เปลี่ยนศาลาว่าการและลานคนเมือง สู่พิพิธภัณฑ์เมืองก

วันนี้ (14 มิ.ย.2566) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าส
วันนี้ (27 มิ.ย.2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิลและนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ร่วมแถลงหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยและประชุม
วันที่ 12 ส.ค.2564 นายสุกฤษฏิ์ ธีระปัญญารัตน์ อายุ 26 ปี อาสาสมัครที่ร่วมทดสอบวัคซีน ChulaCov19 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sukrit Terapanyarat เล่าประสบการณ์ว่า "ว่าด้วยประสิทธิภาพวัคซีน ChulaCOV-19 วัคซีน mRNA ตัวแรกของไทย" ก่อนอื่นต้องอธิบายว่า ทางโครงการวิจัยไม่ได้มีการเปิดเผยเลขภูมิคุ้มกันของวัคซีนแก่อาสาสมัคร เพียงแต่บอกได้ว่าดีมาก ดังนั้นจะเป็นการรีวิวและอธิบายจากประสบการณ์จริง เมื่อที่บ้านและออฟฟิศของผม ติด COVID-19 เกือบยกครัว แต่ "ผม" เป็นคนเดียวที่ไม่ติด 1. วัคซีน ChulaCov19 ถูกพัฒนาขึ้นโดยะศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 2. วัคซีนดังกล่าวใช้เทคโนโลยี mRNA ที่มีพัฒนาและวิจัยต่อยอดจาก Moderna ดังนั้นประสิทธิภาพที่ออกมาจึงมั่นใจได้ว่าเทียบเท่า Pfizer และ Moderna หรืออาจจะดีกว่าสำหรับการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา เพราะกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อไป หลังจากทดสอบกับอาสาสมัครกลุ่มแรก 3. ตนเองได้รับวัคซีนขนาด 25 ไมโครกรัม (ใช้น้อยกว่า Pfizer) จำนวน 2 โดส ฉีดห่างกัน 3 สัปดาห์ 4. อาการและผลข้างเคียง ฉีดโดสแรกในวันที่ 24 มิ.ย.2564 มีอาการปวดหัวและอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดต่อเนื่อง 2-3 วัน ไม่มีไข้ และยังทำงานได้ปกติ ส่วนโดสที่วันที่ 15 ก.ค.2564 มีอาการปวดหัวมากกว่าโดสแรก หลังจากฉีด 2 ชั่วโมง และถึงขั้นซมหลังฉีด 6 ชั่วโมง มีไข้หรือตัวรุม ๆ แต่ไข้ไม่สูง ปวดหัวตลอดทั้งคืน กว่าจะทุเลาลงก็คือวันที่ 2 หลังจากนั้นไข้หายใน 2 วัน ส่วนอาการปวดหัวจะต่อเนื่องไปร่วม 3-4 วันเลยทีเดียว 5. หลังจากฉีดวัคซีนครบ 2 โดสได้ราว 1 สัปดาห์ พ่อของผมเริ่มมีอาการป่วย ปวดหัว ไอ ส่วนพนักงานที่ออฟฟิศไปตรวจโควิด Rapid Antigen Test ผลปรากฏว่าติด COVID-19 จึงมีการตรวจกันทั้งบ้าน ปรากฎว่า พนักงานออฟฟิศติดเชื้อ 2 คน ไม่ติด 1 คน (ซึ่งคนที่บ้านของพนักงานติดเกือบยกครอบครัว) และพ่อของตนเองติดเชื้อ 6. ทางโครงการวิจัยฯ ได้นัดให้ไปตรวจ RT-PCR อีกรอบ เพราะตนเองกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดผู้ป่วย ซึ่งผลออกมาว่า ไม่มีเชื้อ COVID-19 7. พ่อของตนเองมีอาการหนักสุด ส่วนพนักงานแทบไม่มีอาการ ได้ทำการรักษาตามอาการแบบ Home Isolation แยกบ้านกันอยู่ 8. เหตุการณ์เหมือนจะไม่มีอะไร แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ อยู่ ๆ อาการพ่อทรุดหนัก ไข้ขึ้นสูง ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ลดลงต่อเนื่องจาก 95 เหลือ 92 ในช่วงเย็น และเหลือ 89 ในช่วงกลางคืน ไม่ค่อยมีสติและสื่อสารลำบาก 