ไทยพีบีเอสออนไลน์ พูดคุยกับ ผศ.ดร.กนกรัตน์ เลิศชูสกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ศึกษาการก่อตัวและพัฒนาการความเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุแก๊สตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา จากการรวบรวมข้อมูลและการสัมภ

ไทยพีบีเอสออนไลน์ พูดคุยกับ ผศ.ดร.กนกรัตน์ เลิศชูสกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ศึกษาการก่อตัวและพัฒนาการความเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุแก๊สตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา จากการรวบรวมข้อมูลและการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส โดย ผศ.ดร.กนกรัตน์ เลิศชูสกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ช่วยวิจัย ธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ ภายใต้ชื่อโครงการวิจัย “การก่อตัว พัฒนาการ และพลวัตการชุมนุมบริเวณแยกดินแดง ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2564” พบว่า ผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุแก๊สแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรก เยาวชนชนชั้นล่างสุดของสังคม มีปัญหาทางเศรษฐกิจ เผชิญกับความเปราะบางทางอาชีพและที่อยู่อาศัย บางคนหลุดจากการศึกษา เพราะปัญหาความยากจน หรือมองว่าระบบการศึกษาไม่ใช่ทางรอด บางคนเป็นเยาวชนที่เป็นแรงงานนอกระบบที่ทำงานหล่อเลี้ยงสังคมเมือง มีค่าแรงถูก และเข้าไม่ถึงสวัสดิการใดๆ ของรัฐอย่างที่ผู้ใหญ่เข้าถึง ยกตัวอย่างเช่น อาชีพรับจ้างทั่วไป ไรเดอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีบางคนที่เคยมีประสบการณ์ถูกละเมิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจ ไม่ว่าจะเป็น ถูกรีดไถค่าคุ้มครอง ถูกยัดคดียาเสพติด หรือถูกตรวจค้นตัวและยานพาหนะบ่อยครั้ง เมื่อเทียบกับกลุ่มคนชนชั้นอื่นๆ การระบาดของโควิด-19 ทำให้เยาวชนจากชนชั้นล่าง ที่เคยลืมตาอ้าปากดูแลตัวเองได้ กลายเป็นคนตกงาน และกลายเป็นคนยากจนทันที ในช่วงการระบาด พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนและการเยียวยาของภาครัฐได้ จากเดิมที่มีปัญหาที่อยู่อาศัยไม่มั่นคง ก็กลายเป็นคนไร้บ้าน เยาวชนจากชนชั้นล่างไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะเข้าถึงการเรียนออนไลน์ในช่วงการระบาด ทำให้พวกเขาจำนวนมากเสียโอกาส และหลุดออกจากระบบการศึกษา กลุ่มที่สอง คือกลุ่มเยาวชน ชนชั้นกลางที่เข้าร่วมการชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 และมองว่าการชุมนุมอย่างสันติวิธี และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้มีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มที่หนึ่ง รูปแบบการประท้วงของกลุ่มทะลุแก๊ส ต้องการส่งข้อความไปยังรัฐว่า พวกเขามีตัวตน และต้องการให้รัฐรับฟัง และแก้ไขปัญหาของพวกเขา โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจและความรุนแรงที่ถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ มากกว่านั้น พวกเขายังต้องการให้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก เพราะมองว่า เป็นผู้รับผิดชอบหลักต่อนโยบายต่าง ๆ ที่ผิดพลาด และพวกเขามองว่า การเปลี่ยนตัวผู้นำคือสัญญาณใหม่ในการเริ่มต้นแก้ปัญหา เราต้องยอมรับก่อนว่า เขาเป็นกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดในสังคมเมือง ท่ามกลางความพลิกผันของโควิด พวกเขาคือแรงงานกลุ่มแรกที่ถูกเอาออกจากภาคบริการซึ่งเป็นภาคที่โดนผลกระทบหนักที่สุด พวกเขาเป็นแรงงานนอกระบบและส่วนมากยังเป็นเยาวชน