เลี่ยงไม่ได้สำหรับรัฐบาลก้าวไกล ที่จะต้องไม่มีคำว่

เป็นความผิดหวังซ้ำซากของพรรคประชาชน หลังจากแพ้เลือกตั้งท้องถิ่นนายกฯ อบจ.ราชบุรี กระทั่งเลือกตั้งซ่อมสส.เขต 1 พิษณุโลก ฐานที่มั่นเดิม 2 สมัยของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ แม้จะระดมแกนนำ ตั
วันนี้ (23 เม.ย.2567) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ว่า ที่ประชุมฯ ได
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 จากกรณีที่ชายอายุ 50 ปี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อวันที่ 28 มี.ค. หลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงจากเมียนมาส่งผลให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ย่านจตุจักรที่อยู่ระหว่างก่อสร้างถล่ม โดยอ้างว่า "ภรรยา" วัย 24 ปี ตั้งครรภ์ 4 เดือน ติดอยู่ใต้ซากอาคาร และตนเฝ้ารอที่จุดเกิดเหตุตั้งแต่วันแรก เรื่องราวดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้ประชาชนทั่วประเทศ จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อบริจาคเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทผ่านการไลฟ์สด อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 ความจริงปรากฏ เมื่อ หญิงสาวอายุ 25 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ หลังพบว่าชายวัย 50 ปีนำบัตรพนักงานของเธอไปแอบอ้างว่าเป็นภรรยาที่ทำงานเป็นเสมียนในโซนออฟฟิศชั้น 4 ของตึก สตง. และติดอยู่ใต้ซากอาคาร โดย หญิงอายุ 25 ยืนยันว่าเธอเลิกทำงานกับบริษัทนั้นตั้งแต่ปี 2562 และไม่เคยรู้จักชายในข่าวมาก่อน การกระทำนี้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและทำให้ครอบครัวของเธอตกใจ คิดว่าเธอเสียชีวิตจริง ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่าได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการสืบสวนพบว่า ชายวัย 50 ให้ข้อมูลเท็จทั้งหมด ไม่มีภรรยาท้อง 4 เดือนตามที่อ้าง และยังมีพฤติกรรมหลบหนีไปยังหมอชิตด้วยรถจักรยานยนต์ ช่วงเย็นวันที่ 31 มี.ค. หลังเริ่มเป็นข่าวว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นการโกหก จากการตรวจค้นตัว พบบัตรพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของหญิงวัย 25 โดยชายวัย 50 อ้างว่าเก็บได้บริเวณถนนลาดพร้าวและนำมาพกติดตัวเพื่อใช้แอบอ้างว่าเป็นภรรยาของตน ซึ่งตำรวจพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ยังพบว่าเขารับเงินบริจาค 10,000 บาทจากผู้ที่หลงเชื่อผ่านการไลฟ์สด แม้จะคืนเงินทั้งหมดไปแล้ว แต่ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในฐานะ ฉ้อโกง ซึ่งความผิดสำเร็จแล้ว หลังถูกควบคุมตัว ชายวัย 50 ให้การกับพนักงานสอบสวน โดยยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง และยกมือไหว้ขอโทษทั้งผู้เสียหาย สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะหลอกลวง อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในทุกข้อหาที่พบ ทั้งนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ ฝากเตือนประชาชนว่า การใช้สถานการณ์ภัยพิบัติหรือวิกฤตมาเป็นเครื่องมือหากิน โดยการหลอกลวงเพื่อสร้างความสงสารหรือรับบริจาค เป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือการเผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านสื่อ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิบา คา ร่า ต่าง ประเทศวเตอร์ มาตรา 14 และขอให้ประชาชนระวังการใช้โอกาสเช่นนี้ในทางที่ผิด ด้านฝ่ายหญิงที่ถูกนำชื่อไปใช้ ระบุว่า ตกใจมากที่ชื่อถูกนำไปแอบอ้าง ครอบครัวของเธอถึงกับหวาดกลัวว่าลูกสาวเสียชีวิตจริง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความทันที จากการตรวจสอบประวัติชายวัย 50 พบว่า ในปี 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา ขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งแสดงถึงพฤติกรรมที่เคยฝ่าฝืนกฎหมายมาก่อน อย่างไรก็ตาม การโกหกครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงกว่า เนื่องจากเกิดในช่วงวิกฤตแผ่นดินไหวที่ประชาชนกำลังตื่นตระหนกและต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง ยิ่งในวันนี้ (1 เมย.2568) ตรงกับวัน April Fool’s Day การโกหกในสถานการณ์ฉุกเฉินยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะอาจสร้างความสับสนและความเสียหายเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาท, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14, และ การโกหกจนประชาชนตื่นตระหนกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 384 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อ่านข่าวอื่น : ทุนจีนสวมบริษัทก่อสร้างไทย กรณี “ตึก สตง.ถล่ม” กทม.จ่อลดระดับเขตประสบสาธารณภัย-ระงับใช้เครน 201 ไซต์ก่อสร้าง