9. ด้วยความจำเป็นที่จะต้องหาโรงพยาบาลด่วน ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบคือ ทุกที่เตียงเต็ม โชคดีที่ติดต่อโรงพยายาลสมุทรสาครได้ แต่โรงพยาบาลก็ไม่มีรถฉุกเฉิน จำเป็นที่เราจะต้องขับรถไปเอง วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเพิ่งตรวจ RT-PCR ในวันเดียวกัน ตนเองต้องใกล้ชิดคพ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยอีกครั้ง ครั้งนี้มีการสัมผัสและใกล้ชิดมาก แต่ด้วยความจำเป็นต้องพาไปโรงพยาบาล จึงไม่มีทางเลือก (อุปกรณ์ป้องกันมีเพียงหน้ากากอนามัย 2 ชั้น face shield และถุงมือยาง) 10. พ่อของตนเองโชคดีที่ห้อง ER มีเตียงว่าง ได้รับการรักษาและรับยาฟาวิพิราเวียร์ทันที แม้จะยังไม่เคยตรวจ RT-PCR มาก่อน ก่อนจะได้แอดมิทที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร แม้จะเป็นผู้ป่วยนอก ซึ่งปัจจุบันอาการดีขึ้นมากแล้ว ย้ายไปโรงพยาบาลสนาม และใกล้จะได้กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน 11. ส่วนตนเองยังมีนัดต้องไปเจาะเลือดเก็บตัวอย่างกับทางโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อวัดภูมิวัคซีนหลังฉีด 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาหลังจากได้สัมผัสผู้ป่วยโดยตรงประมาณ 12 วัน ไม่ได้มีอาการอะไร จึงได้ทำการ Rapid Antigen Test อีกครั้ง และผลก็ออกมาบอกว่า ไม่มีเชื้อ สำหรับความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อครั้งที่ 1 คือ การทำงานในออฟฟิศ อยู่กับผู้ที่ติดเชื้อในช่วงที่เชื้อกำลังฟักตัวและไม่มีอาการ, ครั้งที่ 2 หลังจากคนรอบข้างอาการเริ่มออก และมีผลตรวจยืนยันติดเชื้อ เริ่มให้พนักงาน Work From Home แต่ก่อนหน้านั้นตนเองยังคงต้องขับรถ ร่วมโดยสารกับผู้ที่ติดเชื้อทุกวัน และครั้งที่ 3 กลับมาสัมผัสผู้ป่วย COVID-19 โดยตรงอีกครั้ง หลังจากเว้นระยะห่างกันมานาน 1 สัปดาห์ ส่วนคำถามว่า "คนไทยจะได้ฉีดวัคซีนตัวนี้เมื่อใด" คำตอบก็คือ กว่าจะวิจัยพัฒนาและทดสอบกับอาสาสมัครกลุ่มที่ 2 และกลุ่ม 3 แล้วเสร็จ น่าจะช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2565 แต่หากฉุกเฉินจริง ๆ ไม่แน่ว่า อาจจะมีการใช้วัคซีนตัวนี้เป็นเข็มที่ 3 ในช่วงปลายปี ทั้งนี้ วัคซีน ChulaCov19 เป็นการคิดค้นออกแบบและพัฒนาโดยคนไทยจากความร่วมมือสนับสนุนโดยแพทย์นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ของโลก คือ Prof.Drew Weissman มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย วัคซีน ChulaCov19 ผลิตโดยสร้างชิ้นส่วนขนาดจิ๋วจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา (โดยไม่มีการใช้ตัวเชื้อแต่อย่างใด) ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมขนาดจิ๋วนี้เข้าไป จะทำการสร้างเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนปุ่มหนามของไวรัสขึ้น (spike protein) และกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันไว้เตรียมต่อสู้กับไวรัสเมื่อไปสัมผัสเชื้อ เมื่อวัคซีนชนิด mRNA ทำหน้าที่ให้ร่างกายสร้างโปรตีนเรียบร้อยแล้ว