วันนี้ (17 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โมเดอร์นา ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาวัคซีน COVID-19 สัแฮ น ดิ แค ป บอล วัน นี้
วันนี้ (9 ก.พ.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวรอยเตอร์ส อ้างรายงานชั้นความลับขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ที่ระบุว่า เกาหลีเหนือละเมิดมาตรการคว่ำบาตร เนื่องจากยังคงดำเนินโครงการพัฒนานิวเคลียร
วันนี้ (16 ส.ค.2567) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ (กสม.) ตรวจสอบกรณีร้องเรียนว่าโครงการก่อสร้างโรงแรมของบริษัทเอกชนใน จ.ภูเก็ต จะกระทบต่อวิถีชีวิตชาวเลราไวย์ เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับหาดราไวย์ เป็นพื้นที่จอดเรือ พักเก็บ และซ่อม แซมเครื่องมือประมง และการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านความเห็นชอบจาก คชก.เบื้องต้นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมบริเวณ จ.ภูเก็ต ยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงจึงขอให้ตรวจสอบ อ่านข่าว ชาวเลราไวย์ ปัดข้อเสนอเอกชนซื้อที่ดินแลกย้ายบาไล จากการตรวจสอบเห็นว่า กรณีแฮ น ดิ แค ป บอล วัน นี้ดังกล่าวมีประเด็นที่ต้องพิจารณา 2 ประเด็น ดังนี้ประเด็นแรก โครงการก่อสร้างโรงแรมของบริษัทเอกชนใน จ.ภูเก็ต (ผู้ถูกร้องที่ 1) กระทบต่อที่ตั้งบาลัย ทางเดินไปบาลัย และการใช้ประโยชน์ในพื้นที่หาดราไวย์ เห็นว่าชุมชนราไวย์ มีประชากร 254 ครัวเรือน นับถือผีบรรพบุรุษ มีการตั้งบาลัยเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ และประกอบอาชีพประมงแบบดั้งเดิม โดยปรากฏหลักฐานว่าชาวเลราไวย์ ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณนี้มายาวนาน เช่น เอกสารทะเบียนบ้านระบุข้อมูลการเกิดของหญิงชาวเลราไวย์ในปี 2445 ข้อมูลการเข้าเรียนของนักเรียนชาวเลราไวย์ที่โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ปี 2482 ภาพถ่ายทางอากาศ ภาพและวิดีทัศน์ที่ปรากฏว่าชาวเลราไวย์ ได้เข้าร่วมรับเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2502 รวมทั้งการขุดพบโครงกระดูกบรรพบุรุษที่มีความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมกับชาวเลราไวย์ในปัจจุบัน สำหรับโครงการโรงแรมของผู้ถูกร้องที่ 1 มีเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่ ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารจากเทศบาล ต.ราไวย์ แต่ได้จัดทำรายงาน EIA และผู้ถูกร้องที่ 2 มีมติเห็นชอบรายงานแล้วเมื่อปี 2563 พื้นที่โครงการมีด้านหน้าติดกับหาดราไวย์ ซึ่งชาวเลใช้ประกอบอาชีพประมง จึงมีข้อพิพาทในประเด็นต่าง ๆ มาเป็นระยะ ทั้งเรื่องที่ตั้ง และทางเดินไปบาลัย แนวเขตพื้นที่หน้าหาดราไวย์ ซึ่งชาวเลราไวย์ใช้ประโยชน์ ที่ผ่านมาข้อพิพาทดังกล่าวเคยเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วหลายหน่วยงาน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เมื่อปี 2560 ศาลจังหวัดภูเก็ตมีคำพิพากษาว่า บริเวณที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิของโครงการโรงแรมของผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงห้ามมิให้ชาวเลราไวย์ขัดขวางการดำเนินการใด ๆ และห้ามยุ่งเกี่ยวในที่ดินพิพาท อันมีผลให้ข้อพิพาทระหว่างชาวเลราไวย์กับผู้ถูกร้องที่ 1 ซึ่งเป็นเอกชนกับเอกชนยุติลงโดยผลจากคำพิพากษาของศาล ตามมาตรา 39 (1) ประกอบมาตรา 39 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 ซึ่งบัญญัติให้ กสม.