วันนี้ (30 พ.ย.2566) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากเค ดิ ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก ไม่ ต้อง แชร์
นอกจากนั้น "ครอบครัวชินวัตร" ได้โพสต์ข้อความน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หลังมีพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษ "นายทักษิณ" และอีกหนึ่งในผู้ที่แสดงความยินดี คือ สมเด็จฯ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการลดราคาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ในอนาคตอันใกล้เราจะได้เห็นค่ายรถยนต์อื่น ๆ ทั้งที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และน้ำมัน จะต้องทำโพรโมชันส่งเสริมการขายอย่างหนัก สาเหตุหลัก ๆ เพราะว่าสงครามราคารถยนต์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หากใครไม่ขยับก็อาจจะสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับค่ายรถยนเค ดิ ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก ไม่ ต้อง แชร์ต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 ยอดขายอยู่ที่ 10 ล้านคัน ในปีถัดมายอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ขึ้นอยู่ที่ 14 ล้านคัน และคาดว่าปีนี้แนวโน้มน่าจะเป็นขาขึ้นเช่นเดียวกัน เมื่อคาดการณ์จากยอดขายไตรมาสแรกแล้วเชื่อว่าปีนี้ยอดขายทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 17 ล้านคัน เจ้าตลาด 2 รายที่แข่งกันสูสีในปีที่แล้วคือ "เทสลา" จากสหรัฐฯ และ "บีวายดี" จากจีน ยอดขายในภาพรวมบีวายดีเอาชนะเทสลาไปได้ในปีที่แล้ว ด้วยยอดขายมากกว่า 2,800,000 คัน ทิ้งห่างเทสลาประมาณ 1,000,000 คัน หากเราย้อนไปดูจุดเริ่มต้นของสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า เริ่มจากเทสลาที่ประกาศลดราคาขายทั่วโลกช่วงปลายปี 2565 ซึ่งสร้างความเจ็บช้ำให้กับลูกค้าของเทสลาที่ต่างก็เสียดายเงินที่หายไปหลายหมื่นจากการประกาศลดราคาในครั้งนั้น อีกไม่กี่เดือนต่อมา บีวายดีค่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีนก็เดินตามรอยเทสลาด้วยการลดราคาขาย ทำให้ค่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ ในประเทศจีนต้องใช้กลยุทธ์ลดราคาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถมัดใจลูกค้าเอาไว้ได้ และนั่นทำให้สงครามราคาเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีการลดราคาเป็นระยะ ๆ และสังเกตว่าจะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน การลดราคาในตลาดใหญ่ ๆ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเทสลาประกาศปรับราคารถยนต์ลงหลายรุ่น ลดสูงสุดอยู่ที่ 73,000 บาท และในเดือนเดียวกัน บีวายดีก็ปรับลดราคาขายในตลาดหลัก ๆ อย่าง จีน สหรัฐฯ และเยอรมนี ลดสูงสุดประมาณ 79,000 บาท สาเหตุที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสามารถกดราคาลงได้ เนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศออกมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อลดมลพิษให้ได้ตามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ราคาแร่ลิเธียม คาร์บอเนต ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักที่ใช้ทำแบตเตอรีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยแบตเตอรีถือเป็นส่วนประกอบหลักและต้นทุนหลักของรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อแบตเตอรีทำได้ถูกลงก็สามารถกดราคาลงไปได้อีก แต่สำหรับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่ทำตลาดในยุโรปกำลังเจออุปสรรคครั้งใหญ่ เมื่อสหภาพยุโรปเพิ่มการจัดเก็บภาษีศุลกากรสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของจีน ทั้งรถยนต์สัญชาติจีนและค่ายรถยนต์ของยุโรปที่ผลิตในจีน แต่เดิมรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจะต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ร้อยละ 10 แต่นับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.นี้เป็นต้นไป รถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากประเทศจีน จะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก ร้อยละ 17.4 - 38.1 สัดส่วนของการเสียภาษีขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือในการสอบสวนเรื่องการต่อต้านเงินอุดหนุน แต่มาตรการนี้ใช้ชั่วคราวจนถึงเดือนตุลาคมนี้เท่านั้น ซึ่งอียูจะดำเนินการสอบสวนและหารือกับรัฐบาลจีนอีกครั้ง ข้อกังวลของอียูคือ ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนกำลังมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งรถยนต์ของจีนครองส่วนแบ่งทางการตลาดในอียูมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปีที่แล้วมีสัดส่วนร้อยละ 8 และในปีหน้าอาจเพิ่มเป็นร้อยละ 15 หากมองสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมแล้วอาจเรียกได้ว่านับจากนี้ไปเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคที่จะได้เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงในราคาที่น่าพึงพอใจ แต่สำหรับในประเทศไทยแล้ว จุดอ่อนของการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย ทั้งเรื่องจุดชาร์จไฟ การซ่อมบำรุง รวมถึงปัญหาการทำประกัน อ่านข่าวเพิ่ม : โชว์ห่วยโคราช ขานรับ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่น วิเคราะห์เศรษฐกิจ ตลาดรถป่วน สงคราม “ยึด-แย่ง-ยื้อ”
น.ส.นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ เลขาธิการสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการสภาการสื่อมว
เค ดิ ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก ไม่ ต้อง แชร์