ภายในไม่กี่วัน mRNA นี้จะถูกสลายไปโดยไม่มีการสะสมในร่างกายแต่อย่างใด ที่ผ่านมาทางศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ประสบผลสำเร็จในการทดลองในลิง และหนู พบว่าสามารถช่วยยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง จึงนำมาสู่การผลิต และทดสอบทางคลินิกระยะที่ 1 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มอายุ จำนวน 72 คน กลุ่มแรก เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 18-55 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน กลุ่มที่ 2 เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 65-75 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน ในจำนวน 2 กลุ่มข้างต้นเว็บ พนัน แจก เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก ก่อนฝาก 20 รับ 100 ใหม่ ล่าสุดจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยที่ฉีดวัคซีน 10 ไมโครกรัม, 25 ไมโครกรัม และ 50 ไมโครกรัม เพื่อดูว่า วัคซีน ChulaCov19 มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ปริมาณเท่าใด เพราะปัจจุบันโมเดอร์นาใช้วัคซีนปริมาณ 100 ไมโครกรัม ส่วนไฟเซอร์ใช้ 30 ไมโครกรัม ทางศูนย์ฯ ต้องศึกษาว่าคนไทย หรือเอเชีย เหมาะกับการฉีด 10 หรือ 25 หรือ 50 ไมโครกรัม จะได้รู้ขนาดที่ปลอดภัยและกระตุ้นภูมิได้สูง หลังจากนั้นจึงเข้าสู่การทดสอบทางคลินิกระยะที่ 2 ส่วนการทดสอบในระยะที่ 2 จำนวน 150-300 คน คาดว่าเริ่มต้นฉีดได้ประมาณเดือน ส.ค.2564 เป็นต้นไป
วันที่ 12 ส.ค.2564 นายสุกฤษฏิ์ ธีระปัญญารัตน์ อายุ 26 ปี อาสาสมัครที่ร่วมทดสอบวัคซีน ChulaCov19 โพสต
วันนี้ (15 มี.ค.2566) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เผยว่า
วันนี้ (19 มิ.ย.2565) นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว
วันที่ 12 ส.ค.2564 นายสุกฤษฏิ์ ธีระปัญญารัตน์ อายุ 26 ปี อาสาสมัครที่ร่วมทดสอบวัคซีน ChulaCov19 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sukrit Terapanyarat เล่าประสบการณ์ว่า "ว่าด้วยประสิทธิภาพวัคซีน ChulaCOV-19 วัคซีน mRNA ตัวแรกของไทย" ก่อนอื่นต้องอธิบายว่า ทางโครงการวิจัยไม่ได้มีการเปิดเผยเลขภูมิคุ้มกันของวัคซีนแก่อาสาสมัคร เพียงแต่บอกได้ว่าดีมาก ดังนั้นจะเป็นการรีวิวและอธิบายจากประสบการณ์จริง เมื่อที่บ้านและออฟฟิศของผม ติด COVID-19 เกือบยกครัว แต่ "ผม" เป็นคนเดียวที่ไม่ติด 1. วัคซีน ChulaCov19 ถูกพัฒนาขึ้นโดยะศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 2. วัคซีนดังกล่าวใช้เทคโนโลยี mRNA ที่มีพัฒนาและวิจัยต่อยอดจาก Moderna ดังนั้นประสิทธิภาพที่ออกมาจึงมั่นใจได้ว่าเทียบเท่า Pfizer และ Moderna หรืออาจจะดีกว่าสำหรับการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา เพราะกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อไป หลังจากทดสอบกับอาสาสมัครกลุ่มแรก 3. ตนเองได้รับวัคซีนขนาด 25 ไมโครกรัม (ใช้น้อยกว่า Pfizer) จำนวน 2 โดส ฉีดห่างกัน 3 สัปดาห์ 4. อาการและผลข้างเคียง ฉีดโดสแรกในวันที่ 24 มิ.ย.2564 มีอาการปวดหัวและอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดต่อเนื่อง 2-3 วัน ไม่มีไข้ และยังทำงานได้ปกติ ส่วนโดสที่วันที่ 15 ก.ค.2564 มีอาการปวดหัวมากกว่าโดสแรก หลังจากฉีด 2 ชั่วโมง และถึงขั้นซมหลังฉีด 6 ชั่วโมง มีไข้หรือตัวรุม ๆ แต่ไข้ไม่สูง ปวดหัวตลอดทั้งคืน กว่าจะทุเลาลงก็คือวันที่ 2 หลังจากนั้นไข้หายใน 2 วัน ส่วนอาการปวดหัวจะต่อเนื่องไปร่วม 3-4 วันเลยทีเดียว 5. หลังจากฉีดวัคซีนครบ 2 โดสได้ราว 1 สัปดาห์ พ่อของผมเริ่มมีอาการป่วย ปวดหัว ไอ ส่วนพนักงานที่ออฟฟิศไปตรวจโควิด Rapid Antigen Test ผลปรากฏว่าติด COVID-19 จึงมีการตรวจกันทั้งบ้าน ปรากฎว่า พนักงานออฟฟิศติดเชื้อ 2 คน ไม่ติด 1 คน (ซึ่งคนที่บ้านของพนักงานติดเกือบยกครอบครัว) และพ่อของตนเองติดเชื้อ 6. ทางโครงการวิจัยฯ ได้นัดให้ไปตรวจ RT-PCR อีกรอบ เพราะตนเองกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดผู้ป่วย ซึ่งผลออกมาว่า ไม่มีเชื้อ COVID-19 7. พ่อของตนเองมีอาการหนักสุด ส่วนพนักงานแทบไม่มีอาการ ได้ทำการรักษาตามอาการแบบ Home Isolation แยกบ้านกันอยู่ 8. เหตุการณ์เหมือนจะไม่มีอะไร แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ อยู่ ๆ อาการพ่อทรุดหนัก ไข้ขึ้นสูง ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ลดลงต่อเนื่องจาก 95 เหลือ 92 ในช่วงเย็น และเหลือ 89 ในช่วงกลางคืน ไม่ค่อยมีสติและสื่อสารลำบาก 9. ด้วยความจำเป็นที่จะต้องหาโรงพยาบาลด่วน ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบคือ ทุกที่เตียงเต็ม โชคดีที่ติดต่อโรงพยายาลสมุทรสาครได้ แต่โรงพยาบาลก็ไม่มีรถฉุกเฉิน จำเป็นที่เราจะต้องขับรถไปเอง วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเพิ่งตรวจ RT-PCR ในวันเดียวกัน ตนเองต้องใกล้ชิดคพ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยอีกครั้ง ครั้งนี้มีการสัมผัสและใกล้ชิดมาก แต่ด้วยความจำเป็นต้องพาไปโรงพยาบาล จึงไม่มีทางเลือก (อุปกรณ์ป้องกันมีเพียงหน้ากากอนามัย 2 ชั้น face shield และถุงมือยาง) 10. พ่อของตนเองโชคดีที่ห้อง ER มีเตียงว่าง ได้รับการรักษาและรับยาฟาวิพิราเวียร์ทันที แม้จะยังไม่เคยตรวจ RT-PCR มาก่อน ก่อนจะได้แอดมิทที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร แม้จะเป็นผู้ป่วยนอก ซึ่งปัจจุบันอาการดีขึ้นมากแล้ว ย้ายไปโรงพยาบาลสนาม และใกล้จะได้กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน 11. ส่วนตนเองยังมีนัดต้องไปเจาะเลือดเก็บตัวอย่างกับทางโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อวัดภูมิวัคซีนหลังฉีด 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาหลังจากได้สัมผัสผู้ป่วยโดยตรงประมาณ 12 วัน ไม่ได้มีอาการอะไร จึงได้ทำการ Rapid Antigen Test อีกครั้ง และผลก็ออกมาบอกว่า ไม่มีเชื้อ สำหรับความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อครั้งที่ 1 คือ การทำงานในออฟฟิศ อยู่กับผู้ที่ติดเชื้อในช่วงที่เชื้อกำลังฟักตัวและไม่มีอาการ, ครั้งที่ 2 