ในช่วงปีที่แล้วที่เขาออกมาประท้วง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของพวกเขาแย่มาก ๆ ถามว่าหลังจากการชุมนุมจบลงในปีที่แล้ว ทำไมพวกเขาจึงได้กลับมาในจังหวะนี้ ตอนนี้ หนึ่ง ก็คือ ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้น ทั้งในแง่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ฯลฯ แต่เศรษฐกิจไม่ดีขึ้น แน่นอนว่าหลายภาคส่วน อาจจะเข้าไปสู่การจ้างงานแล้ว แต่พวกเขาเป็นแรงงานนอกระบบและยังเป็นเยาวชน ทำให้พวกเขากลายเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับการจ้างงาน พวกเขาหลายคนยังเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่ สอง ที่สำคัญคือ ข้อเรียกร้องของเขาที่มีมาโดยตลอด ไม่ได้รับการเยียวยาเลย ไม่ได้รับการแก้ไข เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ เมื่อเขาหลุดออกจากระบบทั้งหมด เมื่อเขากลายเป็นคนไร้บ้าน เมื่อเขากลายเป็นคนที่ไม่มีที่อยู่แล้ว เมื่อเขากลายเป็นคนที่ไม่มีรายได้แล้ว สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันทำให้ชีวิตของเขาถลำสู่ปัญหาที่ดึงพวกเขากลับมายากมาก อย่างที่สาม ที่คิดว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญก็คือ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ก่อนหน้านี้มีเยาวชนทะลุแก๊สจำนวนหนึ่ง ได้ลงไปช่วยทำงานรณรงค์หาเสียงให้กับผู้สมัครหลากหลายคน ด้วยความหวังว่า จะมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อการเลือกตั้งจบ ก็มีทั้งแคนดิเดตที่พวกเขาสนับสนุนได้รับเลือก หรือผิดหวังจากการเลือกตั้ง ทว่าพวกเขาต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วเดี๋ยวนี้ แต่พวกเขายังมองไม่เห็น เราอาจจะคิดว่า เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเยาวชนทะลุแก๊ส ในความเป็นจริงก็คือว่า ความหวังของเรา ที่เราคิดว่ามันเป็นแค่การเลือกตั้ง แต่สำหรับเขา มันคือความต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงๆ และสัญญาณที่จะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ มันอาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่ทำให้พวกเขาเริ่มกังวล จากที่ดิฉันคุยกับกลุ่มทะลุแก๊สบางคน ธรรมชาติของเยาวชนกลุ่มทะลุแก๊สกับเยาวชนที่ผูกโบว์ขาว ที่ออกมาชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 นั้น มีความแตกต่างกันมาก สำหรับคนที่ทำม็อบมาตั้งแต่ปี 2563 ไม่ว่าจะเป็นแกนนำและผู้ร่วมสนับสนุน หลายฝ่ายก็รู้สึกว่ามันไม่ประสบความสำเร็จ มันเหนื่อยแล้ว และรู้สึกว่า ถ้าจะแสดงออกทางการเมือง มันต้องเป็นรูปแบบอื่น การชุมนุมมันอาจจะไม่มากพอที่จะสร้างแรงกดดันให้กับรัฐ หรือมันน่าจะไม่มีประสิทธิภาพพอ แต่พอเจอกลุ่มทะลุแก๊ส มันอีก energy (พลังงาน) หนึ่งเลย ต้องบอกว่า แนวหน้าของกลุ่มทะลุแก๊สประมาณ 500-600 คน ถูกดำเนินคดีไปแล้วประมาณ 400 คน พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ที่มาม็อบน่าจะมีคดีติดตัวกันทุกคน เมื่อเรากลับไปติดตามสถานการณ์ช่วงหลังการชุมนุม หรือ post-protest ต้องบอกเลยว่าเยาวชนกลุ่มนี้ ยังพร้อมที่จะลุกขึ้นมาแสดงออกทางการเมือง คืออยู่ในช่วง High spirit มาก (มีสปิริตสูงมาก) ในขณะที่เยาวชนลูกหลานชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นแนวร่วมการชุมนุมหลักเมื่อปี 2563 ข้อเรียกร้องของพวกเขา มันคือความฝันในอนาคต ความกลัวของพวกเขาคือ กลัวว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จ กลัวว่าที่สิ่งที่เขาอยากเห็น มันอาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะรัฐเป็นอุปสรรค แต่เยาวชนกลุ่มนี้ยังเป็น Resilient citizen (พลเมืองที่มีความยืดหยุ่นปรับตัวได้) ยังสามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะเขาเป็นเด็กหัวกะทิของประเทศ พวกเขามีทุนที่ดี คือเขาไม่ต้องชนะวันนี้ก็ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าความเคลื่อนไหวของพวกเขาจะหยุดอยู่แค่นั้น ต้องยอมรับว่าป้า ๆ เสื้อแดงคือกลุ่มเดียวที่อยู่กับเขา แล้วตอนนี้ก็มีการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มน้อง ๆ กับป้าๆ เสื้อแดงแบบผสมผสานกันไปมา ทำให้พวกเขายังมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ทั้งสองกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทะลุแก๊สหรือเยาวชนชนชั้นกลาง ต่างคิดเหมือนกันคือ “ถึงอย่างไร ไม่เปลี่ยนไม่ได้” ไม่ว่าจะเหนื่อยอย่างไร ไม่ว่าจะท้อแท้อย่างไร เราก็จะเห็นการกลับมาของพวกเขาในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น พวกแกนนำ ซึ่งมันเป็นปรากฏการณ์ปกติทั่วโลก เมื่อเราสู้บนท้องถนนแล้วมันผิดกฎหมาย เราก็ต้องเข้าสู่เครื่องมือทางการเมืองที่เป็นทางการมากขึ้น หรือการเข้าไปสู่กลไกในการทำนโยบาย เราเห็นคนเจเนอเรชั่นวาย (Generation Y) จำนวนมากที่มาชุมนุมปีที่แล้ว เริ่มผลักดันสิ่งทslot เติม ผ่าน วอ เลทเว็บ ufabet168ี่เรียกว่าสตาร์ทอัพ อะไรพวกนี้ คือแต่ละคนก็เริ่มผลักดันเครื่องมือการต่อสู้ที่แตกต่างออกไปจากเดิม แต่สำหรับเรากลุ่มที่เขารอไม่ได้ อย่างเช่นกลุ่มทะลุแก๊ส เขาก็ยังคงมีการแสดงออกทางการเมืองอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ เข้าสู่การครบรอบ 1 ปี ความเคลื่อนไหวแบบหลังชนฝาของ “กลุ่มทะลุแก๊ส” คนที่มาเข้าร่วมการชุมนุมทะลุแก๊สเกือบทั้งหมดมีคดีความจากการชุมนุมในปี 2564 อยู่แล้ว ดังนั้น การใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดิม คือ จับกุมคุมขัง ติดกำไล EM ดิฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า มันจะเป็นทางออกที่ทำให้พวกเขากลัวและไม่กล้ามาชุมนุมหรือเปล่า เพราะอย่างที่ดิฉันบอกว่า สำหรับพวกเขา เขาต้องการการเปลี่ยนแปลง พวกเขารอไม่ได้ มีเด็กกลุ่มนี้ฆ่าตัวตายประมาณ 16 คน จากแนวร่วมการชุมนุมที่ประเมินว่า มีจำนวนประมาณ 500 คน และฆ่าตัวตายสำเร็จไปแล้ว 3 คน มันเป็นโศกนาฏกรรมที่ดิฉันคิดว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น อย่างที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่า ก็ต้องคิดกันดีๆ นะ จะเสียอนาคต จะถูกดำเนินคดี ดิฉันคิดว่ามันไปไกลกว่านั้นมากแล้ว คือเด็กๆ เหล่านี้ไม่มีครอบครัว ไม่มีทั้งความหวัง มีคดีกันคนละ 2-3 คดีติดตัว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ดิฉันคิดว่า พวกเขาคงคิดว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ในท้ายที่สุด เราไม่เห็นการแก้ไขปัญหา ไม่เห็นแม้กระทั่งการเปิดเวทีเจรจา นอกจากจะเพิกเฉยแล้วยังข่มขู่คุกคาม ทำให้เขาเงียบด้วยความกลัว ดิฉันคิดว่า มันเป็นรูปแบบการจัดการของผู้ใหญ่ในสังคมไทย ซึ่งดิฉันเองก็เป็นรุ่นที่ก็เผชิญอะไรแบบนั้นมานะคะ ผู้ใหญ่เองเชื่อจริงๆ ว่า การจัดการที่จะทำให้เด็กลดความก้าวร้าวรุนแรง ลดการเรียกร้องในสิ่งที่มันเกินกว่าเด็กควรจะเรียกร้อง ต้องทำให้เด็กกลัว นอกจากนั้น ยังมีการจับกุมคุมขังแกนนำเป็นระยะๆ สิ่งที่เราเห็นก็คือมันไม่ได้ผล นอกจากไม่ได้ผลแล้ว มันยังผลักให้พวกเขาไม่ยอมรับในสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการ จนถึงวันนี้ที่ดิฉันตามเรื่องม็อบเยาวชนมาสามปี ดิฉันไม่เห็นการขยับของกระทรวงศึกษาอย่างจริงจังในการปฏิรูปการศึกษา ในแบบที่มันทันต่อโลก ดิฉันยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาของเยาวชนคนจนเมืองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ดิฉันยังไม่เห็นการพูดถึงปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวอย่างจริงจัง ยังไม่เห็นการปฏิรูปโครงสร้างระบบราชการที่ใช้ความรุนแรงต่อเยาวชน อีกสิ่งหนึ่งที่รัฐทำคือ การทำให้เด็กๆ กลายเป็นปิศาจ (Devilize) จากเด็กที่เชื่อว่าตัวเองน่าจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ เขาเคยประสบความสำเร็จ ถ้าเราจำได้ ก็อย่างเช่น การต่อต้านนโยบายซิงเกิลเกตเวย์ เราเห็นการสร้างพรรคการเมืองของเขา ไม่ว่าเขาจะเชื่อมั่นในพรรคจริงหรือไม่ก็ตาม พอถึงช่วงทะลุแก๊ส รัฐเองไม่ได้มองคนเหล่านี้เป็นเยาวชนแล้วด้วยซ้ำ แต่มองว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เป็นอันธพาล มองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย มองว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากพลังทางการเมืองนอกประเทศ ดิฉันคิดว่ามันเป็นขบวนการ Devilize ทำให้เยาวชนกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของผู้ใหญ่ ซึ่งมันยิ่งผลักเขาออกไป มันทำให้ครอบครัวแบกรับภาระที่เยาวชนแสดงออกทางการเมืองไม่ไหว น้อง ๆ ที่อยู่ในสลัมหลายๆ ถูกเบียดขับออกจากชุมชนของตัวเอง น้อง ๆ เยาวชนที่มาชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 หลายคนก็ต้องออกจากบ้าน ไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้ ถามว่าครอบครัวไม่รักลูกหรือ ไม่รักคนในชุมชนเหรอ มันไม่ใช่ แต่ว่าความกลัวที่เขามีต่อปีศาจตัวเล็กๆ มันหนักเกินไปสำหรับชุมชนและครอบครัว ทั้งในด้านความรู้สึกไม่ปลอดภัย และต้นทุนที่ต้องรับมือกับเยาวชนกลุ่มนี้ เพราะรัฐทำให้เยาวชนที่ต้องการเรียกร้องสิทธิ มีต้นทุนที่แพงมาก ไม่ว่าในแง่ทางเศรษฐกิจ การเงิน สังคม และสิทธิทางการเมือง เราต้องยอมรับว่า ทั้งหมดที่กล่าวมา มันผลักดันให้เยาวชนออกมาจากครอบครัว มาสู่ถนน และเรากำลังทำให้เขาไม่มีที่ไป จริง ๆ ถ้าถามว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน ดิฉันต้องบอกว่ามีปัญหาหลักๆ อยู่ 3 ข้อ ปัญหาแรก คือ ผู้ใหญ่และรัฐเองไม่ตระหนักว่า เครื่องมือในการแก้ไขปัญหามีปัญหา และกำลังสร้างปัญหา อย่างที่สอง คือ เราไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เรื่องที่สาม คือ มันไม่มีการแก้ปัญหาอย่างรอบด้านโดยผู้ใหญ่แบบที่เด็กคาดหวัง เพราะฉะนั้นคือดิฉันคิดว่าปัญหา 3 ข้อนี้ คือปัญหาที่ผู้ใหญ่และรัฐต้องจัดการ ทางออก คือ ต้องยอมรับกันให้ได้จริงๆ ว่า วิธีการและเครื่องมือที่ใช้แก้ไขปัญหาในปัจจุบัน มันมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเพิกเฉย ใช้กำลังข่มขู่ คุกคามปราบปราม การไม่ยอมแก้ปัญหา การทำให้เขากลายเป็นปีศาจตัวน้อย ๆ หรือการผลักเขามาจากครอบครัว ทั้งหมดนี้มันไม่ใช่การแก้ปัญหาเลย แต่มันกำลังทำให้แรงงานที่สำคัญในอนาคต หลุดออกจากการดูแลปกป้อง และจะทำให้เราไม่สามารถกำหนดทิศทางอนาคตของประเทศไทยได้ เรื่อง : จิราภรณ์ ศรีแจ่ม ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสภาพ : ฉัฐพัชร์ สุวรรณยุหะ

วันนี้ (31 มี.ค.2565) บริเวณอาคารไอราวัตพัฒนา ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาที่งานผู้สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งทยอยเดินทางมา โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระได้เดินทางมาถึงแล้ว และนายสกลธี ภัททิ

ข้อมูลจาก Knight Frank’s the Wealth Report ระบุว่า ช่วงปี 2016–2022 คนไทยที่มีความมั่งคั่งสูง (High

นิยายชีวิต โดย : Rizky Agustian
เรื่องและภาพโดย : Rizky Agustian
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..