เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2565 ในการเสวนา "วิกฤตทางการศึกษา ทางเลือก ทางรอดของเด็กยะลา" โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ผศ.เกสรี ลัดเลีย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาท
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2565 ในการเสวนา "วิกฤตทางการศึกษา ทางเลือก ทางรอดของเด็กยะลา" โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ผศ.เกสรี ลัดเลีย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา นายรอซีดี เลิศอริยะพงษ์กุล นายกสมาคมกรีนเครสเซนต์ ประเทศไทย และ น.ส.รุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รองปลัดองค์การบริการส่วนจังหวัดยะลา นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า การศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ใน 3 อันดับท้ายของประเทศ คือ ลำดับที่ 74, 75, 76 ยะลาอาจจะดีกว่าอีก 2 จังหวัด การพัฒนาทรัพยาการมนุษย์อยู่ในอันดับท้ายๆ ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบและผลผลิตมวลรวมภาคเกษตร 22,000 ล้านบาท จากปี 2558 โดยคนยะลาร้อยละ 80 เหลือผลิตภัณฑ์มวลรวมอยู่ที่ 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากราคายางตกต่ำความไม่สงบ ทำให้ยากจนมากขึ้น จากข้อมูลปี 2562 อยู่ผลิตภัณฑ์มวลรวมของ จ.ยะลา อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการศึกษาโดยเฉพาะเด็กที่หลุดออกนอกระบบ ขณะที่ประกอบกับความไม่เข้าใจของผู้ปกครองทำให้เด็กออกนอกระบบมากขึ้น และยิ่งมีสถานการณ์โควิด-19 คาดว่าจะมีเด็กออกนอกระบบเพิ่มขึ้นจำนวนมาก หากแนวทางแก้ไขปัญหาโควิดยังเหมือนเดิม ตัวเลขเด็กออกนอกระบบคงจะเพิ่มขึ้นมากก่าเดิมอย่างมากแน่นอน ขณะที่ความสามารถในการแข่งขันของ จ.ยะลา คือประสิทธิภาพ ความเสมอภาค และความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง มาจากทรัพยาการธรรมชาติและคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ หลังการเกิดเหตุความไม่สงบ และเหตุความไม่สงบลดลงก็จะถึงช่วงฟื้นฟู หากไม่ดำเนินการจะทำให้คนหนุ่มสาวออกจากพื้นที่ และเหลือเพียงผู้สูงอายุและจังหวัดจะกลายเป็นเมืองร้าง นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ควรเป็นหน้าที่ของคนยะลาทุกคนในการช่วยกันแก้ไขปัญหา แต่วันนี้ความถนัดอาจไม่เหมือนกัน สิ่งที่ต้องเริ่มมาดูคืออะไรคือปัญหาที่สำคัญคือเด็กยากจนที่หลุดจากระบบการศึกษา เช่น ช่วงโควิดผู้ปกครองไม่สามารถ หาอุปกรณ์ในการเรียนออนไลน์ได้ และเป็นภาระ จึงให้เด็กหยุดเรียนเพราะมองว่าปัญหาปากท้องนั้นสำคัญกว่า" ผศ.เกศรี กล่าวว่า วิกฤตการศึกษาของ จ.ยะลา ในปี 2564 มีการออก ออก พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษา และ พ.ร.บ.เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ทั้ง 2 ฉบับออกมาในระยะเวลาใกล้เคียงกันและหนุนเสริมกันอย่างมากโดย พ.ร.บ.นวัตกรรมทางการศึกษา ซึ่งมีระยะเวลา 7 ปี ในการทำงานซึ่งมีระยะเวลาค่อนข้างสั้นและสามารถต่อเวลาได้เจตนรมณ์ คือ เจตนาออกมาเพื่อปลดล็อกให้การศึกษายกระดับชีวิตคนได้จริง ๆ จุดไหนที่ติดปัญหาสามารถปลดล็อกได้ โดยมี จ.ยะลา เป็น 1 ใน 8 จังหวัดนำร่อง โดยมีคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษา สามารถออกกฎหมายของตนเองเพื่อดูแลโรงเรียนภายใต้พื้นที่นวัตกรรมได้ โดย จ.