วันนี้ (7 เม.ย.2568) ความพยายามในการค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่ยังคงใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่รื้อถอนโครงส

วันนี้ (28 พ.ค.2568) สถานการณ์ระหว่าง สหรัฐฯ และ รัสเซีย ร้อนระอุยิ่งกว่าที่เคย เมื่อ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่จะคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ หลังจาก ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ไม่ส่งเอกสาร "ข้อตกลงสันติภาพ" ตามที่สัญญาไว้ในการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2568 เอกสารนี้คาดว่าจะระบุเงื่อนไขของรัสเซียเพื่อหยุดยิงในสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานาน แต่เกือบ 10 วันผ่านไป สหรัฐฯ และยูเครนยังไม่ได้รับอะไรเลย ความล่าช้านี้ยิ่งจุดไฟให้ทรัมป์โกรธจัด โดยเฉพาะเมื่อรัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทรัมป์ถึงกับระบุในที่สาธารณะว่า ย้อนกลับไปในการโทรคุยเมื่อสัปดาห์ก่อน ทรัมป์ย้ำกับปูตินว่ารัสเซียและยูเครนต้องเจรจาหยุดยิงโดยตรง งวด ไทยรัฐ งวด นี้โดยสหรัฐฯ และยุโรปพร้อมเป็นตัวกลางเมื่อจำเป็น ปูตินรับปากว่าจะส่ง "ข้อตกลงสันติภาพ" ซึ่งจะระบุหลักการ กรอบเวลา และเงื่อนไขสำหรับการหยุดยิง ภายในไม่กี่วัน แต่จนถึงวันนี้ สหรัฐฯ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเอกสาร มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกมาแก้ตัวว่ากำลังร่างเอกสารอยู่ และจะส่งให้ยูเครนเมื่อพร้อม แต่คำพูดนี้ไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน กล่าวหาว่าปูติน "แค่เล่นเกมการทูต" และไม่ได้จริงใจกับการเจรจา ความขัดแย้งไม่ได้หยุดแค่ระดับผู้นำ แต่ลุกลามไปถึงโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2568 บนแพลตฟอร์ม X ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงรัสเซีย โพสต์เตือนว่าการขู่คว่ำบาตรของทรัมป์อาจนำไปสู่ "สงครามโลกครั้งที่ 3" ซึ่งเป็นการยกระดับวาทกรรมให้ตึงเครียดยิ่งขึ้น คีธ เคลลอก ทูตพิเศษของทรัมป์ด้านยูเครนและรัสเซีย ตอบโต้ทันควันผ่าน X ว่าเมดเวเดฟพูดเกินจริง และรัสเซียต้องส่งข้อตกลงตามที่สัญญาไว้ พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที ด้านทรัมป์เองก็ไม่ยอมเงียบ โพสต์ใน Truth Social ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขา รัสเซียคงเจอเรื่องแย่ ๆ ไปนานแล้ว และกล่าวหาปูตินว่ากำลังเล่นกับไฟ ซึ่งแสดงถึงความโมโหที่ถึงขีดสุด ในแง่การเมืองภายในสหรัฐฯ แรงกดดันให้ทรัมป์ลงโทษรัสเซียเพิ่มมากขึ้น วุฒิสมาชิกทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เช่น ริชาร์ด บลูเมนทัล และ ลินด์ซีย์ แกรแฮม เสนอร่างกฎหมายคว่ำบาตรครั้งใหญ่ โดยมีมาตรการเด็ด เช่น เก็บภาษี ร้อยละ 500 จากประเทศที่ซื้อพลังงานรัสเซีย ซึ่งจะกระทบทั้งคู่ศัตรูอย่างจีนและพันธมิตรอย่างอินเดีย ร่างนี้ได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกกว่า 80 คน แสดงถึงความเป็นเอกภาพในสภา บลูเมนทัลย้ำว่าเยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษให้การสนับสนุนเต็มที่ และสหรัฐฯ ได้หารือกับพันธมิตรอย่างละเอียดเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการนี้ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังลังเลที่จะลงมือคว่ำบาตรทันที เขากังวลว่าการลงโทษตอนนี้อาจทำให้รัสเซียถอนตัวจากการเจรจา