Home
|
บา คา ร่า เครดิต ฟรี 100 ไม่ ต้อง แชร์เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง ไล ค์ ไม่ ต้อง แชร์ 2021

วันนี้ (28 มี.ค.2565) สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด

บา คา ร่า เครดิต ฟรี 100 ไม่ ต้อง แชร์เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง ไล ค์ ไม่ ต้อง แชร์ 2021

วันนี้ (8 ธ.ค.2565) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) ทั่วโลกติดเพิ่ม 405,877 คน เสียชีวิตเพิ่ม 810 คน รว

วันนี้ (23 พ.ค.2567) เมื่อเวลา 07.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองเรือ ม.15 ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ได้เกิดเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนรถสองแถวรับ-ส่งนักเรียนโรงเรียน ใน จ.สระ

จากกรณี ที่ "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร้องเพลงแร็ปขายพวงมาลัย และล่าสุด "แบงค์ เลสเตอร์" ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 03.40 น.วันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการชันสูตรของตำรวจว่าเกิดจากสาเหตุใด ไทยพีบีเอส ออนไลน์ พบข้อมูล การเสียชีวิตของคนไทย ที่เกี่ยวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในระหว่างปี พ.ศ.2558 - 2564 จัดทำโดย ผศ.ดร.จิราลักษณ์ นนทารักษ์ หัวหน้าภาควิชาระบาดวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็น หัวหน้าโครงการวิจัย เรื่อง ALCOHOL-ATTRIBUTABLE DEATHS IN THบา คา ร่า เครดิต ฟรี 100 ไม่ ต้อง แชร์เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง ไล ค์ ไม่ ต้อง แชร์ 2021AI PEOPLE FROM 2015 TO 2021 USING THE COMPARATIVE RISK ASSESSMENT APPROACH ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร ALCOHOLISM : CLINICAL AND EXPERIMENTAL RESEARCH(1) และได้รับทุนสนับสนุนจาก ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ การวิจัยดังกล่าว เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากข้อมูลการเสียชีวิต สำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และฐานข้อมูลด้านการแพทย์ และสุขภาพ 43 แฟ้มของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ตั้งแต่ปี 2558 - 2564 รวมทั้งสิ้น 140,272 คน เฉลี่ยประมาณ 20,039 รายต่อปี ในผู้ชาย และ 2,312 รายต่อปีในผู้หญิง จำนวนการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และสูงสุดในปี 2562 คือ 21,737 คน อ่านข่าว : เตือนดื่มสุรามากในระยะเวลาสั้น ออกฤทธิ์รุนแรงอันตรายถึงตาย ทั้งนี้ การดื่มสุราเกี่ยวข้องกับโรคหรือปัญหาสุขภาพที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต มากกว่า 200 สาเหตุ ทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง  รวมถึงจากการวิเคราะห์การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา 3 อันดับแรกในผู้ชาย ได้แก่ อุบัติเหตุทางท้องถนน โรคตับแข็ง และอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ ในผู้หญิง ได้แก่ อุบัติเหตุทางท้องถนน โรคตับแข็ง และโรคมะเร็งตับ เห็นได้ชัดเจนว่า การเสียชีวิตส่วนใหญ่ มีสาเหตุจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และมีความสัมพันธ์กับปริมาณการดื่มและระยะเวลาการดื่มที่ใช้เวลาสะสมยาวนาน ถ้าพิจารณาสัดส่วน การเสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า สัดส่วนการเสียชีวิตด้วย สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์สูงสุดในกลุ่มอายุ 20-24 ปี ทั้งใน ผู้ชายและผู้หญิง คือ ร้อยละ 33.8 ในผู้ชาย และ ร้อยละ 14.8 ใน ผู้หญิง ตามลำดับ กลุ่มอายุนี้ คือ กลุ่มวัยทำงานตอนต้นที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศการเสียชีวิตในกลุ่มอายุนี้ทำให้เกิดการสูญเสียปีสุขภาวะก่อนวัยอันควรเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นปัจจัยที่เราสามารถป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรได้ในประชากรไทย ผศ.