Home
|
สล็อตโรม่าทดลองเล่นฟรีราคาบอลวันนี้ สปอร์ตพูล

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2565 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน

สล็อตโรม่าทดลองเล่นฟรีราคาบอลวันนี้ สปอร์ตพูล

วันนี้ (14 ก.ค.2566) ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) จ.ลำปาง ไลฟ์เฟซบุ๊ก อัปเดต “พลายศักดิ์สุรินทร์” หลังเข้ามารับการกักกันโรคเป็นวันที่ 13 โดยภ

วันนี้ (7 ส.ค.2564) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวสวิสที่ จ.ภูเก็ตว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาชิงทรัพย์ ส่วนประเด็นอื่นยังไม่ได้ตัดประเด็

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่นอกจากนำมาสู่โรคระบาดโควิด19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกแล้ว ยังนำมาสู่ภาวะการระบาดของข้อมูลข่าวสาร (Infodemic) ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือที่เรียกกันติดปากว่าข่าวลวง (fake news) เพิ่มอย่างมากมายทั่วโลกด้วย องค์การยูเนสโกเคยกล่าวไว้ว่า นอกจากแพทย์ พยาบาล และ บุคลากรทางการแพทย์ ยังมีข้อเท็จจริง (Facts) ที่จะช่วยรักษาชีวิตเราไว้ได้ อีกทั้งวัฒนธรรมความเกรงใจที่ทำให้ไม่เกิดการแก้ไขท้วงติงข้อมูลที่ส่งต่อกันมาในกลุ่มเพื่อนร่วมงานหรือเครือญาติ จึงทำให้ข้อมูลลวงหรือไม่จริงเหล่านั้นวนไปมาไม่จบสิ้น เช่นในการระบาดรอบใหม่นี้ของประเทศไทย ได้มีปรากฎการณ์ข่าวลือข่าวลวงวนซ้ำไปมาอีกรอบทั้งที่มีการตรวจสอบแล้วว่าไม่เป็นความจริง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง โคแฟค ประเทศไทย CofactThailand เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นการรวมตัวกันของภาคประชาสังคม เพื่อเปิดพื้นที่การใช้นวัตกรรมตรวจสอบข่าวลือข่าวลวง ผ่านสื่อออนไลน์ ได้รวบรวม 5 ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาดโควิดที่วนซ้ำกลับมาอีกรอบ เพื่อการรู้เท่าทันของผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ดังนี้ 1."คลิปเสียงปลอม" ความยาว 1.20 นาที อ้างว่าเป็นเสียงของ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช โดยมีเนื้อหา ขอความร่วมมือให้ประชาชนคนไทยทุกท่าน ล็อคดาวน์ ที่มีการส่งต่อกันอย่างแพร่หลายข้ามปี 2.การดื่มน้ำมะนาวฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ : หลายคนอาจเคยได้ยินวลี “มะนาวโซดาฆ่ามะเร็ง” ที่หมายถึงยุคหนึ่งเคยมีการส่งต่อข้อมูลบนโลกออนไลน์ว่า การดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำโซดา สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ซึ่งต่อมาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง กระทั่งเมื่อเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 มะนาวถูกยกมาเป็นยาวิเศษอีกครั้งหนึ่ง โดยช่วงเดือน มี.