วันนี้ (30 พ.ย.2566) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากเค ดิ ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก ไม่ ต้อง แชร์
นอกจากนั้น "ครอบครัวชินวัตร" ได้โพสต์ข้อความน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หลังมีพระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษ "นายทักษิณ" และอีกหนึ่งในผู้ที่แสดงความยินดี คือ สมเด็จฯ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการลดราคาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ในอนาคตอันใกล้เราจะได้เห็นค่ายรถยนต์อื่น ๆ ทั้งที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และน้ำมัน จะต้องทำโพรโมชันส่งเสริมการขายอย่างหนัก สาเหตุหลัก ๆ เพราะว่าสงครามราคารถยนต์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หากใครไม่ขยับก็อาจจะสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับค่ายรถยนเค ดิ ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก ไม่ ต้อง แชร์ต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 ยอดขายอยู่ที่ 10 ล้านคัน ในปีถัดมายอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ขึ้นอยู่ที่ 14 ล้านคัน และคาดว่าปีนี้แนวโน้มน่าจะเป็นขาขึ้นเช่นเดียวกัน เมื่อคาดการณ์จากยอดขายไตรมาสแรกแล้วเชื่อว่าปีนี้ยอดขายทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 17 ล้านคัน เจ้าตลาด 2 รายที่แข่งกันสูสีในปีที่แล้วคือ "เทสลา" จากสหรัฐฯ และ "บีวายดี" จากจีน ยอดขายในภาพรวมบีวายดีเอาชนะเทสลาไปได้ในปีที่แล้ว ด้วยยอดขายมากกว่า 2,800,000 คัน ทิ้งห่างเทสลาประมาณ 1,000,000 คัน หากเราย้อนไปดูจุดเริ่มต้นของสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า เริ่มจากเทสลาที่ประกาศลดราคาขายทั่วโลกช่วงปลายปี 2565 ซึ่งสร้างความเจ็บช้ำให้กับลูกค้าของเทสลาที่ต่างก็เสียดายเงินที่หายไปหลายหมื่นจากการประกาศลดราคาในครั้งนั้น อีกไม่กี่เดือนต่อมา บีวายดีค่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีนก็เดินตามรอยเทสลาด้วยการลดราคาขาย ทำให้ค่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ ในประเทศจีนต้องใช้กลยุทธ์ลดราคาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถมัดใจลูกค้าเอาไว้ได้ และนั่นทำให้สงครามราคาเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีการลดราคาเป็นระยะ ๆ และสังเกตว่าจะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน การลดราคาในตลาดใหญ่ ๆ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเทสลาประกาศปรับราคารถยนต์ลงหลายรุ่น ลดสูงสุดอยู่ที่ 73,000 บาท และในเดือนเดียวกัน บีวายดีก็ปรับลดราคาขายในตลาดหลัก ๆ อย่าง จีน สหรัฐฯ และเยอรมนี ลดสูงสุดประมาณ 79,000 บาท สาเหตุที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสามารถกดราคาลงได้ เนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศออกมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อลดมลพิษให้ได้ตามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ราคาแร่ลิเธียม คาร์บอเนต ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักที่ใช้ทำแบตเตอรีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยแบตเตอรีถือเป็นส่วนประกอบหลักและต้นทุนหลักของรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อแบตเตอรีทำได้ถูกลงก็สามารถกดราคาลงไปได้อีก แต่สำหรับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่ทำตลาดในยุโรปกำลังเจออุปสรรคครั้งใหญ่ เมื่อสหภาพยุโรปเพิ่มการจัดเก็บภาษีศุลกากรสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าของจีน ทั้งรถยนต์สัญชาติจีนและค่ายรถยนต์ของยุโรปที่ผลิตในจีน แต่เดิมรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจะต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ร้อยละ 10 แต่นับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.นี้เป็นต้นไป รถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากประเทศจีน จะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก ร้อยละ 17.4 - 38.1 สัดส่วนของการเสียภาษีขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือในการสอบสวนเรื่องการต่อต้านเงินอุดหนุน แต่มาตรการนี้ใช้ชั่วคราวจนถึงเดือนตุลาคมนี้เท่านั้น ซึ่งอียูจะดำเนินการสอบสวนและหารือกับรัฐบาลจีนอีกครั้ง ข้อกังวลของอียูคือ ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนกำลังมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งรถยนต์ของจีนครองส่วนแบ่งทางการตลาดในอียูมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปีที่แล้วมีสัดส่วนร้อยละ 8 และในปีหน้าอาจเพิ่มเป็นร้อยละ 15 หากมองสถานการณ์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมแล้วอาจเรียกได้ว่านับจากนี้ไปเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคที่จะได้เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงในราคาที่น่าพึงพอใจ แต่สำหรับในประเทศไทยแล้ว จุดอ่อนของการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย ทั้งเรื่องจุดชาร์จไฟ การซ่อมบำรุง รวมถึงปัญหาการทำประกัน อ่านข่าวเพิ่ม : โชว์ห่วยโคราช ขานรับ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่น วิเคราะห์เศรษฐกิจ ตลาดรถป่วน สงคราม “ยึด-แย่ง-ยื้อ”
น.ส.นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ เลขาธิการสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการสภาการสื่อมว