ยะลา มี 30 โรงเรียนสามารถออกกฎหมายไปปลดล็อกได้ทุกเรื่องทั้งเรื่องบุคลากร สื่อ แสูตร ai บา คา ร่า 2020ละวิธีสอนซึ่งเป็นเจตนรมร์ที่ต้องการให้ พ.ร.บ.ตัวนี้แก้ไขปัญหาในหลายๆ อย่าง ทั้งนี้ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวทำงานมาตั้งแต่ปี 2562 ในปีที่ผ่านมามีการวิเคราะห์ จ.ยะลา พบว่า โรงเรียนนำร่อง 30 โรงเรียนของ จ.ยะลา วิเคราะห์ต้นทุนของโรงเรียน โจทย์ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนและวิกฤต โดยจะเชื่อมโยงตัวสมรรถนะและความสามารถในการแข่งขัน คือ 1. ภาษา หลายทีปี่ผ่านมามีความพยายามแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาอ่านออกเขียนได้ แต่ยังไม่สามารถใช้ภาษาที่นำไปสู่ความคิดขั้นสูงได้ หรือคิดเชิงวิเคราะห์ได้ แม้ว่าขณะนี้เยาวชนใช้ภาษาไทยดีขึ้นแล้ว ผศ.เกศรี กล่าวว่า หลายคนมากว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นแล้วเพราะเด็กใช้ภาษาไทยมากขึ้นแล้ว แต่จากการศึกษาพบว่าเด็กใช้ภาษาไทยมากขึ้นแต่อ่อนแอ ไม่มีคุณภาพ ใช้มากขึ้นแต่ไม่ได้หมายความว่าดีขึ้น แต่ยังไม่อยากเชื่อในปรากฏการณ์นี้ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเชิงลึกใน 46 โรงเรียนว่า สภาวะการณ์ด้านภาษาที่แท้จริงเป็นอย่างไร การถดถอยของภาษาแม่ถดถอยเร็วกว่าที่คาดจริงหรือไม่ และถดถอยแบบไหนและอะไรที่จะสูญเสียไปพร้อมภาษาแม่ แน่นอนว่าสิ่งที่หายไปพร้อมกับภาษาแม่ คือ ภูมิปัญญา เพราะภาษาแม่มีไว้เก็บกักภูมิปัญญาและถ่ายทอดภูมิปัญญา และหากภาษาแม่สูญเสียภูมิปัญญาก็สูญเสีย ขณะที่ภาษาไทยก็อ่อนแอซึ่งเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ ขณะนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาอยู่ระหว่างการศึกษาสภาวะการณ์ด้านภาษาร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลาราชนครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยศึกษาสถานการณ์ของภาษาในเด็กยะลา ทั้งภาษาไทยและภาษาแม่และคิดว่าผลการวิจัยจะออกมาในช่วงต้นปี โจทย์ต่อไป คือ การศึกษาที่จะนำไปสู่การมีอาชีพและการมีงานทำ ทั้งเรื่องของการเงิน ดิจิทัล และ ตัวสุดท้ายคือจิตวิญญานความเป็นครู ขณะนี้วิกฤตการเรียนรู้ของยะลามีหลายเรื่อง แต่ที่สำคัญมี 2 ด้าน คือ กระบวนการบริหารการจัดการทางการศึกษาซึ่งตองไปปลดล็อกอะไรอีกมาก และผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของเด็กที่ยึดโยงกับภาษา ซึ่งในวิกฤตก็มีโอกาสของ พหุภาษา ด้วยเหมือนกัน วิกฤตในเรื่องของการจะนำไปสู่การที่เด็กจะสามารถทำงานได้จริงหรือไม่ และวิกฤตจิตวิญญานความเป็นครู ซึ่งเราสร้างคนเก่งแต่จะสร้างคนดีได้อย่างไร ซึ่งควรปลูกฝังตั้งแต่ระบบผลิตครู ทั้งนี้ ควรเสริมสมรรถนะทั้งสมรรถนะกลางและสมรรถนะที่มีเฉพาะเด็กยะลา ดังนั้น สมรรถนะกลางอาจจะเป็เรื่องของภาษา การอยู่ร่วมกับคนอื่นและการอยู่ร่วมกันกับคนอื่น แต่สมรรถนะที่มีเฉพาะเด็กยะลาต้องถามว่ารู้จัก จ.