สั่งยุติเรื่อง หากเป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาลหรือเรื่องที่ศาลมีคำพิพากษา คำสั่ง หรือคำวินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้โครงการก่อสร้างโรงแรมของผู้ถูกร้องที่ 1 จะยังไม่เริ่มก่อสร้าง จึงไม่ปรากฏผลกระทบอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่การดำเนินโครงการต่อไปโดยที่หน่วยงานของรัฐยังไม่ได้ทำหน้าที่ในการคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลด้วยการหาข้อยุติที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทย่อมสุ่มเสี่ยงจะกระทบต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ดั้งเดิม วัฒนธรรมประเพณี และการประกอบอาชีพของชาวเลราไวย์ ตลอดจนอาจกระทบต่อสิทธิของชาวเลราไวย์ในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่หน้าหาด ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ให้การรับรองไว้ อ่านข่าว ผบ.มทบ.41 เรียกแกนนำชาวเลราไวย์เข้าพบที่ค่ายวชิราวุธ อ้างฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ประเด็นต่อมา การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการจัดทำรายงาน EIA ของโครงการก่อสร้างโรงแรมดังกล่าว เห็นว่า เป็นโครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงาน EIA ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 โดยบริษัทที่ปรึกษาได้จัดทำรายงาน EIA และจัดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยใช้การสัมภาษณ์รายบุคคลด้วยแบบสอบถาม และรายงาน EIA ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมบริเวณจ.ภูเก็ต ผู้ถูกร้องที่ 2 แล้ว เมื่อพิจารณาแบบสอบถามข้างต้นไม่ปรากฏประเด็นเรื่องที่ตั้งบาลัย ทางเดินไปยังบาลัย การใช้พื้นที่ชายหาดราไวย์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและเป็นผลกระทบหลักที่จะเกิดขึ้นกับผู้ร้องซึ่งเป็นชาวเลราไวย์หากก่อสร้างโครงการ นอกจากนี้การเลือกใช้วิธีการสัมภาษณ์รายบุคคลอาจเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมกับการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็น เนื่องจากชาวเลราไวย์บางส่วนไม่สามารถเข้าใจการสื่อสารด้วยภาษาไทย และอาจทำให้ชาวเลราไวย์ไม่ให้ข้อมูล เนื่องจากชาวเลราไวย์มักอยู่แบบรวมกลุ่ม อ่านข่าว ชาวเลราไวย์ร้องผู้ว่าฯ ภูเก็ต ขอความเป็นธรรมหลังถูกจับ 2 คน ดังนั้นที่ประชุม กสม.จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนไปยังผู้ถูกร้องที่ 1 และจ.ภูเก็ต ให้ร่วมกันจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพิ่มเติมในประเด็นที่เป็นข้อพิพาทให้ครบถ้วน โดยพิจารณาเลือกใช้การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน และสอดคล้องกับบริบททางสังคมวัฒนธรรมของชาวเลราไวย์ที่มีธรรมชาติในการอยู่แบบรวมกลุ่ม และให้ผู้ถูกร้องที่ 2 นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาทบทวนมติเห็นชอบรายงาน EIA ต่อไป นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยังผู้ถูกร้องที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ อ่านข่าว : “ดีเอสไอ” ชี้ที่ดินราไวย์ “ชาวเล” อยู่อาศัยมาก่อน หลักฐานโบราณ-ภาพถ่ายก่อนออกโฉนดชัดเจน
"ขาใหม่" ไม่ใช่ "ขาเทียม" เป็นนิยามที่ "คุณณี" สุพรณี กิตติรัตนา ผู้ประสบอุบัติเหตุทางเลื่อนสนามบินด