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 จากกรณีที่ชายอายุ 50 ปี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเม
วันนี้ (24 มิ.ย.2567) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ระบุถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
วันนี้ (28 ส.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา การดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่เป็นไปต
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 จากกรณีที่ชายอายุ 50 ปี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อวันที่ 28 มี.ค. หลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงจากเมียนมาส่งผลให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ย่านจตุจักรที่อยู่ระหว่างก่อสร้างถล่ม โดยอ้างว่า "ภรรยา" วัย 24 ปี ตั้งครรภ์ 4 เดือน ติดอยู่ใต้ซากอาคาร และตนเฝ้ารอที่จุดเกิดเหตุตั้งแต่วันแรก เรื่องราวดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้ประชาชนทั่วประเทศ จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อบริจาคเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทผ่านการไลฟ์สด อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 ความจริงปรากฏ เมื่อ หญิงสาวอายุ 25 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ หลังพบว่าชายวัย 50 ปีนำบัตรพนักงานของเธอไปแอบอ้างว่าเป็นภรรยาที่ทำงานเป็นเสมียนในโซนออฟฟิศชั้น 4 ของตึก สตง. และติดอยู่ใต้ซากอาคาร โดย หญิงอายุ 25 ยืนยันว่าเธอเลิกทำงานกับบริษัทนั้นตั้งแต่ปี 2562 และไม่เคยรู้จักชายในข่าวมาก่อน การกระทำนี้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและทำให้ครอบครัวของเธอตกใจ คิดว่าเธอเสียชีวิตจริง ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่าได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการสืบสวนพบว่า ชายวัย 50 ให้ข้อมูลเท็จทั้งหมด ไม่มีภรรยาท้อง 4 เดือนตามที่อ้าง และยังมีพฤติกรรมหลบหนีไปยังหมอชิตด้วยรถจักรยานยนต์ ช่วงเย็นวันที่ 31 มี.ค. หลังเริ่มเป็นข่าวว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นการโกหก จากการตรวจค้นตัว พบบัตรพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของหญิงวัย 25 โดยชายวัย 50 อ้างว่าเก็บได้บริเวณถนนลาดพร้าวและนำมาพกติดตัวเพื่อใช้แอบอ้างว่าเป็นภรรยาของตน ซึ่งตำรวจพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ยังพบว่าเขารับเงินบริจาค 10,000 บาทจากผู้ที่หลงเชื่อผ่านการไลฟ์สด แม้จะคืนเงินทั้งหมดไปแล้ว แต่ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในฐานะ ฉ้อโกง ซึ่งความผิดสำเร็จแล้ว หลังถูกควบคุมตัว ชายวัย 50 ให้การกับพนักงานสอบสวน โดยยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง และยกมือไหว้ขอโทษทั้งผู้เสียหาย สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะหลอกลวง อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในทุกข้อหาที่พบ ทั้งนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ ฝากเตือนประชาชนว่า การใช้สถานการณ์ภัยพิบัติหรือวิกฤตมาเป็นเครื่องมือหากิน โดยการหลอกลวงเพื่อสร้างความสงสารหรือรับบริจาค เป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือการเผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านสื่อ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิบา คา ร่า ต่าง ประเทศวเตอร์ มาตรา 14 และขอให้ประชาชนระวังการใช้โอกาสเช่นนี้ในทางที่ผิด ด้านฝ่ายหญิงที่ถูกนำชื่อไปใช้ ระบุว่า ตกใจมากที่ชื่อถูกนำไปแอบอ้าง ครอบครัวของเธอถึงกับหวาดกลัวว่าลูกสาวเสียชีวิตจริง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความทันที จากการตรวจสอบประวัติชายวัย 50 พบว่า ในปี 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา ขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งแสดงถึงพฤติกรรมที่เคยฝ่าฝืนกฎหมายมาก่อน อย่างไรก็ตาม การโกหกครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงกว่า เนื่องจากเกิดในช่วงวิกฤตแผ่นดินไหวที่ประชาชนกำลังตื่นตระหนกและต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง ยิ่งในวันนี้ (1 เมย.2568) ตรงกับวัน April Fool’s Day การโกหกในสถานการณ์ฉุกเฉินยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะอาจสร้างความสับสนและความเสียหายเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาท, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14, และ การโกหกจนประชาชนตื่นตระหนกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 384 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อ่านข่าวอื่น : ทุนจีนสวมบริษัทก่อสร้างไทย กรณี “ตึก สตง.ถล่ม” กทม.จ่อลดระดับเขตประสบสาธารณภัย-ระงับใช้เครน 201 ไซต์ก่อสร้าง
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ ในวันเสาร์ที่ 3 มิ.ย.