ซึ่งจะยิ่งทำให้สงครามยืดเยื้อ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ทรัมป์บอกผู้นำยุโรปทางโทรศัพท์ว่า เขาจะยังไม่เข้าร่วมการคว่ำบาตรใหม่ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยส่งสัญญาณว่าจะจัดการปูตินให้เด็ดขาด มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เสริมว่า ถ้ารัสเซียและยูเครนส่งข้อเสนอมา สหรัฐฯ พร้อมช่วยเจรจา แต่ตอนนี้รัสเซียยังไม่ขยับ ทำให้ทรัมป์อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการลงโทษและการรอคอย ยุโรปเองก็เพิ่มแรงกดดัน แอลมานูเอล มาครง ปธน.ฝรั่งเศส ออกมาวิจารณ์ว่าปูติน "โกหก" เรื่องสันติภาพ และหวังว่าทรัมป์จะเปลี่ยนใจหันมาลงมือเด็ดขาด มาครงชี้ว่าการโจมตีล่าสุดของรัสเซียแสดงให้เห็นว่าปูตินไม่ได้จริงจังกับการเจรจา ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็มีแผนคว่ำบาตรที่รออยู่ เช่น การลงโทษภาคการเงินรัสเซีย หรือคว่ำบาตรระดับที่ 2 ต่อผู้ซื้อพลังงานรัสเซีย แต่ทรัมป์ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกมาตรการไหน สถานการณ์นี้ซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาการเจรจาครั้งล่าสุดระหว่างยูเครนและรัสเซียในตุรกีเมื่อต้นเดือน พ.ค.2568 ซึ่งเป็นการคุยโดยตรงครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลังการเจรจา คาดว่ารัสเซียจะส่งข้อตกลงให้ยูเครนและสหรัฐฯ แต่การที่ปูตินไม่ทำตามสัญญา ทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่าเขากำลังซื้อเวลาเพื่อกดดันในสนามรบหรือไม่ เซเลนสกีเองก็ออกมาเตือนว่าการล่าช้าของรัสเซียเป็นกลยุทธ์ที่อันตราย นักวิเคราะห์บอกกับ CNN ว่าการตัดสินใจของทรัมป์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะกำหนดทิศทางของสงครามยูเครนและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย หากทรัมป์เลือกคว่ำบาตร เศรษฐกิจรัสเซียอาจเผชิญแรงกดดันมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อคว่ำบาตรพลังงานกระทบรายได้หลักของประเทศ แต่ก็เสี่ยงทำให้รัสเซียแข็งกร้าวขึ้นและปฏิเสธการเจรจา ในทางกลับกัน หากทรัมป์รอต่อไป สหรัฐฯ และยุโรปอาจถูกมองว่าอ่อนแอในการรับมือปูติน ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในเวทีโลก ทรัมป์เคยมีประวัติถอยจากคำขู่คว่ำบาตรรัสเซียมาแล้วในอดีต เพราะเห็นว่าการเจรจามีค่ามากกว่าการลงโทษ แต่ครั้งนี้สถานการณ์ต่างออกไป การโจมตีล่าสุดของรัสเซียและแรงกดดันจากทั้งในและนอกประเทศอาจบีบให้ทรัมป์ต้องลงมือ โลกกำลังจับตาว่าทรัมป์จะเลือกทางไหน ระหว่าง เดินหน้าลงโทษปูติน หรืออดทนรอข้อตกลงที่อาจไม่มีวันมา ? อ่านข่าวอื่น : "ทักษิณ" ขู่จัดการว้าแดง ผู้เชี่ยวชาญกังวลกระทบสัมพันธ์เมียนมา "แพทองธาร" คุย "ฮุน มาเนต" เคลียร์เหตุปะทะชายแดนไทย​-​กัมพูชา

วันนี้ (28 พ.ค.2568) สถานการณ์ระหว่าง สหรัฐฯ และ รัสเซีย ร้อนระอุยิ่งกว่าที่เคย เมื่อ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่จะคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ หลังจาก ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ไม่ส่งเอกส

วันนี้ (16 ธ.ค.2567) แหล่งข่าวจากจังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา ได้แจ้งข้อมูลถึงการตัดสินคดี  ซึ่งถูกเ

นิยายชีวิต โดย : Fernan Rahadi
เรื่องและภาพโดย : Fernan Rahadi
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..