ค.2563 มีการแชร์ข้อมูลว่า น้ำมะนาวสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ ซึ่ง นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบายผ่านสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2563 ว่า ในช่วงไล่เลี่ยกันยังมีการแชร์ข้อมูลน้ำมะนาวผสมโซดา (อีกแล้ว) แต่คราวนี้ผสมน้ำส้มสายชูไปด้วยโดยอ้างว่าสูตรนี้ฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้แน่นอน เพราะจะไปทำลายไวรัสที่พบในลำคอ ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ออกมาเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อ เพราะข้อมูลดังกล่าวยังไม่มีผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ใดๆ มารับรอง 3.เลือดเป็นด่างมีโอกาสติดไวรัสโควิด-19 ได้น้อยลง : เป็นอีกเรื่องที่แชร์กันมากตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ๆ และมักถูกนำไปโยงกับความเชื่อทางศาสนา ที่อ้างว่าบุคคลใดกินเจ ไม่แตะต้องเนื้อสัตว์ ไวรัสโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้ หรือถึงได้ก็มีอาการไม่รุนแรง เพราะอาหารเจทำให้เลือดเป็นด่าง (วัดจากค่า pH ซึ่งมีระดับตั้งแต่ 1-14 โดย 1 หมายถึงเป็นกรดรุนแรงที่สุด และ 14 หมายถึงเป็นด่างรุนแรงที่สุด) โดยอ้างชื่อแพทย์บางท่านที่หันไปทำงานด้านส่งเสริมการกินเจ เรื่องนี้ถูกตรวจสอบและถูกนำกลับมาแชร์ต่อวนไป-มาครั้งเล่าครั้งเล่า ไล่ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มี.ค.-กลางเดือน เม.ย. 2563 มีทั้งผู้เชี่ยวชาญที่ชี้แจงว่า เช่นเดียวกับ พ.ต.ต.นพ.ธนิต จิรนันท์ธวัช อายุรแพทย์ และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ที่อธิบายผ่านสื่อมวลชน ยืนยันอีกเสียงเรื่องค่า pH ของเลือดมนุษย์ที่จะอยู่ที่ 7.35-7.45 และการบริโภคผักและผลไม้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนค่านี้ได้ ส่วนที่บอกว่าด่างฆ่าเชื้อไวรัสได้นั้นเป็นปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์เป็นด่างรุนแรงเช็ดถูสิ่งของต่างๆ เป็นต้น ถูกนำมาส่งต่อซ้ำๆ โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่ยืนยันว่าการรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิสล็อตโรม่าทดลองเล่นฟรีราคาบอลวันนี้ สปอร์ตพูล์เป็นด่าง มีผลในการช่วยฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ 4.พัสดุไปรษณีย์เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 : เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2564 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ชี้แจงผ่านเว็บไซต์ของบริษัท กรณีมีการส่งข้อความผ่านสื่อออนไลน์ ระบุว่า สำนักงานไปรษณีย์แจ้งเตือนเมื่อได้รับจดหมายหรือพัสดุให้แยกไว้ก่อน 24 ชั่วโมง หรือฉีดพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนนำเข้าบ้าน เพราะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากพัสดุไปรษณีย์แล้ว ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง พร้อมกับย้ำว่า แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ข่าวลือเรื่องมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากจดหมายหรือพัสดุไปรษณีย์และให้ระมัดระวังการรับจดหมายหรือพัสดุที่มาส่ง เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในช่วงที่มีสถานการณ์ระบาดรอบแรก ย้อนไปเมื่อ 8 เม.ย. 2563 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ เคยแจ้งเตือนเรื่องนี้ไปแล้วหนหนึ่ง ที่น่าสนใจคือข่าว 5.