วันนี้ (16 มี.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่

กรณีการเข้าตรวจจับ และยึดพื้นที่สำนักพระบิดา ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา กับนายทวี หมันลา ผู้ที่อ้างเป็นพระบิดา ทั้งความผิดเรื่องบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ความผิดพ.ร.บ
ต้นเดือนธันวาคม 2521 กองทัพเวียดนามเริ่มเปิดฉากรุกรานกัมพูชาซึ่งขณะนั้นปกครองโดยรัฐบาลเขมรแดง โดยใช้กองทหารกว่า 150,000 นาย ร่วมกับกองทัพอากาศ ทำให้กองทัพเขมรแดงแตกพ่ายภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ กองทัพเ
ต้นเดือนธันวาคม 2521 กองทัพเวียดนามเริ่มเปิดฉากรุกรานกัมพูชาซึ่งขณะนั้นปกครองโดยรัฐบาลเขมรแดง โดยใช้กองทหารกว่า 150,000 นาย ร่วมกับกองทัพอากาศ ทำให้กองทัพเขมรแดงแตกพ่ายภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ กองทัพเขมรแดงถอยร่นจากกรุงพนมเปญมาทางทิศตะวันตก และใช้ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นพื้นที่อพยพและฐานที่มั่นชั่วคราว เช่นเดียวกับกองทัพเวียดนามที่ ส่งกองกำลังมาบริเวณดังกล่าวเช่นกัน กองทัพของทั้ง 2 ประเทศต่างใช้ช่วงเวลานั้นวางทุ่นระเบิดไว้เพื่อป้องกันการโจมตีจากอีกฝ่าย วันนี้สงครามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาสิ้นสุดลงแล้ว หลังเวียดนามลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพเมื่อปี 2534 กองทัพรวมถึงประชาชนที่อพยพเข้ามาอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาต่างเดินทางกลับบ้านเกิดของตัวเอง แม้สงครามสิ้นสุดไปนานกว่า 30 ปี แต่ทุ่นระเบิดที่ถูกฝังไว้ใต้ดินในยุคนั้นยังคงอยู่ ยังสร้างบาดแผล และคร่าชีวิตผู้คนจนถึงทุกวันนี้ นายบุญชัย กาญจนชาติ สูญเสียขาข้างขวาเพราะเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อ 20 ปีก่อน นายบุญชัย กาญจนชาติ สูญเสียขาข้างขวาเพราะเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อ 20 ปีก่อน ปี 2544 นายบุญชัย กาญจนชาติ ชาวบ้านโดนเอาว์ ต.รุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เข้าป่าไปเก็บหวายใกล้กับช่องตาเซ็ม บนเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน เขาเดินไปเหยียบหินก้อนหนึ่งโดยไม่รู้ว่ามีทุ่นระเบิดซุกอยู่ด้านล่าง แรงกดทำให้ระเบิดทำงานทันที เขาสูญเสียขาข้างขวานับตั้งแต่นั้น นายประดิษฐ์ ดาราศาสตร์ กำนัน ต.รุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ นายประดิษฐ์ ดาราศาสตร์ กำนัน ต.รุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ นายประดิษฐ์ ดาราศาสตร์ กำนันตำบลรุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ให้ข้อมูลว่าในอดีตเทือกเขาพนมดงรักเป็นสมรภูมิสำคัญในช่วงที่กองทัพเขมรแดงสู้รบกับกองทัพเวียดนาม และยังเป็นเส้นทางอพยพหนีภัยสงครามของประชาชน รวมถึงกองทัพเขมรแดงที่ถอยร่นจากการถูกโจมตี มีจุดยุทธศาสตร์สำคัญ 3 จุดอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ คือ ช่องพระพะลัย ช่องพลาญหินเจ็ดก้อนและช่องตาเซ็ม ทำให้ 3 จุดนี้มีทุ่นระเบิดหนาแน่น กำนันตำบลรุง ยังจำอดีตในช่วงที่มีการสู้รบในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ข้อมูลจากชุดปฏิบัติการที่ 3 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนเทือกเขาพนมดงรัก ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษณ์ ให้ข้อมูลว่าพบทุ่นระเบิดที่ช่องพลาญหินเจ็ดก้อนกว่า 196 ทุ่นและกระสุนปืนค. 2 นัด ตัวเลขดังกล่าวทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดที่พบทุ่นระเบิดมากที่สุดในพื้นที่เทือกเขาพนมดงรัก ทุ่นระเบิดบางส่วนที่เก็บกูสมัคร 168bet้ได้จากช่องพลาญหินเจ็ดก้อน เทือกเขาพนมดงรัก ทุ่นระเบิดบางส่วนที่เก็บกู้ได้จากช่องพลาญหินเจ็ดก้อน เทือกเขาพนมดงรัก นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ถึง มกราคม 2566 ชุดปฏิบัติการที่ 3 และ 4 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ เข้าสำรวจและเก็บกู้ทุ่นระเบิดจนแล้วเสร็จทั้งหมด 7 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 130,000 ตร.