ดร.จิราลักษณ์ บนทารักษ์ นักวิจัย ให้ความเห็นว่า "การดื่มเหล้าเป็นฆาตรกรเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยในทุก ๆ ปี และส่งผลกระทบกับนักดื่มเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักดื่มวัยรุ่นที่เสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร ทำให้ประเทศสูญเสียทั้งกำลังคนและมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว" อ่านข่าว : เตือนนักดื่ม รู้จักภาวะ "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" เสี่ยงถึงตาย การศึกษาล่าสุดนี้ ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า แนวโน้มการเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มสูงขึ้นในสังคมไทยและกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น ที่มีอัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดในสังคมไทย ดังนั้น มาตรการและนโยบายด้านสุขภาพในการส่งเสริมป้องกันโรคจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การลด ละ เลิก การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของประชาชนไทย จะช่วยทำป้องกันและส่งเสริมสุขภาพประชาชน จากการพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพนี้ได้ ทั้งนี้ ผู้วิจัย ยังเสนอแนะว่า ประเทศไทยควรมีการดำเนินการที่ชัดเจนในการควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชี้ให้เห็นถือผลกระทบทางสุขภาพต่อตนเองทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่เกิดจากการดื่ม และผลกระทบต่อผู้อื่นจากการดื่มของนักดื่มเองโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว ขณะที่ จากรายงาน ข้อเท็จจริงและตัวเลข เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย พ.ศ. 2562 -2564 จัดทำโดย ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) สาขาวิชาระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ซึ่งเผยแพร่ การสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพประชากร พ.ศ.2564 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในปี พ.ศ.2564 ประชากรไทย อายุ 15 ปี ขึ้นไปจำนวน 6.99 ล้านคน เป็นนักดื่มประจำ (ดื่มอย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์) ซึ่งคิดเป็นความชุกของการดื่มประจำเท่ากับร้อยละ 12.26 (ร้อยละ 23.15 ในประชากรชาย และร้อยละ 2.12 ในประชากรหญิง ) เมื่อคิดเป็นจำนวนประชากรจะพบว่า ในปี 2564 มีนักดื่มประจำ เพศชายอยู่ 6.36 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นกว่า 10 เท่า ของจำนวนนักดื่มประจำเพศหญิงที่มีอยู่ 0.63 ล้านคน ทั้งนี้ นักดื่มปัจจุบันชาวไทยมากกว่าครึ่ง (ร้อยละ 56.21 ของนักดื่มประจำทั้งหมดจะดื่มเป็นครั้งคราว หรือ ดื่มน้อยมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า นักดื่มเพศหญิงส่วนใหญ่ (ร้อยละ 80.39 ของนักดื่มปัจจุบันเพศหญิง) เป็นนักดื่มเป็นครั้งคราว ในขณะที่นักดื่มปัจจุบันเพศชายนั้น ประมาณครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50.15) ดื่มเป็นครั้งคราว และอีกครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 49.85 ) ดื่มประจำ นอกจากนี้ ยังพบว่า นักดื่มปัจจุบันมากถึงร้อยละ 11.01 ดื่มสุราทุกวัน (7 