ยืนตากแดดฆ่าเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ : เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2563 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ แจ้งเตือนโดยอ้างข้อความที่แชร์บนโลกออนไลน์ เสนอให้รณรงค์ชักชวนผู้คนมายืนตากแดดออกกำลังกายยามเช้า เพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรค เพราะเชื้อโรคชอบความเย็น อีกเกือบ 9 เดือนต่อมา วันที่ 13 ธ.ค.2563 หรือเพียงไม่กี่วันก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ จ.สมุทรสาคร ทางกรมควบคุมโรค ได้ฝากผ่านศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ให้แจ้งเตือนประชาชนอีกครั้ง กรณีมีการแชร์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ ระบุว่า การยืนตากแดด 20 นาทีหรือนานกว่านั้น สามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ (แถมครั้งนี้อ้างว่าเป็นข้อมูลจากพยาบาลในประเทศอังกฤษอีกต่างหาก) เรื่องดังกล่าวยังไม่เคยมีผลวิจัยใดๆ ทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน ที่สำคัญคือเชื้อไวรัสตระกูลโคโรนาทนความร้อนได้ถึง 90 องศาเซลเซียส แสงแดดที่มนุษย์ได้รับนั้นไม่ร้อนถึงระดับดังกล่าวแน่นอน ทั้งนี้การป้องกันตัวเองด้วยวิธีสวมหน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนตัวเอง ล้างมือบ่อยๆ คงดีที่สุดแล้วแม้ว่าต่อไปจะมีวัคซีนก็ตาม น.ส.สุภิญญา กล่าวอีกว่า ตัวอย่างทั้ง 5 เรื่องนี้ เป็นตัวอย่างของข่าวลือข่าวลวงที่เป็นปรากฎการณ์โรคระบาดข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้จะมีการพิสูจน์กันไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งก็ถูกนำกลับมาแชร์กันบนโลกออนไลน์อีกครั้ง ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมข่าวลวงอีกเป็นจำนวนมากทั้งที่เกี่ยวกับประเด็นสุขภาพและประเด็นอื่นๆ สำหรับประเทศไทย นอกจาก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐ ทำหน้าที่ตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องหรือสื่อมวลชนเช่น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์ม “โคแฟค” CoFact (Collaborative Fact Checking) ที่ดำเนินการโดยภาคีภาคประชาสังคม เปิดพื้นที่ให้ทุกคนร่วมเป็นผู้ตรวจสอบข่าวหรือ Fact checkers ด้วยอีกทาง โคแฟคเป็นการใช้เทคโนโลยีภาคพลเมือง (Civic Tech) เชื่อมกับงานเชิงข่าวด้านวารสารศาสตร์ (Journalism) โดยมีกองบรรณาธิการร่วมกับอาสาสมัครคัดกรองข่าว ทำหน้าที่เป็นคลังข้อมูลเก็บข่าวที่เคยมีการแชร์และได้รับการตรวจสอบแล้ว (ทั้งเป็นข่าวจริง ข่าวปลอม และยังไม่ได้ข้อสรุป) รวมถึงมีเพจเฟซบุ๊ก “Cofact โคแฟค” สำหรับแจ้งข่าวที่ได้รับการตรวจสอบแล้วในแต่ละวัน ภาคีโคแฟค ประเทศไทยเชื่อว่า เพื่อหยุดยั้งการระบาดของไวรัสข้อมูลข่าวสารลวง นอกจากการต้องตรวจสอบแหล่งที่มาให้แน่ใจก่อนส่งต่อแล้ว พลเมืองผู้ใช้สื่อออนไลน์ทุกคน จะต้องช่วยกันสกัดกั้นการระบาด ด้วยการตรวจสอบและช่วยโต้แย้งแก้ไขเมื่อเห็นการแชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในกลุ่มต่างๆ ด้วย ดีกว่าการปล่อยผ่านไป เพราะบางครั้งความเข้าใจผิดอาจนำไปสู่ผลกระทบด้านลบทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นได้