ม. พบทุ่นระเบิดและสรรพาวุธที่ยังไม่ระเบิดทั้งหมด 788 ทุ่น และตัวเลขยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้เก็บกู้ แผนที่แสดงจุดที่พบทุ่นระเบิดบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก แผนที่แสดงจุดที่พบทุ่นระเบิดบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก พื้นที่หนึ่งที่คาดว่าจะพบทุ่นระเบิดจำนวนมาก คือบริเวณช่องพระพะลัยซึ่งเป็นพื้นที่อพยพของกองทัพเขมรแดงในอดีต การเก็บกู้ระเบิดที่นี่มีความยากลำบากเพราะพื้นที่ทำงานอยู่ในป่าลึกรถยนต์เข้า-ออกไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องขนอุปกรณ์และชุดเกราะด้วยตัวเอง ประกอบกับการเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติงานต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงทำให้ต้องพักแรมในป่า เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นการลำเลียงผู้บาดเจ็บก็ทำอย่างยากลำบาก เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด 1 นาย เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ที่ช่องพระพะลัย อีกประเด็นที่ทำให้การค้นหายากลำบากคือวิธีการวางทุ่นระเบิดของกำลังพลต่าง ๆ ที่มักพลิกแพลงให้เหนือความคาดหมาย เช่น การวางซ้อนกันหลาย ๆ ทุ่นเพื่อเพิ่มอานุภาพความรุนแรง เป็นต้น การปฏิบัติงานในแต่ละครั้งจึงต้องใช้ความเชี่ยวชาญและความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ปฏิบัติการเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิดของประเทศไทยเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2542 หลังร่วมลงนามในรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวา พันธกรณีที่รัฐภาคีต้องปฏิบัติตาม คือ ทำลายทุ่นระเบิดที่เก็บสะสมไว้ในคลังทั้งหมดภายใน 4 ปี รวมถึงต้องเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝังอยู่ในพื้นดินภายใน 10 ปี หลังจากอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ พล.อ.ศุภธัช นรินทรภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติให้ข้อมูลว่า ปี 2542 ประเทศไทยมีพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดกว่า 900 แห่ง รวมเนื้อที่กว่า 2,556 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันเก็บกู้จนเหลือพื้นที่ปนเปื้อน 29.7 ตารางกิโลเมตร ในจำนวนนี้กว่าครึ่งอยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคอีสานตอนล่าง
วันนี้ (29 พ.ย.2565) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พูดถ
วันนี้ (10 เม.ย.2566) นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเปลี่ยน หมายเลข 20
วันนี้ (23 ก.พ.2566) ตำรวจชุดคลี่คลายฆาตกรรม 4 ศพและนำไปทิ้งน้ำเพื่ออำพรางคดี ลงพื้นที่อีกครั้ง บริเ
ต้นเดือนธันวาคม 2521 กองทัพเวียดนามเริ่มเปิดฉากรุกรานกัมพูชาซึ่งขณะนั้นปกครองโดยรัฐบาลเขมรแดง โดยใช้กองทหารกว่า 150,000 นาย ร่วมกับกองทัพอากาศ ทำให้กองทัพเขมรแดงแตกพ่ายภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ กองทัพเขมรแดงถอยร่นจากกรุงพนมเปญมาทางทิศตะวันตก และใช้ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นพื้นที่อพยพและฐานที่มั่นชั่วคราว เช่นเดียวกับกองทัพเวียดนามที่ ส่งกองกำลังมาบริเวณดังกล่าวเช่นกัน กองทัพของทั้ง 2 ประเทศต่างใช้ช่วงเวลานั้นวางทุ่นระเบิดไว้เพื่อป้องกันการโจมตีจากอีกฝ่าย วันนี้สงครามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาสิ้นสุดลงแล้ว หลังเวียดนามลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพเมื่อปี 2534 กองทัพรวมถึงประชาชนที่อพยพเข้ามาอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาต่างเดินทางกลับบ้านเกิดของตัวเอง แม้สงครามสิ้นสุดไปนานกว่า 30 ปี แต่ทุ่นระเบิดที่ถูกฝังไว้ใต้ดินในยุคนั้นยังคงอยู่ ยังสร้างบาดแผล และคร่าชีวิตผู้คนจนถึงทุกวันนี้ นายบุญชัย กาญจนชาติ สูญเสียขาข้างขวาเพราะเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อ 20 ปีก่อน นายบุญชัย กาญจนชาติ สูญเสียขาข้างขวาเพราะเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อ 20 ปีก่อน ปี 2544 นายบุญชัย กาญจนชาติ ชาวบ้านโดนเอาว์ ต.รุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เข้าป่าไปเก็บหวายใกล้กับช่องตาเซ็ม บนเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน เขาเดินไปเหยียบหินก้อนหนึ่งโดยไม่รู้ว่ามีทุ่นระเบิดซุกอยู่ด้านล่าง แรงกดทำให้ระเบิดทำงานทันที เขาสูญเสียขาข้างขวานับตั้งแต่นั้น นายประดิษฐ์ ดาราศาสตร์ กำนัน ต.รุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ นายประดิษฐ์ ดาราศาสตร์ กำนัน ต.รุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ นายประดิษฐ์ ดาราศาสตร์ กำนันตำบลรุง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ให้ข้อมูลว่าในอดีตเทือกเขาพนมดงรักเป็นสมรภูมิสำคัญในช่วงที่กองทัพเขมรแดงสู้รบกับกองทัพเวียดนาม และยังเป็นเส้นทางอพยพหนีภัยสงครามของประชาชน รวมถึงกองทัพเขมรแดงที่ถอยร่นจากการถูกโจมตี มีจุดยุทธศาสตร์สำคัญ 3 จุดอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ คือ ช่องพระพะลัย ช่องพลาญหินเจ็ดก้อนและช่องตาเซ็ม ทำให้ 3 จุดนี้มีทุ่นระเบิดหนาแน่น กำนันตำบลรุง ยังจำอดีตในช่วงที่มีการสู้รบในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ข้อมูลจากชุดปฏิบัติการที่ 3 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนเทือกเขาพนมดงรัก ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษณ์ ให้ข้อมูลว่าพบทุ่นระเบิดที่ช่องพลาญหินเจ็ดก้อนกว่า 196 ทุ่นและกระสุนปืนค. 2 นัด ตัวเลขดังกล่าวทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดที่พบทุ่นระเบิดมากที่สุดในพื้นที่เทือกเขาพนมดงรัก ทุ่นระเบิดบางส่วนที่เก็บกูสมัคร 168bet้ได้จากช่องพลาญหินเจ็ดก้อน เทือกเขาพนมดงรัก ทุ่นระเบิดบางส่วนที่เก็บกู้ได้จากช่องพลาญหินเจ็ดก้อน เทือกเขาพนมดงรัก นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ถึง มกราคม 2566 ชุดปฏิบัติการที่ 3 และ 4 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ เข้าสำรวจและเก็บกู้ทุ่นระเบิดจนแล้วเสร็จทั้งหมด 7 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 130,000 ตร.ม. พบทุ่นระเบิดและสรรพาวุธที่ยังไม่ระเบิดทั้งหมด 788 ทุ่น และตัวเลขยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้เก็บกู้ แผนที่แสดงจุดที่พบทุ่นระเบิดบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก แผนที่แสดงจุดที่พบทุ่นระเบิดบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก พื้นที่หนึ่งที่คาดว่าจะพบทุ่นระเบิดจำนวนมาก คือบริเวณช่องพระพะลัยซึ่งเป็นพื้นที่อพยพของกองทัพเขมรแดงในอดีต การเก็บกู้ระเบิดที่นี่มีความยากลำบากเพราะพื้นที่ทำงานอยู่ในป่าลึกรถยนต์เข้า-ออกไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องขนอุปกรณ์และชุดเกราะด้วยตัวเอง ประกอบกับการเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติงานต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงทำให้ต้องพักแรมในป่า เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นการลำเลียงผู้บาดเจ็บก็ทำอย่างยากลำบาก เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด 1 นาย เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ที่ช่องพระพะลัย อีกประเด็นที่ทำให้การค้นหายากลำบากคือวิธีการวางทุ่นระเบิดของกำลังพลต่าง ๆ ที่มักพลิกแพลงให้เหนือความคาดหมาย เช่น การวางซ้อนกันหลาย ๆ ทุ่นเพื่อเพิ่มอานุภาพความรุนแรง เป็นต้น การปฏิบัติงานในแต่ละครั้งจึงต้องใช้ความเชี่ยวชาญและความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ปฏิบัติการเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิดของประเทศไทยเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2542 หลังร่วมลงนามในรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวา พันธกรณีที่รัฐภาคีต้องปฏิบัติตาม คือ ทำลายทุ่นระเบิดที่เก็บสะสมไว้ในคลังทั้งหมดภายใน 4 ปี รวมถึงต้องเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝังอยู่ในพื้นดินภายใน 10 ปี หลังจากอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ พล.อ.ศุภธัช นรินทรภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติให้ข้อมูลว่า ปี 2542 ประเทศไทยมีพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดกว่า 900 แห่ง รวมเนื้อที่กว่า 2,556 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันเก็บกู้จนเหลือพื้นที่ปนเปื้อน 29.7 ตารางกิโลเมตร ในจำนวนนี้กว่าครึ่งอยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคอีสานตอนล่าง
วันนี้ (14 ธ.ค.2565) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงจุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อร่าง พ.ร.บ