสตร์ หรือกระทั่งสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต้องพัฒนาตนเองให้ "ยกระดับทักษะถ้วนหน้า (Holistic Upskills)" หมายถึง ไม่เพียงแต่เพิ่มขีดความสามารถในทักษะด้านใดด้านหนึ่ง หรือเลือกเฉพาะทักษะที่ตนสนใจ ชื่นชอบ หรือมี Passion มายกระดับเท่านั้น แต่ต้องยกระดับ "ทั้งกระบิ" เพื่อให้ความสามารถของตนนั้นมีมากพอที่จะประกอบอาชีพที่สอดรับกับตลาดแรงงานในโลกอนาคตได้ นอกจากนี้ ศ.ดร.วิเลิศ ยังชี้ว่า อุดมศึกษายุคใหม่ต้องผลิตบัณฑิตที่เปี่ยมล้นไปด้วย "Critical Thinking" หมายถึง ต้องมีทักษะการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และสร้างสรรค์ เพื่อใช้ในการกำกับควมคุม AI อีกทอดหนึ่ง ถึงแม้สิ่งนี้จะฉลาดกว่าปัจเจกมาก ทั้งจดจำได้ดีกว่า บรรจุข้อมูลได้มากกว่า และรอบรู้มากกว่าสมองของเรา แต่สติปัญญาของมนุษย์ อย่างไรก็เหนือกว่าในเรื่องของ "การวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ (Analytical and Creative)" บทความวิจัย The Neoliberal University as a Space to Learn/Think/กลุ่มไลน์ไว้แชร์Work in Higher Education เขียนโดย อิเกีย ทรัวย็อง (Igea Troian) และ เคลาเดีย ดัทสัน (Claudia Dutson) เสนอว่า มหาวิทยาลัยทุกวันนี้ไม่ต่างจาก "โรงเลี้ยงแรงงาน" หรือ "Edufactory" ที่ความสำเร็จไม่ได้มาจากการสร้างองค์ความรู้ได้มากเพียงไร แต่มาจากสามารถผลิตแรงงานป้อนเข้าสู่ตลาดและอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกได้มากน้อยเพียงไร หากป้อนได้มาก เท่ากับว่า มหาวิทยาลัยก็จะได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาคธุรกิจและภาครัฐมากตามไปด้วย แต่การเป็นเพียงโรงเลี้ยงแรงงาน ที่ผลิตบัณฑิตออกมาเหมือน ๆ กัน เท่ากับว่า การแข่งขันในตลาดก็จะสูงตามไปด้วย และเมื่อใดก็ตามที่ ตลาดแรงงานเปลี่ยนความต้องการทักษะไปอีกขั้นในอนาคต มหาวิทยาลัยที่ตามไม่ทัน ก็จะผลิตบัณฑิตที่ไร้ความสามารถ ผลักภาระให้นายทุนต้องลงแรง "Upskill และ Reskill" แรงงานใหม่แบบยกเครื่อง ทางออกที่ง่ายที่สุด คือ ยังต้องคงการเรียนแบบ Critical Thinking เอาไว้ ซึ่งสามารถหาได้จากสาขาวิชาสังคมศาสตร์ อย่างน้อย ๆ ก็เป็น "แต้มต่อ" ให้แก่แรงงานสามารถที่จะคิดอะไรนอกกรอบ แสวงหาทักษะใหม่ ๆ รวมถึงการปรับตัวในตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การเอาตัวรอดของสาขาวิชา "ปรัชญา (Philosophy)" ฟิโอนา เยนกินส์ (Fiona Jenkins) เสนอไว้ในบทความวิจัย Gendered Hierarchies of Knowledge and the Prestige Factor: How Philosophy Survives Market Rationality ตราบใดที่มนุษย์ยังต้องการ "การตัดสินคุณค่า (Value Judge)" ในบางประเด็นที่ยากแก่การตัดสินใจโดยตลอด วิชาปรัชญาก็ไม่มีทางล้มหายตายจากไปไหน แม้จะไม่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานมากมายอะไร แก่นของปรัชญา คือ "การถาม" หมายความว่า ต้องเป็นผู้สงสัยในทุกประเด็น ประหนึ่ง "แบบจำลองทางความคิด" ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติจริง ๆ ซึ่งตรงข้ามกับการศึกษาในวิชาชีพหรือการแสวงหาทักษะ ที่เน้นปฏิบัติเลย ไม่ต้องคิดอะไรเกี่ยวกับคุณค่ามากมาย คิดเพียงหลักสมการ การออกแบบโครงสร้าง หรือรูปแบบการจัดวางเป็นพอ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ "การทำแท้ง (Abortion)" หากคิดในแง่มุมผลประโยชน์หรืออรรถประโยชน์ (Utility) อย่างเดียว การทำแท้งเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะว่าไม่พร้อมจริง ๆ และมนุษย์เราพลาดกันได้ แต่หากมีปรัชญาเข้ามาเกี่ยวข้อง การทำแท้งจะต้องคิดให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น เพราะต้องคำนึงถึง "สิทธิของตัวอ่อนในครรภ์" ที่ไม่สามารถแสดงเจตจำนงตนเองได้ เห็นได้ว่า เมื่อแรงงานมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์และสร้างสรรค์ หมายความว่า สังคมศาสตร์ นั้น "อยู่ยงคงกระพัน (Never Die)" ยังมีที่ทางบนโลกการทำงานในอนาคตอันใกล้นี้อย่างไม่ต้องสงสัย และไม่สูญสลายไปง่าย ๆ หากมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตด้วยการติดตั้งทักษะ AI เพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงว่า การพัฒนาหรือใช้งาน AI ในระดับสูงมากเท่าไร "ทรัพยากรใต้ดิน" หรือ "พลังงาน" จะถูกใช้งานมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทำให้เกิดสภาวะโลกเดือด หรือการสูญเสียทรัพยากรหายากไปมหาศาล จะกลับกลายเป็นผลเสียที่มากกว่าเพียงประเด็นตลาดแรงงาน "Green Transition" เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จำเป็นต้องติดตั้งในแรงงานยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้ตระหนักถึง "ความยั่งยืน (Sustainability)" รักษ์โลก เพิ่มพื้นที่สีเขียว อยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ หมายความว่า การพัฒนาบุคลากรด้าน AI อย่างไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด เป็นการทำลายหลักการนี้แบบอ้อม ๆ และอาจจะเป็นผลกระทบในระยะยาว หากดันทุรังจะพัฒนาบุคลากรด้าน AI แบบไม่สนใจความยั่งยืนนี้ สำหรับทางแพร่ง (Dilemma) ดังกล่าว ศ.ดร.วิเลิศ เสนอแบบกว้าง ๆ ว่า เราต้องสร้าง "Sustainable AI" หมายถึง ใช้งานเทคโนโลยีให้ยั่งยืน แม้ในระยะสั้นจะมีผลกระทบในเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ในระยะยาว เมื่อองค์ความรู้ถึงขีดสุด มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ AI บนฐานของการรักษ์โลกได้ "เราต้องสร้างบุคลากรที่สามารถคิดเรื่องการใช้ AI ไปพร้อม ๆ กับ Sustainability … ตรงนี้ เกี่ยวข้องกับ Empathy หรือการทราบว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ เพื่อจะลดผลกระทบต่อสังคมให้น้อยที่สุด … เมื่อมีแต่ผลเชิงลบ ไม่มีเชิงบวก เราอยู่ไม่ได้แน่นอน" อธิการบดี จุฬาฯ กล่าวทิ้งท้าย บทความวิจัย Three Problems of Interdisciplinarityบทความวิจัย Gendered Hierarchies of Knowledge and the Prestige Factor: How Philosophy Survives Market Rationalityhttps://www.chula.ac.th/news/210213/

นายกฯ มอบหน่วยงานเกี่ยวข้องประสานผู้ประกอบการลดราคาสินค้า นายกฯ มอบหมายหน่วยงานเกี่ยวข้องประสานงานผู

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 71
น้ำท่วมในปากีฯยังวิกฤต ขยายวงท่วมนครการา สถานการณ์น้ำท่วมในปากีสถานยังน่าวิตก ล่าสุดน้ำท่วมขยายวงกว้างเข้าไปในนครการาจี ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด น้ำท่วมในปากีฯยังวิกฤต ขยา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่