สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจ

แหล่งรายได้หลักของเมียนมา ส่วนใหญ่มาจากการจัดเก็บภาษี และในส่วนของค่าใช้จ่ายของภาครัฐเอง ก็มีส่วนที่จะต้องใช้จ่ายหลายสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคการศึกษา สาธารณูปโภค เศรษฐกิจ การรักษาพยาบาล ซึ่งจากสถานการณ

วันนี้ (6 ก.ค.2565) จากกรณีเกษตรกรโพสต์ภาพ และข้อความในการลดต้นทุนปลูกข้าว โดยนำน้ำยาล้างห้องน้ำมาใช้แทนสารกำจัดศัตรูพืช เรื่องดังกล่าวเพจดัง "หมอแล็บแพนด้า" ของ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง นำมาโพสต์ต่อพร้อมระบุข้อความ "วงการทำนาต้องสั่นสะเทือน ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ ผสมฉีดข้าว" กรณีดังกล่าว นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ออกมาเตือนเกษตรกรว่า ไม่ควรนำน้ำยาล้างห้องน้ำหรือผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อโรคอเนกประสงค์มาใช้เป็นส่วนผสมในการฉีดพ่น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ไม่ได้มีคุณสมบัติในการเป็นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูข้าว และมีความเข้มข้นของสารเคมีสูง หากนำมาฉีดพ่นอาจทำให้ใบข้าวและต้นข้าวเกิดความเป็นพิษจากสารเคมีและส่งผลให้ใบข้าวไหม้และแห้งตายได้ ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า "ไม่น่าเอาน้ำยาล้างห้องน้ำ ไปฉีดพ่นนาข้าว" จากที่เห็นโพสต์ภาพในเพจของ หมอแล็บฯ งงว่ามีการทำแบบนี้จริงหรือไม่ และทำไปทำไม พร้อมอธิบายเรื่ององค์ประกอบของน้ำยาล้างห้องน้ำนั้นจะพบว่ามีหลายสูตรมาก ไม่ว่าจะเป็น - สูตรกรดเกลือ (Hydrochloric acid ) และสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ชนิดต่างๆ เช่น Ethoxylate Alcohol เป็นต้น - สูตรกรดเกลือ, กรดมะนาว (Citric acid) และสารลดแรงตึงผิว - สูตรกรดมะนาว และ สารลดแรงตึงผิว - สูตรใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ (Organic Solvent) กับสารลดแรงตึงผิว - สูตรสารลดแรงตึงผิว หลายชนิด ผสมกัน - สูตรโซเดียมไฮโปคลอไรท์ (Sodium hypochlorite) และสารลดแรงตึงผิว - สูตรสารลดแรงตึงผิว ผสมกับ Trichloroisocyanuric acid (TCCA) และ ผงหินปูน (Calcium carbonate ) ทั้งนี้ หากดูตามรายชื่อของสารเคมี ไม่น่าจะมีตัวไหนที่จะมีประสิทธิภาพดี ในการช่วยเพิ่มผลผลิต หรือช่วยฆ่าเชื้อโรคเชื้อราได้ประสิทธิภาพดีด้วย เมื่อเทียบกับการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่เหมาะสมโดยตรง ไม่ว่าจะเริ่มเพิ่มผลผลิตด้วยปุ๋ยด้วยฮอร์โมน หรือแก้ไขป้องกันเรื่องโรคพืชด้วยยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาฆ่าเชื้อรา ยากำจัดศัตรูพืช ฯลฯ รศ.ดร.เจษฎา ระบุว่า ที่พอจะมองว่าอาจจะช่วยได้ทางอ้อม คือการที่น้ำยาล้างห้องน้ำมีการผสมสารลดแรงตึงผิว (surfactants) ลงไปด้วย อันนี้ก็พอจะกลายเป็นสารเสริมประสิทธิภาพ (Adjuvants) ช่วยให้สารเคมีการเกษตรอื่นๆ ที่ผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันนั้น จับกับใบพืชได้ดีขึ้น โดยไปปรับสภาพทางกายภาพของตัวสารออกฤทธิ์ ให้ละลายหรือแผ่กระจายในน้ำ มีผลให้สารเคมีเคลื่อนที่เข้าสู่ปากใบและเนื้อเยื่อหรือเซลพืชได้ง่าย โดยเฉพาะสารกำจัดวัชพืชหรือสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ในทางกลับกันจะเห็นได้ว่าในน้ำยาล้างห้องน้ำนั้น อาจจะมีส่วนผสมหลายตัวที่เป็นอันตรายต่อใบและต้นพืชได้ โดยเฉพาะพวกกรด และพวกด่าง ที่ใช้กำจัดคราบสกปรกจึงไม่น่าจะนำมาฉีดพ่นพืชที่ปลูกไว้ อย่างที่เชื่อตามกัน สำหรับหลายคนที่กังวลเรื่องสารเคมีตกค้าง อันตรายมาถึงผู้บริโภคนั้น เข้าใจว่าน่าจะไม่ต้องกังวลนัก เพราะสารส่วนใหญ่ที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำสามารถสลายได้ในธรรมชาติ ขณะที่ เพจ ควายดำทำเกษตร อธิบายเพิ่มเติมจากกรณjoker 93 slotีดังกล่าว ว่า "ชาวนาบางคน บางกลุ่ม ได้นำน้ำยาล้างห้องน้ำมาฉีดข้าว โดยหลักๆ เลยเพื่อรักษา โรคแบคทีเรีย ใบส้ม โรคที่มาจากความชื้น สิ่งสำคัญคือ น้ำยาล้างห้องน้ำไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในทางการเกษตร ต่างจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตรจะมีค่าต่าง ๆ ที่วิเคราะห์มาแล้ว เช่น ค่าการสลายตัว ค่าการตกค้างในผลผลิต ซึ่งการใช้จะมีความปลอดภัยกับผู้บริโภคมากกว่า

วันนี้ (6 ก.ค.2565) จากกรณีเกษตรกรโพสต์ภาพ และข้อความในการลดต้นทุนปลูกข้าว โดยนำน้ำยาล้างห้องน้ำมาใช้แทนสารกำจัดศัตรูพืช เรื่องดังกล่าวเพจดัง "หมอแล็บแพนด้า" ของ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย