วันนี้ (3 ส.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้ถ

สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านแม่โกปี่ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีรายงานหญิงอายุ 65 ปีเสียชีวิต 1 คน ขณะที่เส้นทาง 17 กิโลเมตร ถูกตัดขาดชาวบ้านกว่า 400 คน ต้องการอาหารน้ำดื่ม วันนี้ (
วันนี้ (25 ก.พ.2568) เวลา 15.35 น.ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ขณะที่เด็กนักเรียนชายวิ่งมาพร้อมอาการบาดเจ็บจากการถูกแทงบริเวณใต้ชายโครงด้านซ้ายนั่งลงบริเวณบันไดของศาลาของวัด ก่อนจะลุกเดินไปล้มลงอย
วันที่ 28 มี.ค.2565 ณ จุดชมวิวบ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านกะเบอะดิน และจากหมู่บ้านใกล้เคียงกว่า 100 คน มาร่วมกันจัดกิจกรรม “อมก๋อย แดนมหัศจรรย์ : ลมหายใจบนไหล่เขา รอยยิ้มของแผ่นดิน เสียงหัวเราะของสายน้ำ” ชาวบ้านผลัดกันบอกเล่าประสบการณ์ ที่ร่วมคัดค้านเหมืองถ่านหินอมก๋อยด้วยกันมากว่า 3 ปี พร้อมพูดคุยให้กำลังใจกันและกัน และอ่านแถลงการณ์ไม่เอาเหมืองแร่ถ่านหิน แม่ของเยาวชนหนึ่งในกลุ่มชุมชนขับเคลื่อนประเด็น เพื่อปกป้องบ้านเกิดกล่าวว่า ลูกสาวมาทำงานขับเคลื่อนการต่อสู้คัดค้านเหมืองถ่านหิน ซึ่งจะต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ คือ หยุดโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอย่างถาวร เพื่อให้ชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์และดำรงวิถีชีวิตอย่างเป็นสุข ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาทำลายที่ทำกินและธรรมชาติในชุมชนที่บริสุทธิ์ อีกทั้งรักษาวิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยงโป ซึ่งมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ กิจกรรมดังกล่าวเป็นอีกครั้งที่ เครือข่ายภาคีปกป้องอมก๋อยจากถ่านหินและชาวบ้านอมก๋อย จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. - 4 เม.ย.2565 เพื่อบอกเล่าความกังวลเกี่ยวกับโครงการเหมืองแร่อมก๋อยต่อสังคมวงกว้าง และวันที่ 1 เม.ย.กำหนดจะเดินทางไปที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อจัดงานเปิดตัวรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมฉบับชุมชน (CHIA) หรือ การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ที่คนในชุมชนจัดทำข้อมูลด้วยตัวเอง แตกต่างจากรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ที่ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งโครงการจัดทำเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ธนกฤต โต้งฟ้า เยาวชนบ้านกะเบอะดิน เล่าถึงขบวนคัดค้านเหมือนถ่านหินอมก๋อย ว่า ชุมชนพยายามต่อสู้ด้วยข้อมูลของชุมชน และรายงานการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ คนในชุมชนคือความหวังว่าจะทำให้ชนะในครั้งนี้ ธนกฤตกล่าวว่า ผู้เฒ่าคนหนึโจ๊ก เกอร์ 009่งในชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกะเบอะดิน เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อ 30 กว่า ปีที่แล้วว่า มีกลุ่มคนนอกเข้ามาในชุมชน และบอกให้ขายที่ดิน ถ้าไม่ยอมขายก็จะถูกยึดที่ดิน ชาวบ้านจึงยอมขายให้อย่างไม่เต็มใจ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างบนที่ดินแห่งนี้ เป็นทั้งแหล่งต้นน้ำ ผืนป่าจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ พื้นที่เพาะปลูก และเป็นแหล่งทรัพยากรที่ชุมชนพึ่งพาตามวิถีวัฒนธรรมชนเผ่ากะเหรี่ยงที่สืบทอดกันมาเป็นร้อยปี กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 20 ปี ในปี พ.ศ. 2562 ชุมชนจึงได้รู้ว่า พื้นที่ทำกินและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่ตั้งของโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย โดยการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีทั้งเยาวชน ผู้หญิง และผู้เฒ่า เริ่มจากการทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำเหมืองแร่ และศึกษาเนื้อหา กระบวนการต่าง ๆ ทั้งหมด ของการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ที่ชุมชนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมเลยแม้แต่ขั้นตอนเดียว ดังนั้น เพื่อให้เสียงของชุมชนซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่ากลุ่มเล็ก ๆ ถูกเปล่งออกไปสู่สาธารณะอย่างมีพลังและสร้างผลกระทบต่อสังคมได้อย่างแท้จริง จึงได้ขับเคลื่อนขบวนต่อสู้ในหลายรูปแบบ ทั้งการยื่นหนังสือ การเจรจา