คันดินพังน้ำทะลักเข้าชุมชน-ที่ว่าการอำเภอ-สภ.อินทร์บุรี

วันนี้ (21 ก.พ.2568) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารกรุงเทพใต้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจเเละทรัพยากร 3 นัดหมายพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา และนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กับพวก รายงานตัวในคดีร่วมกันเปิดบ

วันนี้ (30 มี.ค.2567) พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทย

วันนี้ (17 มี.ค.2564) นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์  เฟซบุ๊ก Prinya Thaewanarumitkul  สรุปคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : รัฐธรรมนูญร่างใหม่ได้ แต่ต้อง #ทำประชามติก่อนเริ่ม

วันนี้ (17 มี.ค.2564) นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์  เฟซบุ๊ก Prinya Thaewanarumitkul  สรุปคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : รัฐธรรมนูญร่างใหม่ได้ แต่ต้อง #ทำประชามติก่อนเริ่มร่างใหม่ คำถามคือรัฐสภาจะเดินหน้า ลงมติในวาระ 3 ได้หรือไม่ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ทำให้เกิดคำถามว่ารัฐสภาจะให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ และจะลงมติในวาระที่สามได้หรือไม่อย่างไร? ซึ่งผมมีประเด็นวิเคราะห์ดังต่อไปนี้ 1.คำถามสำคัญที่สุดคือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลทำให้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งผ่านวาระที่หนึ่งและวาระที่สองมาแล้ว ต้อง ตกไป ดังที่ ส.ว. บางท่านใช้คำว่าเป็น “โมฆะ” ไปแล้วจริงหรือไม่? จะตอบคำถามนี้ ก็ต้องดูถ้อยคำของศาลรัฐธรรมนูญว่าเขียนอย่างไร ซึ่งในหนังสือของประธานศาลรัฐธรรมนูญถึงประธานรัฐสภา ลงวันที่ 11 มีนาคม 2564 และคำวินิจฉัยกลางที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ย่อหน้าสุดท้าย (หน้า 11) มีถ้อยคำเหมือนกันทุกประการดังต่อไปนี้คือ “(ศาลรัฐธรรมนูญ) วินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเม่ีอจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง” หากประชามติผ่าน จึงเริ่มต้นร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อร่างเสร็จก็ต้องเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาลงประชามติอีกครั้ง คำวินิจฉัยกลางย่อหน้าสุดท้ายที่เป็นบทสรุป ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากหนังสือจากประธานศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 เพราะเหมือนกันทุกคำ แล้วที่พูดกันว่าคำวินิจฉัยกลางทำให้ชัดเจนว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระที่หนึ่งและวาระที่สองที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ผมกลับเห็นในทางตรงข้าม เมื่ออ่านย่อหน้าก่อนย่อหน้าสุดท้าย ซึ่งอยู่ที่ท้ายหน้า 10 และหัวของหน้า 11 ดังต่อไปนี้ หากรัฐสภาประสงค์จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ถ้าผลประชามติเห็นชอบด้วย จึงดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป เมื่อเสร็จแล้ว ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง นี่คือชัดเจนว่า ต่อเมื่อ “ผลประชามติเห็นชอบด้วย” ถึงจะมีการ “ดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ต่อไป” ซึ่งการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเริ่มต้นได้ก็ต่อเมื่อรัฐสภาผ่านร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ในวาระที่สามแล้วเท่านั้น ถึงจะมีการทำประชามติ ประชามติผ่านจึงนำขึ้นทูลเกล้า เมื่อทรงโปรดเกล้าจึงมีผลบังคับใช้ จึงจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เมื่อมี สสร.แล้วถึงจะมีการเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ครับ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกว่า ต้องทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่บอกให้ทำประชามติ ก่อนเริ่มต้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ทำไปแล้วเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นจะไปตีความว่าวาระหนึ่งและวาระสองที่ผ่านมาเป็นโมฆะไม่ได้ เว้นแต่มีธงอยู่แล้วว่าจะคว่ำในวาระสาม หรือจะให้เป็นโมฆะไปเลยเช่นนี้ 2.ถ้าบอกว่าจะต้องไปเริ่มต้นใหม่หมดด้วยการทำประชามติก่อนแล้วจึงค่อยเสนอญัตติแก้ไขมาตรา 256 อีกครั้ง คำถามของผมคือ ตรงไหนในรัฐธรรมนูญที่ให้รัฐสภามีอำนาจทำประชามติก่อนการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ? คำตอบคือไม่มี ประชามติที่จะถามประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญจะมีขึ้นได้ ต่อเมื่อรัฐสภาได้ลงมติผ่านร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวาระที่สามแล้วเท่านั้น ส่วนประชามติตามมาตรา 166 เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่อำนาจของรัฐสภา ขอเรียนว่า ดังนั้น ความหมายของการลงมติวาระที่สามจริงๆ ก็คือ รัฐสภาเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติ ว่าสมควรจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ เมื่อประชามติผ่านจึงนำขึ้นทูลเกล้า และเมื่อทรงโปรดเกล้าประกาศใช้ถึงจะมี สสร. และจึงจะมีการเริ่มร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ถ้ารัฐสภาไม่ผ่านวาระสาม ก็หมายความว่ารัฐสภาไม่ประสงค์จะให้มีการออกเสียงประชามติให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสินนั่นเองครับ 3.คำถามข้อต่อมาคือ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้ ถ้าจะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องมีการ ทำประชามติกี่ครั้ง? ถ้าอ่านดูจะพบว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าให้ทำเพียง 2 ครั้งเท่านั้น คือก่อนเริ่มร่างรัฐธรรมนูญ และเมื่อร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ หากจะกลับไปเริ่มต้นใหม่และทำประชามติก่อน เมื่อประชามติผ่านจึงค่อยเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เท่ากับต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่งเกินไปกว่าที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ไว้ เหตุผลคือเพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับเช่นนั้นหรือ? ผมได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญท่านวินิจฉัยว่าร่างใหม่ทั้งฉบับได้ แต่ต้องมีการทำประชามติก่อนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการเริ่มต้นร่างรัฐธรรมนูญใหม่แต่ประการใด รัฐสภาได้ผ่านวาระที่หนึ่งรับหลักการแล้วว่าจะมีการร่างใหม่ทั้งฉบับ และได้ผ่านวาระสองกำหนดที่มาและจำนวนของ สสร. ไว้เรียบร้อยแล้ว ทำไมอยู่ดีๆ จะมาคว่ำในวาระที่สาม? ผมพอจะนึกออกได้เหตุผลเดียวครับ คือรัฐบาล และวุฒิสมาชิก (ซึ่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลได้เลือกไว้) ไม่ได้ประสงค์จะให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่มาตั้งแต่แรกนั่นก็แปลว่าหลอก ประชาชนมาตั้งแต่เริ่มต้น หรือถ้าไม่หลอกมาตั้งแต่แรก แต่จะมาเปลี่ยนใจในตอนนี้ ก็แปเว็บ ดู บอล พรีเมียร์ ลีกลว่ารัฐบาล เบี้ยว ประชาชน พราะรัฐสภาได้รับหลักการในวาระที่หนึ่ง และผ่านวาระที่สองมาแล้วอยู่ดีๆจะเลิกกันไปดื้อๆ แล้วกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา คนเขาก็จะเห็นได้ว่า เจตนาคือไม่ให้มีสสร.เพื่อต้องการที่จะควบคุมการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมดโดยใช้เสียงส.ว.ที่ตนเลือกไว้ ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็เกรงว่าประชาชนที่เขาไม่ใช่พวกรัฐบาลเขาจะไม่ยอม การเมืองนอกสภาก็จะไปกันใหญ่ แล้วพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เข้าร่วมรัฐบาลด้วยเหตุผลว่าจะเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะถูกกดดันให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลแน่ ถ้าไปถึงจุดนั้นรัฐบาลก็นับถอยหลังได้เลยครับ ถ้าประชาชนประสงค์จะใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ต่อไป ประชาชนก็จะลงประชามติไม่ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ถ้าประชาชนไม่ต้องการรัฐธรรมนูญ 2560 ประชาชนก็จะลงประชามติให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งวิธีการนี้เป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ดีที่สุดแล้วในขณะนี้ความจริงการให้ทำประชามติมีหนทางทำได้ถึงสามทางคือ #หนึ่ง กลับไปเริ่มต้นใหม่โดยทำประชามติก่อน วิธีที่หนึ่งและวิธีที่สองเป็นวิธีที่รัฐสภา ต้องไปขอให้คณะรัฐมนตรี ดำเนินการให้ตามมาตรา 166 ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว และก็ต้องมีการทำประชามติถึง 3 ครั้ง ทั้งยังมีปัญหาทางกฎหมายอีกบางประการ จึงไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดแน่ สรุปคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : #รัฐธรรมนูญร่างใหม่ได้ แต่ต้อง #ทำประชามติก่อนเริ่มร่างใหม่ คำถามคือรัฐสภาจะเดินหน้า...

วันนี้ (28 ธ.ค.2565) เวลา 17.00 น. พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ในวันนี้สามารถเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางได้เพิ่มรวม 3 นาย โดยทั้ง 3 ร่างมีหลักฐานบ่งชี้เป