วันนี้ (14 ก.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่นอกจากนำมาสู่โรคระบาดโควิด19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกแล้ว ยังนำมาสู่ภาวะกา

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษรายการ “ชั่วโมงข่

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่นอกจากนำมาสู่โรคระบาดโควิด19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกแล้ว ยังนำมาสู่ภาวะการระบาดของข้อมูลข่าวสาร (Infodemic) ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือที่เรียกกันติดปากว่าข่าวลวง (fake news) เพิ่มอย่างมากมายทั่วโลกด้วย องค์การยูเนสโกเคยกล่าวไว้ว่า นอกจากแพทย์ พยาบาล และ บุคลากรทางการแพทย์ ยังมีข้อเท็จจริง (Facts) ที่จะช่วยรักษาชีวิตเราไว้ได้ อีกทั้งวัฒนธรรมความเกรงใจที่ทำให้ไม่เกิดการแก้ไขท้วงติงข้อมูลที่ส่งต่อกันมาในกลุ่มเพื่อนร่วมงานหรือเครือญาติ จึงทำให้ข้อมูลลวงหรือไม่จริงเหล่านั้นวนไปมาไม่จบสิ้น เช่นในการระบาดรอบใหม่นี้ของประเทศไทย ได้มีปรากฎการณ์ข่าวลือข่าวลวงวนซ้ำไปมาอีกรอบทั้งที่มีการตรวจสอบแล้วว่าไม่เป็นความจริง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง โคแฟค ประเทศไทย CofactThailand เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นการรวมตัวกันของภาคประชาสังคม เพื่อเปิดพื้นที่การใช้นวัตกรรมตรวจสอบข่าวลือข่าวลวง ผ่านสื่อออนไลน์ ได้รวบรวม 5 ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาดโควิดที่วนซ้ำกลับมาอีกรอบ เพื่อการรู้เท่าทันของผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ดังนี้ 1."คลิปเสียงปลอม" ความยาว 1.20 นาที อ้างว่าเป็นเสียงของ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช โดยมีเนื้อหา ขอความร่วมมือให้ประชาชนคนไทยทุกท่าน ล็อคดาวน์ ที่มีการส่งต่อกันอย่างแพร่หลายข้ามปี 2.การดื่มน้ำมะนาวฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ : หลายคนอาจเคยได้ยินวลี “มะนาวโซดาฆ่ามะเร็ง” ที่หมายถึงยุคหนึ่งเคยมีการส่งต่อข้อมูลบนโลกออนไลน์ว่า การดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำโซดา สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ซึ่งต่อมาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง กระทั่งเมื่อเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 มะนาวถูกยกมาเป็นยาวิเศษอีกครั้งหนึ่ง โดยช่วงเดือน มี.ค.2563 มีการแชร์ข้อมูลว่า น้ำมะนาวสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ ซึ่ง นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบายผ่านสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2563 ว่า ในช่วงไล่เลี่ยกันยังมีการแชร์ข้อมูลน้ำมะนาวผสมโซดา (อีกแล้ว) แต่คราวนี้ผสมน้ำส้มสายชูไปด้วยโดยอ้างว่าสูตรนี้ฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้แน่นอน เพราะจะไปทำลายไวรัสที่พบในลำคอ ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ออกมาเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อ เพราะข้อมูลดังกล่าวยังไม่มีผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ใดๆ มารับรอง 3.เลือดเป็นด่างมีโอกาสติดไวรัสโควิด-19 ได้น้อยลง : เป็นอีกเรื่องที่แชร์กันมากตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ๆ และมักถูกนำไปโยงกับความเชื่อทางศาสนา ที่อ้างว่าบุคคลใดกินเจ ไม่แตะต้องเนื้อสัตว์ ไวรัสโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้ หรือถึงได้ก็มีอาการไม่รุนแรง เพราะอาหารเจทำให้เลือดเป็นด่าง (วัดจากค่า pH ซึ่งมีระดับตั้งแต่ 1-14 โดย 1 หมายถึงเป็นกรดรุนแรงที่สุด และ 14 หมายถึงเป็นด่างรุนแรงที่สุด) โดยอ้างชื่อแพทย์บางท่านที่หันไปทำงานด้านส่งเสริมการกินเจ เรื่องนี้ถูกตรวจสอบและถูกนำกลับมาแชร์ต่อวนไป-มาครั้งเล่าครั้งเล่า ไล่ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มี.ค.-กลางเดือน เม.ย. 2563 มีทั้งผู้เชี่ยวชาญที่ชี้แจงว่า เช่นเดียวกับ พ.ต.ต.นพ.ธนิต จิรนันท์ธวัช อายุรแพทย์ และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ที่อธิบายผ่านสื่อมวลชน ยืนยันอีกเสียงเรื่องค่า pH ของเลือดมนุษย์ที่จะอยู่ที่ 7.35-7.45 และการบริโภคผักและผลไม้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนค่านี้ได้ ส่วนที่บอกว่าด่างฆ่าเชื้อไวรัสได้นั้นเป็นปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์เป็นด่างรุนแรงเช็ดถูสิ่งของต่างๆ เป็นต้น ถูกนำมาส่งต่อซ้ำๆ โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่ยืนยันว่าการรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิสล็อตโรม่าทดลองเล่นฟรีราคาบอลวันนี้ สปอร์ตพูล์เป็นด่าง มีผลในการช่วยฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ 4.