แฮ น ดิ แค ป บอล วัน นี้
วันนี้ (17 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โมเดอร์นา ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาวัคซีน COVID-19 สัแฮ น ดิ แค ป บอล วัน นี้
วันนี้ (9 ก.พ.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวรอยเตอร์ส อ้างรายงานชั้นความลับขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ที่ระบุว่า เกาหลีเหนือละเมิดมาตรการคว่ำบาตร เนื่องจากยังคงดำเนินโครงการพัฒนานิวเคลียร
วันนี้ (16 ส.ค.2567) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ (กสม.) ตรวจสอบกรณีร้องเรียนว่าโครงการก่อสร้างโรงแรมของบริษัทเอกชนใน จ.ภูเก็ต จะกระทบต่อวิถีชีวิตชาวเลราไวย์ เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับหาดราไวย์ เป็นพื้นที่จอดเรือ พักเก็บ และซ่อม แซมเครื่องมือประมง และการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านความเห็นชอบจาก คชก.เบื้องต้นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมบริเวณ จ.ภูเก็ต ยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงจึงขอให้ตรวจสอบ อ่านข่าว ชาวเลราไวย์ ปัดข้อเสนอเอกชนซื้อที่ดินแลกย้ายบาไล จากการตรวจสอบเห็นว่า กรณีแฮ น ดิ แค ป บอล วัน นี้ดังกล่าวมีประเด็นที่ต้องพิจารณา 2 ประเด็น ดังนี้ประเด็นแรก โครงการก่อสร้างโรงแรมของบริษัทเอกชนใน จ.ภูเก็ต (ผู้ถูกร้องที่ 1) กระทบต่อที่ตั้งบาลัย ทางเดินไปบาลัย และการใช้ประโยชน์ในพื้นที่หาดราไวย์ เห็นว่าชุมชนราไวย์ มีประชากร 254 ครัวเรือน นับถือผีบรรพบุรุษ มีการตั้งบาลัยเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ และประกอบอาชีพประมงแบบดั้งเดิม โดยปรากฏหลักฐานว่าชาวเลราไวย์ ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณนี้มายาวนาน เช่น เอกสารทะเบียนบ้านระบุข้อมูลการเกิดของหญิงชาวเลราไวย์ในปี 2445 ข้อมูลการเข้าเรียนของนักเรียนชาวเลราไวย์ที่โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ปี 2482 ภาพถ่ายทางอากาศ ภาพและวิดีทัศน์ที่ปรากฏว่าชาวเลราไวย์ ได้เข้าร่วมรับเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2502 รวมทั้งการขุดพบโครงกระดูกบรรพบุรุษที่มีความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมกับชาวเลราไวย์ในปัจจุบัน สำหรับโครงการโรงแรมของผู้ถูกร้องที่ 1 มีเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่ ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารจากเทศบาล ต.ราไวย์ แต่ได้จัดทำรายงาน EIA และผู้ถูกร้องที่ 2 มีมติเห็นชอบรายงานแล้วเมื่อปี 2563 พื้นที่โครงการมีด้านหน้าติดกับหาดราไวย์ ซึ่งชาวเลใช้ประกอบอาชีพประมง จึงมีข้อพิพาทในประเด็นต่าง ๆ มาเป็นระยะ ทั้งเรื่องที่ตั้ง และทางเดินไปบาลัย แนวเขตพื้นที่หน้าหาดราไวย์ ซึ่งชาวเลราไวย์ใช้ประโยชน์ ที่ผ่านมาข้อพิพาทดังกล่าวเคยเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วหลายหน่วยงาน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เมื่อปี 2560 ศาลจังหวัดภูเก็ตมีคำพิพากษาว่า บริเวณที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิของโครงการโรงแรมของผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงห้ามมิให้ชาวเลราไวย์ขัดขวางการดำเนินการใด ๆ และห้ามยุ่งเกี่ยวในที่ดินพิพาท อันมีผลให้ข้อพิพาทระหว่างชาวเลราไวย์กับผู้ถูกร้องที่ 1 ซึ่งเป็นเอกชนกับเอกชนยุติลงโดยผลจากคำพิพากษาของศาล ตามมาตรา 39 (1) ประกอบมาตรา 39 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 ซึ่งบัญญัติให้ กสม.