สร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการต่อสู้จากชุมชนอื่น เพื่อออกมาคัดค้านโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย ร่วมกับคนอมก๋อยและภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมอย่างเข้มแข็ง แต่การต่อสู้ทั้งหมดจะไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้หากไม่มีข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการมาสนับสนุนขบวนต่อสู้ เมื่อชุมชนมีชุดข้อมูลที่เพียบพร้อมและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็สามารถนำไปสู่การกำหนดแนวทางต่อสู้ สื่อสารต่อสังคม ใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนทางคดีเพื่อฟ้องร้อง สร้างอำนาจต่อรอง และสนับสนุนขบวนการขับเคลื่อนคัดค้านโครงการเหมืองถ่านหินของชนเผ่า และคนอมก๋อยได้อย่างเข้มแข็ง และมั่นใจด้วยตัวชุมชนเอง การทำข้อมูลชุมชนมีความท้าทายหลายอย่างเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่สำหรับชุมชน จึงใช้เวลาในการทำเกือบสองปี โดยมีภาคประชาสังคมคอยเป็นพี่เลี้ยง ช่วยสนับสนุนเครื่องมือและแนวทางต่าง ๆ ในการจัดทำชุดข้อมูลชุมชน ซึ่งชุดข้อมูลทั้งหมดก็ได้ออกมาเป็นรูปเล่มหนังสือชุมชนเรียบร้อยแล้ว และชุมชนร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม จะจัดเวทีสาธารณะ เพื่อเปิดตัวหนังสือชุมชนในวันที่ 3 เม.ย. เวลา 17.00 น. ที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และในวันที่ 4 เม.ย. ชาวบ้านจะยื่นฟ้องคดีที่ศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อคัดค้านอีไอเอและเพื่อยืนยันสิทธิต่อไป สำหรับโครงการเหมืองถ่านหินอมก๋อย ปี 2543 บริษัทเอกชน ยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองถ่านหินระยะเวลา 10 ปี บนเนื้อที่ 284 ไร่ ไม่ไกลจากชุมชน บ้านกะเบอะดินและบ้านขุน คาดว่า มีถ่านหิน 720,000 ตัน ปี 2554 มีการสำรวจแหล่งแร่ และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แล้วเสร็จ แต่ชาวบ้านระบุว่าเป็นขั้นตอนการทำที่น่าสงสัย ไม่มีการชี้แจงผลกระทบ ปี 2562 เป็นจุดเริ่มต้นที่ชุมชนในพื้นที่อมก๋อย รวมตัวยื่นจดหมายและข้อเรียกร้องให้ยุติโครงการเหมืองถ่านหินต่อหน่วยงานอำเภอและจังหวัด โดยระบุถึงผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
น้ำไหลเข้าท่วมวัดไชยวัฒนาราม จ.อยุธยา พนังกั้นน้ำที่สูงถึง 4 เมตรพังหลังไม่สามารถต้านความแรงของน้ำจา
วันนี้ (4 ธ.ค.2564) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด หรือ EBM เปิดเ
วันที่ 28 มี.ค.2565 ณ จุดชมวิวบ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้
วันที่ 28 มี.ค.2565 ณ จุดชมวิวบ้านกะเบอะดิน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านกะเบอะดิน และจากหมู่บ้านใกล้เคียงกว่า 100 คน มาร่วมกันจัดกิจกรรม “อมก๋อย แดนมหัศจรรย์ : ลมหายใจบนไหล่เขา รอยยิ้มของแผ่นดิน เสียงหัวเราะของสายน้ำ” ชาวบ้านผลัดกันบอกเล่าประสบการณ์ ที่ร่วมคัดค้านเหมืองถ่านหินอมก๋อยด้วยกันมากว่า 3 ปี พร้อมพูดคุยให้กำลังใจกันและกัน และอ่านแถลงการณ์ไม่เอาเหมืองแร่ถ่านหิน แม่ของเยาวชนหนึ่งในกลุ่มชุมชนขับเคลื่อนประเด็น เพื่อปกป้องบ้านเกิดกล่าวว่า ลูกสาวมาทำงานขับเคลื่อนการต่อสู้คัดค้านเหมืองถ่านหิน ซึ่งจะต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ คือ หยุดโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอย่างถาวร เพื่อให้ชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์และดำรงวิถีชีวิตอย่างเป็นสุข ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาทำลายที่ทำกินและธรรมชาติในชุมชนที่บริสุทธิ์ อีกทั้งรักษาวิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยงโป ซึ่งมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ กิจกรรมดังกล่าวเป็นอีกครั้งที่ เครือข่ายภาคีปกป้องอมก๋อยจากถ่านหินและชาวบ้านอมก๋อย จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. - 4 เม.ย.2565 เพื่อบอกเล่าความกังวลเกี่ยวกับโครงการเหมืองแร่อมก๋อยต่อสังคมวงกว้าง และวันที่ 1 เม.ย.