พัสดุไปรษณีย์เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 : เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2564 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ชี้แจงผ่านเว็บไซต์ของบริษัท กรณีมีการส่งข้อความผ่านสื่อออนไลน์ ระบุว่า สำนักงานไปรษณีย์แจ้งเตือนเมื่อได้รับจดหมายหรือพัสดุให้แยกไว้ก่อน 24 ชั่วโมง หรือฉีดพ่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนนำเข้าบ้าน เพราะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากพัสดุไปรษณีย์แล้ว ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง พร้อมกับย้ำว่า แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ข่าวลือเรื่องมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากจดหมายหรือพัสดุไปรษณีย์และให้ระมัดระวังการรับจดหมายหรือพัสดุที่มาส่ง เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในช่วงที่มีสถานการณ์ระบาดรอบแรก ย้อนไปเมื่อ 8 เม.ย. 2563 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ เคยแจ้งเตือนเรื่องนี้ไปแล้วหนหนึ่ง ที่น่าสนใจคือข่าว 5.ยืนตากแดดฆ่าเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ : เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2563 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ แจ้งเตือนโดยอ้างข้อความที่แชร์บนโลกออนไลน์ เสนอให้รณรงค์ชักชวนผู้คนมายืนตากแดดออกกำลังกายยามเช้า เพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรค เพราะเชื้อโรคชอบความเย็น อีกเกือบ 9 เดือนต่อมา วันที่ 13 ธ.ค.2563 หรือเพียงไม่กี่วันก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ จ.สมุทรสาคร ทางกรมควบคุมโรค ได้ฝากผ่านศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ให้แจ้งเตือนประชาชนอีกครั้ง กรณีมีการแชร์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ ระบุว่า การยืนตากแดด 20 นาทีหรือนานกว่านั้น สามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ (แถมครั้งนี้อ้างว่าเป็นข้อมูลจากพยาบาลในประเทศอังกฤษอีกต่างหาก) เรื่องดังกล่าวยังไม่เคยมีผลวิจัยใดๆ ทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน ที่สำคัญคือเชื้อไวรัสตระกูลโคโรนาทนความร้อนได้ถึง 90 องศาเซลเซียส แสงแดดที่มนุษย์ได้รับนั้นไม่ร้อนถึงระดับดังกล่าวแน่นอน ทั้งนี้การป้องกันตัวเองด้วยวิธีสวมหน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนตัวเอง ล้างมือบ่อยๆ คงดีที่สุดแล้วแม้ว่าต่อไปจะมีวัคซีนก็ตาม น.ส.สุภิญญา กล่าวอีกว่า ตัวอย่างทั้ง 5 เรื่องนี้ เป็นตัวอย่างของข่าวลือข่าวลวงที่เป็นปรากฎการณ์โรคระบาดข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้จะมีการพิสูจน์กันไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งก็ถูกนำกลับมาแชร์กันบนโลกออนไลน์อีกครั้ง ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมข่าวลวงอีกเป็นจำนวนมากทั้งที่เกี่ยวกับประเด็นสุขภาพและประเด็นอื่นๆ สำหรับประเทศไทย นอกจาก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐ ทำหน้าที่ตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องหรือสื่อมวลชนเช่น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์ม “โคแฟค” CoFact (Collaborative Fact Checking) ที่ดำเนินการโดยภาคีภาคประชาสังคม เปิดพื้นที่ให้ทุกคนร่วมเป็นผู้ตรวจสอบข่าวหรือ Fact checkers ด้วยอีกทาง โคแฟคเป็นการใช้เทคโนโลยีภาคพลเมือง (Civic Tech) เชื่อมกับงานเชิงข่าวด้านวารสารศาสตร์ (Journalism) โดยมีกองบรรณาธิการร่วมกับอาสาสมัครคัดกรองข่าว ทำหน้าที่เป็นคลังข้อมูลเก็บข่าวที่เคยมีการแชร์และได้รับการตรวจสอบแล้ว (ทั้งเป็นข่าวจริง ข่าวปลอม และยังไม่ได้ข้อสรุป) รวมถึงมีเพจเฟซบุ๊ก “Cofact โคแฟค” สำหรับแจ้งข่าวที่ได้รับการตรวจสอบแล้วในแต่ละวัน ภาคีโคแฟค ประเทศไทยเชื่อว่า เพื่อหยุดยั้งการระบาดของไวรัสข้อมูลข่าวสารลวง นอกจากการต้องตรวจสอบแหล่งที่มาให้แน่ใจก่อนส่งต่อแล้ว พลเมืองผู้ใช้สื่อออนไลน์ทุกคน จะต้องช่วยกันสกัดกั้นการระบาด ด้วยการตรวจสอบและช่วยโต้แย้งแก้ไขเมื่อเห็นการแชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในกลุ่มต่างๆ ด้วย ดีกว่าการปล่อยผ่านไป เพราะบางครั้งความเข้าใจผิดอาจนำไปสู่ผลกระทบด้านลบทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นได้

วันนี้ (26 ธ.ค.2565) พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ควบคุมตัวเลขานุการ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ฝากขังที่ศาล