วันต่อสัปดาห์) ร้อยละ 4.2 ดื่มเกือบทุกวัน (5-6 วันต่อสัปดาห์) ร้อยละ 9.38 และร้อยละ 19.16 ดื่ม 3-4 วัน และ 1-2 วันต่อ สัปดาห์ตามลำดับ โดยสัดส่วนของนักดื่มปัจจุบันเพศชายที่ดื่มสราทุกวันหรือเกือบทุกวันสูงถึงร้อยละ 12.66 และร้อยละ 4.85 ในขณะที่นักดื่มปัจจุบันเพศหญิงเพียงร้อยละ 4.44 และร้อยละ 1.82 เท่านั้นที่ดื่มสุราทุกวันหรือเกือบทุกวัน เมื่อพิจารณาลักษณะทางประชากรของนักดื่มประจำ พบว่า นักดื่มประจำเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 91.03) เป็นผู้ชาย และอยู่ในกลุ่มวัยทำงานตอนต้น (อายุ 25-44 ปี) เป็นสัดส่วนสูงที่สุด (ร้อยละ 42.97) เป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่าเป็นสัดส่วนสูงสุด (ร้อยละ 46.25) และต่ำสุดในผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า (ร้อยละ 8.56) และนักดื่มประจำส่วนใหญ่มาจากภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรวมกันได้ประมาณร้อยละ 60.64 ทั้งนี้ นิยามของกลุ่มนักดื่ม มีดังนี้ นักดื่มประจำ (Regular drinkers) หมายถึง ผู้ที่ดื่มสุราด้วยความถี่อย่างน้อย 1 ครั้งต่อ สัปดาห์ ในรอบ 12 เดือนก่อนการสำรวจ นักดื่มหนัก (Heavy/binge drinkers) หมายถึง ผู้ที่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาณ 5 หน่วยดื่มมาตรฐานขึ้นไปในช่วงเวลาของการดื่มหนึ่งครั้ง สำหรับในประเทศไทย 1 หน่วยดื่มมาตรฐาน หมายถึง ปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คิดเป็นปริมาณเอธานอลบริสุทธิ์เท่ากับ 10 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับ เบียร์ (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 4.5-5%) ประมาณ 300 มล. เหล้าขาว/เหล้าสี (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 40%) ประมาณ 30 มล. หรือไวน์ (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 12-13%) ประมาณ 100 มล. ขณะที่ ข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ.2564  พบว่า นักดื่มร้อยละ 55.96 นิยมดื่มเบียร์มากที่สุด รองลงมา คือ สุราประเภทต่าง ๆ ได้แก่ สุราขาว/สุรากลั่นชุมชน สุราสี/สุราแดง และยาดองเหล้า/สุราจีน/วอดก้า/ อื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 40.98 และไวน์คูลเลอร์/สุราผสมน้ำผลไม้/เหล้าปั่น คิดเป็นร้อยละ 1.83 ตามลำดับ นอกจากนี้ ในประเทศไทย การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลต่อการเสียชีวิตในประชากรไทย ถึง 21,843 คน คิดเป็นร้อยละ 8.54 ของการเสียชีวิตทั้งหมด (จำนวนตายทั้งสิ้น 255,694 คน) ในปี พ.ศ.2557 สาเหตุการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดมาจากโรคมะเร็ง การบาดเจ็บ ความผิดปกติทางจิต เป็นต้น และก่อให้เกิดภาระโรคมากที่สุด ที่ 1,039,760 ปีสุขภาวะ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 12.02 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมดในผู้ชาย ส่วนในผู้หญิง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งสิ้น 81,580 ปีสุขภาวะ คิดเป็นร้อยละ 1.30 ในปี พ.ศ. 2557 ภาระโรคที่มีสาเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดลงในเพศชาย จากร้อยละ 14.0 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมดในปี พ.ศ. 2547 เป็นร้อยละ 12.4 ในปี พ.ศ. 2557 ในขณะที่ภาระโรคที่มีสาเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลในเพศหญิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากร้อยละ 1.1 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2547 เป็นร้อยละ 1.4 ในปี พ.