กำหนดจะเดินทางไปที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อจัดงานเปิดตัวรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมฉบับชุมชน (CHIA) หรือ การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ที่คนในชุมชนจัดทำข้อมูลด้วยตัวเอง แตกต่างจากรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ที่ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งโครงการจัดทำเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ธนกฤต โต้งฟ้า เยาวชนบ้านกะเบอะดิน เล่าถึงขบวนคัดค้านเหมือนถ่านหินอมก๋อย ว่า ชุมชนพยายามต่อสู้ด้วยข้อมูลของชุมชน และรายงานการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ คนในชุมชนคือความหวังว่าจะทำให้ชนะในครั้งนี้ ธนกฤตกล่าวว่า ผู้เฒ่าคนหนึโจ๊ก เกอร์ 009่งในชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกะเบอะดิน เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อ 30 กว่า ปีที่แล้วว่า มีกลุ่มคนนอกเข้ามาในชุมชน และบอกให้ขายที่ดิน ถ้าไม่ยอมขายก็จะถูกยึดที่ดิน ชาวบ้านจึงยอมขายให้อย่างไม่เต็มใจ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างบนที่ดินแห่งนี้ เป็นทั้งแหล่งต้นน้ำ ผืนป่าจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ พื้นที่เพาะปลูก และเป็นแหล่งทรัพยากรที่ชุมชนพึ่งพาตามวิถีวัฒนธรรมชนเผ่ากะเหรี่ยงที่สืบทอดกันมาเป็นร้อยปี กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 20 ปี ในปี พ.ศ. 2562 ชุมชนจึงได้รู้ว่า พื้นที่ทำกินและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่ตั้งของโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย โดยการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีทั้งเยาวชน ผู้หญิง และผู้เฒ่า เริ่มจากการทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำเหมืองแร่ และศึกษาเนื้อหา กระบวนการต่าง ๆ ทั้งหมด ของการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ที่ชุมชนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมเลยแม้แต่ขั้นตอนเดียว ดังนั้น เพื่อให้เสียงของชุมชนซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่ากลุ่มเล็ก ๆ ถูกเปล่งออกไปสู่สาธารณะอย่างมีพลังและสร้างผลกระทบต่อสังคมได้อย่างแท้จริง จึงได้ขับเคลื่อนขบวนต่อสู้ในหลายรูปแบบ ทั้งการยื่นหนังสือ การเจรจา สร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการต่อสู้จากชุมชนอื่น เพื่อออกมาคัดค้านโครงการเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย ร่วมกับคนอมก๋อยและภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมอย่างเข้มแข็ง แต่การต่อสู้ทั้งหมดจะไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้หากไม่มีข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการมาสนับสนุนขบวนต่อสู้ เมื่อชุมชนมีชุดข้อมูลที่เพียบพร้อมและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็สามารถนำไปสู่การกำหนดแนวทางต่อสู้ สื่อสารต่อสังคม ใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนทางคดีเพื่อฟ้องร้อง สร้างอำนาจต่อรอง และสนับสนุนขบวนการขับเคลื่อนคัดค้านโครงการเหมืองถ่านหินของชนเผ่า และคนอมก๋อยได้อย่างเข้มแข็ง และมั่นใจด้วยตัวชุมชนเอง การทำข้อมูลชุมชนมีความท้าทายหลายอย่างเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่สำหรับชุมชน จึงใช้เวลาในการทำเกือบสองปี โดยมีภาคประชาสังคมคอยเป็นพี่เลี้ยง ช่วยสนับสนุนเครื่องมือและแนวทางต่าง ๆ ในการจัดทำชุดข้อมูลชุมชน ซึ่งชุดข้อมูลทั้งหมดก็ได้ออกมาเป็นรูปเล่มหนังสือชุมชนเรียบร้อยแล้ว และชุมชนร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม จะจัดเวทีสาธารณะ เพื่อเปิดตัวหนังสือชุมชนในวันที่ 3 เม.ย. เวลา 17.00 น. ที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และในวันที่ 4 เม.ย. ชาวบ้านจะยื่นฟ้องคดีที่ศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อคัดค้านอีไอเอและเพื่อยืนยันสิทธิต่อไป สำหรับโครงการเหมืองถ่านหินอมก๋อย ปี 2543 บริษัทเอกชน ยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองถ่านหินระยะเวลา 10 ปี บนเนื้อที่ 284 ไร่ ไม่ไกลจากชุมชน บ้านกะเบอะดินและบ้านขุน คาดว่า มีถ่านหิน 720,000 ตัน ปี 2554 มีการสำรวจแหล่งแร่ และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แล้วเสร็จ แต่ชาวบ้านระบุว่าเป็นขั้นตอนการทำที่น่าสงสัย ไม่มีการชี้แจงผลกระทบ ปี 2562 เป็นจุดเริ่มต้นที่ชุมชนในพื้นที่อมก๋อย รวมตัวยื่นจดหมายและข้อเรียกร้องให้ยุติโครงการเหมืองถ่านหินต่อหน่วยงานอำเภอและจังหวัด โดยระบุถึงผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
วันนี้ (15 ม.ค.2564) ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สมาคมคนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย ได้เพิ