สั่งยุติเรื่อง หากเป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาลหรือเรื่องที่ศาลมีคำพิพากษา คำสั่ง หรือคำวินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้โครงการก่อสร้างโรงแรมของผู้ถูกร้องที่ 1 จะยังไม่เริ่มก่อสร้าง จึงไม่ปรากฏผลกระทบอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่การดำเนินโครงการต่อไปโดยที่หน่วยงานของรัฐยังไม่ได้ทำหน้าที่ในการคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลด้วยการหาข้อยุติที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทย่อมสุ่มเสี่ยงจะกระทบต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ดั้งเดิม วัฒนธรรมประเพณี และการประกอบอาชีพของชาวเลราไวย์ ตลอดจนอาจกระทบต่อสิทธิของชาวเลราไวย์ในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่หน้าหาด ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ให้การรับรองไว้ อ่านข่าว ผบ.มทบ.41 เรียกแกนนำชาวเลราไวย์เข้าพบที่ค่ายวชิราวุธ อ้างฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ประเด็นต่อมา การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการจัดทำรายงาน EIA ของโครงการก่อสร้างโรงแรมดังกล่าว เห็นว่า เป็นโครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงาน EIA ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 โดยบริษัทที่ปรึกษาได้จัดทำรายงาน EIA และจัดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยใช้การสัมภาษณ์รายบุคคลด้วยแบบสอบถาม และรายงาน EIA ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมบริเวณจ.ภูเก็ต ผู้ถูกร้องที่ 2 แล้ว เมื่อพิจารณาแบบสอบถามข้างต้นไม่ปรากฏประเด็นเรื่องที่ตั้งบาลัย ทางเดินไปยังบาลัย การใช้พื้นที่ชายหาดราไวย์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญและเป็นผลกระทบหลักที่จะเกิดขึ้นกับผู้ร้องซึ่งเป็นชาวเลราไวย์หากก่อสร้างโครงการ นอกจากนี้การเลือกใช้วิธีการสัมภาษณ์รายบุคคลอาจเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมกับการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็น เนื่องจากชาวเลราไวย์บางส่วนไม่สามารถเข้าใจการสื่อสารด้วยภาษาไทย และอาจทำให้ชาวเลราไวย์ไม่ให้ข้อมูล เนื่องจากชาวเลราไวย์มักอยู่แบบรวมกลุ่ม อ่านข่าว ชาวเลราไวย์ร้องผู้ว่าฯ ภูเก็ต ขอความเป็นธรรมหลังถูกจับ 2 คน ดังนั้นที่ประชุม กสม.จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนไปยังผู้ถูกร้องที่ 1 และจ.ภูเก็ต ให้ร่วมกันจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพิ่มเติมในประเด็นที่เป็นข้อพิพาทให้ครบถ้วน โดยพิจารณาเลือกใช้การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน และสอดคล้องกับบริบททางสังคมวัฒนธรรมของชาวเลราไวย์ที่มีธรรมชาติในการอยู่แบบรวมกลุ่ม และให้ผู้ถูกร้องที่ 2 นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาทบทวนมติเห็นชอบรายงาน EIA ต่อไป นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยังผู้ถูกร้องที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ อ่านข่าว : “ดีเอสไอ” ชี้ที่ดินราไวย์ “ชาวเล” อยู่อาศัยมาก่อน หลักฐานโบราณ-ภาพถ่ายก่อนออกโฉนดชัดเจน
"ขาใหม่" ไม่ใช่ "ขาเทียม" เป็นนิยามที่ "คุณณี" สุพรณี กิตติรัตนา ผู้ประสบอุบัติเหตุทางเลื่อนสนามบินด