ศ. 2557 ตามลำดับ นอกจากนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ.2564 พบว่า นักดื่มมีค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ยต่อคน เท่ากับ 1,677.23 บ.ต่อเดือน แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายจากการดื่มที่บ้าน 1,119.25 บ. และจากการดื่มที่ร้าน 557.98 บ.ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักดื่มเพศชายจะสูงกว่าของนักดื่มเพศหญิงประมาณ 2 เท่า คือ 1,876.42 บ. เทียบกับ 802.36 บ.ต่อเดือน นักดื่มประจำเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดื่มสุรามากกว่านักดื่มเป็นครั้งคราว คิดเป็นอัตราส่วนกว่า 7.6 เท่า กล่าวคือ 3,047.54 บ.เทียบกับ 402.11 บาท โดยนักดื่มประจำเสียค่าใช้จ่ายในการดื่มที่บ้านมากกว่าการดื่มที่ร้าน (โดยเฉลี่ย 2,120.53 บ.ต่อเตือน เทียบกับ 927.01 บ.ต่อเดือน) ในทางกลับกัน นักดื่มเป็นครั้งคราวเสียค่าใช้จ่ายในการดื่มที่ร้านมากกว่าการดื่มที่บ้านเล็กน้อย คือ 243.68 บ. และ 158.43 บ.ต่อเดือน ตามลำดับ สำหรับผู้ดื่มหนักเป็นประจำมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดื่มมากกว่านักดื่มปัจจุบันที่ไม่เคยดื่มหนัก ประมาณ 3 เท่า คือ 3,722.19 บ.ต่อเดือน เทียบกับ 1,415.82 บ.ต่อเดือน และมีค่าใช้จ่ายในการซื้อมาดื่มที่บ้านสูงกว่าการดื่มที่ร้าน นั่นคือ 2,466.68 บ.ต่อเดือน และ 1,255.51 บ.ต่อเดือน ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่านักดื่มปัจจุบันที่ไม่เคยดื่มหนักเลย และแนวโน้มค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักดื่มปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า และแนวโน้มของการซื้อมาดื่มที่บ้านสูงมาก ขึ้นในรอบการสำรวจปี พ.ศ. 2560 และ 2564 ข้อมูล : ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา อ่านข่าว : "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า จ้าง ด.ญ.วัย 13 ปี ดื่มเหล้าช็อกหมดสติ หามส่ง ICU "หมอแล็บแพนด้า" เตือนกระดกแอลกอฮอล์เพียว-หมดไว ระวังถึงตาย

วันนี้ (17 มี.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงในสปา 3 แห่ง เมืองแอตแลนตา ในรัฐจ

จากกรณี ที่ "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร้องเพลงแร็ปขายพวงม

กรณีชาวบ้านร้องเรียนปัญหาน้ำในอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนแห่งที่ 16 พื้นที่ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเช

จากกรณี ที่ "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร้องเพลงแร็ปขายพวงมาลัย และล่าสุด "แบงค์ เลสเตอร์" ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 03.40 น.วันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการชันสูตรของตำรวจว่าเกิดจากสาเหตุใด ไทยพีบีเอส ออนไลน์ พบข้อมูล การเสียชีวิตของคนไทย ที่เกี่ยวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในระหว่างปี พ.ศ.2558 - 2564 จัดทำโดย ผศ.ดร.จิราลักษณ์ นนทารักษ์ หัวหน้าภาควิชาระบาดวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็น หัวหน้าโครงการวิจัย เรื่อง ALCOHOL-ATTRIBUTABLE DEATHS IN THบา คา ร่า เครดิต ฟรี 100 ไม่ ต้อง แชร์เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง ไล ค์ ไม่ ต้อง แชร์ 2021AI PEOPLE FROM 2015 TO 2021 USING THE COMPARATIVE RISK ASSESSMENT APPROACH ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร ALCOHOLISM : CLINICAL AND EXPERIMENTAL RESEARCH(1) และได้รับทุนสนับสนุนจาก ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ การวิจัยดังกล่าว เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากข้อมูลการเสียชีวิต สำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และฐานข้อมูลด้านการแพทย์ และสุขภาพ 43 แฟ้มของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ตั้งแต่ปี 2558 - 2564 รวมทั้งสิ้น 140,272 คน เฉลี่ยประมาณ 20,039 รายต่อปี ในผู้ชาย และ 2,312 รายต่อปีในผู้หญิง จำนวนการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และสูงสุดในปี 2562 คือ 21,737 คน อ่านข่าว : เตือนดื่มสุรามากในระยะเวลาสั้น ออกฤทธิ์รุนแรงอันตรายถึงตาย ทั้งนี้ การดื่มสุราเกี่ยวข้องกับโรคหรือปัญหาสุขภาพที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต มากกว่า 200 สาเหตุ ทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง  รวมถึงจากการวิเคราะห์การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา 3 อันดับแรกในผู้ชาย ได้แก่ อุบัติเหตุทางท้องถนน โรคตับแข็ง และอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ ในผู้หญิง ได้แก่ อุบัติเหตุทางท้องถนน โรคตับแข็ง และโรคมะเร็งตับ เห็นได้ชัดเจนว่า การเสียชีวิตส่วนใหญ่ มีสาเหตุจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และมีความสัมพันธ์กับปริมาณการดื่มและระยะเวลาการดื่มที่ใช้เวลาสะสมยาวนาน ถ้าพิจารณาสัดส่วน การเสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า สัดส่วนการเสียชีวิตด้วย สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์สูงสุดในกลุ่มอายุ 20-24 ปี ทั้งใน ผู้ชายและผู้หญิง คือ ร้อยละ 33.8 ในผู้ชาย และ ร้อยละ 14.8 ใน ผู้หญิง ตามลำดับ กลุ่มอายุนี้ คือ กลุ่มวัยทำงานตอนต้นที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศการเสียชีวิตในกลุ่มอายุนี้ทำให้เกิดการสูญเสียปีสุขภาวะก่อนวัยอันควรเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นปัจจัยที่เราสามารถป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรได้ในประชากรไทย ผศ.ดร.จิราลักษณ์ บนทารักษ์ นักวิจัย ให้ความเห็นว่า "การดื่มเหล้าเป็นฆาตรกรเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยในทุก ๆ ปี และส่งผลกระทบกับนักดื่มเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักดื่มวัยรุ่นที่เสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร ทำให้ประเทศสูญเสียทั้งกำลังคนและมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว" อ่านข่าว : เตือนนักดื่ม รู้จักภาวะ "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" เสี่ยงถึงตาย การศึกษาล่าสุดนี้ ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า แนวโน้มการเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มสูงขึ้นในสังคมไทยและกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น ที่มีอัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดในสังคมไทย ดังนั้น มาตรการและนโยบายด้านสุขภาพในการส่งเสริมป้องกันโรคจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การลด ละ เลิก การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของประชาชนไทย จะช่วยทำป้องกันและส่งเสริมสุขภาพประชาชน จากการพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพนี้ได้ ทั้งนี้ ผู้วิจัย ยังเสนอแนะว่า ประเทศไทยควรมีการดำเนินการที่ชัดเจนในการควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชี้ให้เห็นถือผลกระทบทางสุขภาพต่อตนเองทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่เกิดจากการดื่ม และผลกระทบต่อผู้อื่นจากการดื่มของนักดื่มเองโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว ขณะที่ จากรายงาน ข้อเท็จจริงและตัวเลข เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย พ.