ยะลา ดีขึ้นหรือยัง และสิ่งที่เด็กยะลาควรที่จะรู้ คือควรที่จะรักยะลาหรือไม่ ภาคภูมิใจการเป็นคนยะลาหรือไม่ รู้จักที่จะเติบโตในเศรษฐกิจและสังคมของคนยะลาจริงๆ หรือ ไม่ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการทำให้กลไกลทั้ง ในส่วนของคณะกรรมการศึกษาระดับจังหวัด คณะกรรมการการศึกษาเชิงพื้นที่ คณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่เชิงนวัตกรรม ให้ทำงานประสานเชื่อมโยงให้ทุกมุมได้ทำงานร่วมกันในเชิงนโยบาย โดยขณะนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา จะทำหน้าที่ประสานกลไกลด้านข้อมูลเนื่องจากแต่ละหน่วยงานใช้เฉพาะข้อมูลหน้างานของตนเอง และกลไกลระดับขับเคลื่อนนโยบายในโรงเรียนในทุกประเภท จะต้องประสานงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ได้ หากกลไกลระดับจังหวัดเข้มแข็งและยึดเด็กเป็นตัวตั้งก็จะมีประโยชน์ ผศ.เกศรี กล่าวว่า หากพูดถึงหัวใจของหลักสูตรสมรรถนะ โดยการันตีที่ผลลัพธ์ ยืดหยุ่นเวลา คำนึงถึงความแตกต่างของเด็กรายคน เช่น การันตีผลลัพธ์ว่า เด็กจบ ป.6 ต้องมีสมรรถนะอะไร แต่ระหว่างทางต้องยืดหยุ่น ขณะที่ จ.ยะลา เริ่มแล้วโดยการพัฒนาหลักสูตรจังหวัด โดยลดทอนระยะห่างระหว่างหลักสูตรระดับชาติกับความเป็นชาวยะลา หลักสูตรกลางจะเป็นอย่างไร ที่เด็กยะลาทุกคนเข้าถึงได้ ไม่สนใจสังกัด โดยได้วิสัยทัศน์เบื้องต้นคือ หลักสูตรจังหวัดยะลามุ่งสร้างเด็กให้รักยะลา เป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ใช้ฐานะพหุภาษา และการเรียนรู้สู่การสร้างอาชีพในสังคมแห่งความสุข ด้าน นายรอซีดี กล่าวว่า เห็นวิกฤต 4 เรื่อง คือ เด็กบางส่วนเข้าไม่ถึงระบบการศึกษา และภาคประชาสังคมนำเด็กเข้าสู่ระบบ เคยนำเด็กสามารถจบ ป.6 อายุ 16 ปี ทั้งบ้านมีคนเรียนเพียงคนเดียว และเด็กหลุดจากการศึกษา เด็กหลุดจากการศึกษาตั้งแต่ประถมและมัธยมมากที่สุดพบมากที่สุดช่วง ม.2 และวิกฤตนี่ยังอยู่ และหลุดจากความยากจน ตัวเอง หรือสถาพแวดล้อมของสังคม 3.กำลังจะหลุดจากระบบการศึกษา ทั้งไม่อยากเรียน เรียนไม่สนุก และ 3.จบการศึกษาแต่ไม่รู้จะทำอะไร ทั้งหมดนี้คือโจทย์ที่เกิดขึ้นใน จ.ยะลา และ จ.ใกล้เคียง สิ่งที่ท้าทาย คือ ใบกระท่อมเสรี อะไรจะเกิดขึ้นกับเด็กที่หลุดจากนอกระบบเราจะเอาแรงงานที่ไหนมาพัฒนาเมืองยะลา น.ส.รุ่งกานต์ กล่าวว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นหน่วยงานต้องยอมรับว่า ทุกปัญหาในพื้นที่ จ.ยะลา คือ คุณภาพคนที่ใช้เครื่องมือทางการศึกษาในการพัฒนา รวมถึงไม่ได้ทำงานบนฐานข้อมูล และเด็กยะลาอยู่ในพื้นที่เด็กยากจนสูงสุงโดยได้ข้อมูลจากหน่วยงานอื่นเนื่องจากไม่ได้ทำงานบนฐานข้อมูลจึงทำให้แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ซึ่งหากแก้ได้ก็สามารถพัฒนาในด้านอื่น ๆ ได้ ข่าวที่เกี่ยวข้อง ยะลา เปิด "กองทุนช่วยเด็กด้อยโอกาสด้านการศึกษา-สร้างอาชีพ"
วันนี้ (26 พ.ค.2565) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราปบราม เพื่อแจ้งความเอาผิด น.ส.อิจศรินทร์ ศิริจุฑาสวัสดิ์ หนึ่งในผู้ต้องหาค
วันนี้ (18 มี.ค.2568) ทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการรื้อถอนโครงสร้างเหล็กและชิ้นส่วนสะพานที่ถล่ม
- สูตร ai บา คา ร่า 2020
- สูตร วิเคราะห์บอลเว็บสล็อต พร้อม สูตร
- สล็อตw88 เครดิตฟรี 100 ไม่ต้องฝาก
- มา ค่า ร่า
- เครดิต ฟรี 30 ไม่ ต้อง ฝาก ไม่ ต้อง แชร์ฝาก 100 ฟรี 100 เทิน 1 เท่า
- w777w casinoบา คา ร่า ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก ก่อน
นิยายชีวิต โดย : Ferry kisihandi
เรื่องและภาพโดย : Ferry kisihandi
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..