หลังจากคนรอบข้างอาการเริ่มออก และมีผลตรวจยืนยันติดเชื้อ เริ่มให้พนักงาน Work From Home แต่ก่อนหน้านั้นตนเองยังคงต้องขับรถ ร่วมโดยสารกับผู้ที่ติดเชื้อทุกวัน และครั้งที่ 3 กลับมาสัมผัสผู้ป่วย COVID-19 โดยตรงอีกครั้ง หลังจากเว้นระยะห่างกันมานาน 1 สัปดาห์ ส่วนคำถามว่า "คนไทยจะได้ฉีดวัคซีนตัวนี้เมื่อใด" คำตอบก็คือ กว่าจะวิจัยพัฒนาและทดสอบกับอาสาสมัครกลุ่มที่ 2 และกลุ่ม 3 แล้วเสร็จ น่าจะช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2565 แต่หากฉุกเฉินจริง ๆ ไม่แน่ว่า อาจจะมีการใช้วัคซีนตัวนี้เป็นเข็มที่ 3 ในช่วงปลายปี ทั้งนี้ วัคซีน ChulaCov19 เป็นการคิดค้นออกแบบและพัฒนาโดยคนไทยจากความร่วมมือสนับสนุนโดยแพทย์นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ของโลก คือ Prof.Drew Weissman มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย วัคซีน ChulaCov19 ผลิตโดยสร้างชิ้นส่วนขนาดจิ๋วจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา (โดยไม่มีการใช้ตัวเชื้อแต่อย่างใด) ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมขนาดจิ๋วนี้เข้าไป จะทำการสร้างเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนปุ่มหนามของไวรัสขึ้น (spike protein) และกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันไว้เตรียมต่อสู้กับไวรัสเมื่อไปสัมผัสเชื้อ เมื่อวัคซีนชนิด mRNA ทำหน้าที่ให้ร่างกายสร้างโปรตีนเรียบร้อยแล้ว ภายในไม่กี่วัน mRNA นี้จะถูกสลายไปโดยไม่มีการสะสมในร่างกายแต่อย่างใด ที่ผ่านมาทางศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ประสบผลสำเร็จในการทดลองในลิง และหนู พบว่าสามารถช่วยยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง จึงนำมาสู่การผลิต และทดสอบทางคลินิกระยะที่ 1 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มอายุ จำนวน 72 คน กลุ่มแรก เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 18-55 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน กลุ่มที่ 2 เป็นอาสาสมัครผู้ที่มีอายุ 65-75 ปี ทดสอบจำนวน 36 คน ในจำนวน 2 กลุ่มข้างต้นเว็บ พนัน แจก เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก ก่อนฝาก 20 รับ 100 ใหม่ ล่าสุดจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยที่ฉีดวัคซีน 10 ไมโครกรัม, 25 ไมโครกรัม และ 50 ไมโครกรัม เพื่อดูว่า วัคซีน ChulaCov19 มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ปริมาณเท่าใด เพราะปัจจุบันโมเดอร์นาใช้วัคซีนปริมาณ 100 ไมโครกรัม ส่วนไฟเซอร์ใช้ 30 ไมโครกรัม ทางศูนย์ฯ ต้องศึกษาว่าคนไทย หรือเอเชีย เหมาะกับการฉีด 10 หรือ 25 หรือ 50 ไมโครกรัม จะได้รู้ขนาดที่ปลอดภัยและกระตุ้นภูมิได้สูง หลังจากนั้นจึงเข้าสู่การทดสอบทางคลินิกระยะที่ 2 ส่วนการทดสอบในระยะที่ 2 จำนวน 150-300 คน คาดว่าเริ่มต้นฉีดได้ประมาณเดือน ส.ค.2564 เป็นต้นไป
วันนี้ (10 ต.ค.2566) นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์การทะเบียน ภาค 5 อดีตปลัดอำเภอศูนย์ดำรงธรรม