ศ. 2562 -2564 จัดทำโดย ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) สาขาวิชาระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ซึ่งเผยแพร่ การสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพประชากร พ.ศ.2564 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในปี พ.ศ.2564 ประชากรไทย อายุ 15 ปี ขึ้นไปจำนวน 6.99 ล้านคน เป็นนักดื่มประจำ (ดื่มอย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์) ซึ่งคิดเป็นความชุกของการดื่มประจำเท่ากับร้อยละ 12.26 (ร้อยละ 23.15 ในประชากรชาย และร้อยละ 2.12 ในประชากรหญิง ) เมื่อคิดเป็นจำนวนประชากรจะพบว่า ในปี 2564 มีนักดื่มประจำ เพศชายอยู่ 6.36 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นกว่า 10 เท่า ของจำนวนนักดื่มประจำเพศหญิงที่มีอยู่ 0.63 ล้านคน ทั้งนี้ นักดื่มปัจจุบันชาวไทยมากกว่าครึ่ง (ร้อยละ 56.21 ของนักดื่มประจำทั้งหมดจะดื่มเป็นครั้งคราว หรือ ดื่มน้อยมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า นักดื่มเพศหญิงส่วนใหญ่ (ร้อยละ 80.39 ของนักดื่มปัจจุบันเพศหญิง) เป็นนักดื่มเป็นครั้งคราว ในขณะที่นักดื่มปัจจุบันเพศชายนั้น ประมาณครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50.15) ดื่มเป็นครั้งคราว และอีกครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 49.85 ) ดื่มประจำ นอกจากนี้ ยังพบว่า นักดื่มปัจจุบันมากถึงร้อยละ 11.01 ดื่มสุราทุกวัน (7 วันต่อสัปดาห์) ร้อยละ 4.2 ดื่มเกือบทุกวัน (5-6 วันต่อสัปดาห์) ร้อยละ 9.38 และร้อยละ 19.16 ดื่ม 3-4 วัน และ 1-2 วันต่อ สัปดาห์ตามลำดับ โดยสัดส่วนของนักดื่มปัจจุบันเพศชายที่ดื่มสราทุกวันหรือเกือบทุกวันสูงถึงร้อยละ 12.66 และร้อยละ 4.85 ในขณะที่นักดื่มปัจจุบันเพศหญิงเพียงร้อยละ 4.44 และร้อยละ 1.82 เท่านั้นที่ดื่มสุราทุกวันหรือเกือบทุกวัน เมื่อพิจารณาลักษณะทางประชากรของนักดื่มประจำ พบว่า นักดื่มประจำเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 91.03) เป็นผู้ชาย และอยู่ในกลุ่มวัยทำงานตอนต้น (อายุ 25-44 ปี) เป็นสัดส่วนสูงที่สุด (ร้อยละ 42.97) เป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่าเป็นสัดส่วนสูงสุด (ร้อยละ 46.25) และต่ำสุดในผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า (ร้อยละ 8.56) และนักดื่มประจำส่วนใหญ่มาจากภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรวมกันได้ประมาณร้อยละ 60.64 ทั้งนี้ นิยามของกลุ่มนักดื่ม มีดังนี้ นักดื่มประจำ (Regular drinkers) หมายถึง ผู้ที่ดื่มสุราด้วยความถี่อย่างน้อย 1 ครั้งต่อ สัปดาห์ ในรอบ 12 เดือนก่อนการสำรวจ นักดื่มหนัก (Heavy/binge drinkers) หมายถึง ผู้ที่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาณ 5 หน่วยดื่มมาตรฐานขึ้นไปในช่วงเวลาของการดื่มหนึ่งครั้ง สำหรับในประเทศไทย 1 หน่วยดื่มมาตรฐาน หมายถึง ปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คิดเป็นปริมาณเอธานอลบริสุทธิ์เท่ากับ 10 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับ เบียร์ (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 4.5-5%) ประมาณ 300 มล. เหล้าขาว/เหล้าสี (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 40%) ประมาณ 30 มล. หรือไวน์ (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 12-13%) ประมาณ 100 มล. ขณะที่ ข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ.2564  พบว่า นักดื่มร้อยละ 55.96 นิยมดื่มเบียร์มากที่สุด รองลงมา คือ สุราประเภทต่าง ๆ ได้แก่ สุราขาว/สุรากลั่นชุมชน สุราสี/สุราแดง และยาดองเหล้า/สุราจีน/วอดก้า/ อื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 40.98 และไวน์คูลเลอร์/สุราผสมน้ำผลไม้/เหล้าปั่น คิดเป็นร้อยละ 1.83 ตามลำดับ นอกจากนี้ ในประเทศไทย การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลต่อการเสียชีวิตในประชากรไทย ถึง 21,843 คน คิดเป็นร้อยละ 8.54 ของการเสียชีวิตทั้งหมด (จำนวนตายทั้งสิ้น 255,694 คน) ในปี พ.ศ.2557 สาเหตุการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดมาจากโรคมะเร็ง การบาดเจ็บ ความผิดปกติทางจิต เป็นต้น และก่อให้เกิดภาระโรคมากที่สุด ที่ 1,039,760 ปีสุขภาวะ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 12.02 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมดในผู้ชาย ส่วนในผู้หญิง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งสิ้น 81,580 ปีสุขภาวะ คิดเป็นร้อยละ 1.30 ในปี พ.ศ. 2557 ภาระโรคที่มีสาเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดลงในเพศชาย จากร้อยละ 14.0 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมดในปี พ.ศ. 2547 เป็นร้อยละ 12.4 ในปี พ.ศ. 2557 ในขณะที่ภาระโรคที่มีสาเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลในเพศหญิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากร้อยละ 1.1 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2547 เป็นร้อยละ 1.4 ในปี พ.ศ. 2557 ตามลำดับ นอกจากนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ.2564 พบว่า นักดื่มมีค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ยต่อคน เท่ากับ 1,677.23 บ.ต่อเดือน แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายจากการดื่มที่บ้าน 1,119.25 บ. และจากการดื่มที่ร้าน 557.98 บ.ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักดื่มเพศชายจะสูงกว่าของนักดื่มเพศหญิงประมาณ 2 เท่า คือ 1,876.42 บ. เทียบกับ 802.36 บ.ต่อเดือน นักดื่มประจำเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดื่มสุรามากกว่านักดื่มเป็นครั้งคราว คิดเป็นอัตราส่วนกว่า 7.6 เท่า กล่าวคือ 3,047.54 บ.เทียบกับ 402.11 บาท โดยนักดื่มประจำเสียค่าใช้จ่ายในการดื่มที่บ้านมากกว่าการดื่มที่ร้าน (โดยเฉลี่ย 2,120.53 บ.ต่อเตือน เทียบกับ 927.01 บ.ต่อเดือน) ในทางกลับกัน นักดื่มเป็นครั้งคราวเสียค่าใช้จ่ายในการดื่มที่ร้านมากกว่าการดื่มที่บ้านเล็กน้อย คือ 243.68 บ. และ 158.43 บ.ต่อเดือน ตามลำดับ สำหรับผู้ดื่มหนักเป็นประจำมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดื่มมากกว่านักดื่มปัจจุบันที่ไม่เคยดื่มหนัก ประมาณ 3 เท่า คือ 3,722.19 บ.ต่อเดือน เทียบกับ 1,415.82 บ.ต่อเดือน และมีค่าใช้จ่ายในการซื้อมาดื่มที่บ้านสูงกว่าการดื่มที่ร้าน นั่นคือ 2,466.68 บ.ต่อเดือน และ 1,255.51 บ.ต่อเดือน ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่านักดื่มปัจจุบันที่ไม่เคยดื่มหนักเลย และแนวโน้มค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักดื่มปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า และแนวโน้มของการซื้อมาดื่มที่บ้านสูงมาก ขึ้นในรอบการสำรวจปี พ.ศ. 2560 และ 2564 ข้อมูล : ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา อ่านข่าว : "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า จ้าง ด.ญ.วัย 13 ปี ดื่มเหล้าช็อกหมดสติ หามส่ง ICU "หมอแล็บแพนด้า" เตือนกระดกแอลกอฮอล์เพียว-หมดไว ระวังถึงตาย

วันนี้ (6 มิ.ย.2565) เวลา 13.00 น. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.สุเทพ เพชรมาก หั