วันนี้ (10 พ.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องพ

วันนี้ (2 มิ.ย.2565) เสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการของ จ.นครศรีธรรมราช งบฯอุดหนุนจากรัฐบาลปี 2560 มูลค่าต้นละกว่า 65,000 บาท ถูกติดตั้งเมื่อปลายปี 2560 กว่า 2,000 ต้น กระจายบนถนน 22 สาย วงเงินกว่า
กรณีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรื่องห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมี 4 ชนิดที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน
วันนี้ (19 ก.ค.2565) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ชี้แจงกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า BTSC ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อสัญญาที่ทำไว้กับทางบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด KT และกทม. อย่างเคร่งครัด ขณะนี้ BTSC ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ปี ตั้งแต่เดือนเม.ย.2560 จำนวนรวมกว่า 40,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้รับชำระค่าจ้างจากการเดินรถและบำรุงรักษา ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 (ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า) และส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล จนต้องมีการกู้เงินมาใช้จ่ายจำนวนมาก นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดให้บริการใน 2542 ถึงปัจจุบัน BTSC ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารไปเพียงแค่ 3 ครั้ง และเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเพดานค่าโดยสารที่ได้รับอนุมัติจากกทม. เพื่อเบาภาระค่าโดยสารให้แก่ประชาชน โดยเมื่อเปิดให้บริการช่วงแรก 23 สถานี ระยะทาง 23.5 กม. ในปี 2542 คิดอัตราค่าโดยสาร 10-40 บาท แต่เพดานค่าโดยสารสูงสุดที่ กทม. กำหนดไว้ให้คือ 15-45 บาท และการปรับขึ้นค่าโดยสารทั้ง 3 ครั้ง ที่เกิดขึ้นนั้น แบ่งเป็น ส่วนกรณีที่มีการทำสัญญาจ้าง BTSC เดินรถและซ่อมบำรุงโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585 เพราะต้องการให้เกิดการเดินทางแบบไร้รอยต่อ โดยที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนขบวน ซึ่งทุกฝ่ายในคณะทำงานขณะนั้นเห็นว่า การว่าจ้างเป็นระยะเวลาดังกล่าวมีความเหมาะสม เพราะหากว่ามีการจ้างในระยะเวลาสั้นกว่านี้ เช่น ให้การจ้างสิ้นสุดในปี 2572 พร้อมกับสัมปทานในส่วนเส้นทางหลัก ค่าจ้างเดินรถต่อปีก็จะสูงกว่า โดยในส่วนต่อขยายที่ 1 ได้ลงนามเป็นระยะเวลา 30 ปีตั้งแต่ปี 2555–2585 และส่วนต่อขยายที่ 2 ก็ได้ให้เหตุผลเดียวกัน เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้รถไฟฟ้าในเส้นทางเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้ลงนามในสัญญาทั้งสิ้น 25 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2585 เพื่อให้สัญญาส่วนต่อขยายทั้ง 2 ส่วนหมดอายุพร้อมกัน ในระหว่างการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายที่ 2 ก็ยังไม่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้โดยสาร และ KT ก็ไม่ได้จ่ายค่าจ้างเดินรถ จนเกิดเป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้น BTSC ยืนยันพร้อมเจรจากับทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาทั้งหมด หากอยู่บนเงื่อนไขของความถูกต้อง และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมและรักษาสัญญาที่มีต่อกัน เพราะในฐานะที่เป็นบริษัทลูกของ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นประชาชนร่วมลงทุนอยู่จำนวนกว่า 101,700 คน รวมถึงมีเจ้าหนี้ที่ให้เงินกู้แก่ BTSC มาประกอบธุรกิจอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา BTSC ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องสัญญาให้บริการเดินรถระหว่าง KT และ BTSC มีข้อสัญญาเรื่องรักษาความลับ เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่จะกำหนดในสัญญาระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครอง และป้องกันความเสียหายจากการใช้ข้อมูลของคู่สัญญาทั้งฝ่ายรัฐ และเอกชนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งก่อน โดยข้อสัญญารักษาความลับนี้ไม่ได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการป้องกันการตรวจสอบความโปร่งใส และทุจริต เนื่องจากข้อสัญญารักษาความลับได้มีการกำหนดข้อยกเว้นให้สามารถเปิดเผยข้อมูลในสัญญาตามที่กฎหมายสูตร บา คา ร่า แอ พกำหนดไว้ หรือตามคำสั่งของหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2555 BTSC ก็รับทราบว่าได้มีองค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ใช้อำนาจตามกฎหมายดำเนินการตรวจสอบและได้ไป ซึ่งสัญญาให้บริการเดินรถฯ รับทราบจาก KT ว่าได้ส่งมอบข้อมูลกับ กทม.แล้วในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ BTSC ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลบางส่วนในสัญญา เป็นข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้า และสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จึงต้องมีความระมัดระวังในการเปิดเผย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย หากจำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญดังกล่าว ก็ควรจะเปิดข้อมูลในสัญญาของทุกๆ โครงการเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนแนวทางการขยายสัมปทานออกไปอีก 30 ปีไม่ได้เป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นจาก BTSC แต่อย่างใด แต่เป็นผลของการเจรจากับคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ของ กทม. BTSC เห็นว่าสามารถดำเนินการได้และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย จึงได้รับที่จะมีการแก้ไขสัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว BTSC ต้องการเพียงให้มีการชำระหนี้ที่ค้างชำระกว่า 40,000 ล้านบาท เพื่อไปใช้ในการดำเนินกิจการและชำระหนี้ของ BTSC ซึ่งเกิดขึ้นจากโครงการนี้ ทั้งนี้ BTSC ได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ ซึ่งได้รับทราบจากทาง KT ว่า อยากที่จะมีการตกลงชำระหนี้ดังกล่าวโดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาลฯ โดยเร็วที่สุด อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง กทม.ถกเอกชนปมรถ " BTS สีเขียว" ยังไม่ยอมเปิดสัญญา
สำนักบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FAA ได้อนุมัติให้รถสามล้อบินได้ที่พัฒนามานานกว่า 14 ปีได้เริ่
หลังจากรัฐบาลประกาศเวลารับจำนำข้าวชัดเจนแล้ว ทำให้บรรดาโรงสีข้าวเริ่มมีการเคลื่อนไหวเตรียมความพร้อมร
วันนี้ (19 ก.ค.2565) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด
วันนี้ (19 ก.ค.2565) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ชี้แจงกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า BTSC ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อสัญญาที่ทำไว้กับทางบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด KT และกทม. อย่างเคร่งครัด ขณะนี้ BTSC ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ปี ตั้งแต่เดือนเม.ย.2560 จำนวนรวมกว่า 40,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้รับชำระค่าจ้างจากการเดินรถและบำรุงรักษา ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 (ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า) และส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล จนต้องมีการกู้เงินมาใช้จ่ายจำนวนมาก นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดให้บริการใน 2542 ถึงปัจจุบัน BTSC ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารไปเพียงแค่ 3 ครั้ง และเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเพดานค่าโดยสารที่ได้รับอนุมัติจากกทม. เพื่อเบาภาระค่าโดยสารให้แก่ประชาชน โดยเมื่อเปิดให้บริการช่วงแรก 23 สถานี ระยะทาง 23.5 กม. ในปี 2542 คิดอัตราค่าโดยสาร 10-40 บาท แต่เพดานค่าโดยสารสูงสุดที่ กทม. กำหนดไว้ให้คือ 15-45 บาท และการปรับขึ้นค่าโดยสารทั้ง 3 ครั้ง ที่เกิดขึ้นนั้น แบ่งเป็น ส่วนกรณีที่มีการทำสัญญาจ้าง BTSC เดินรถและซ่อมบำรุงโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585 เพราะต้องการให้เกิดการเดินทางแบบไร้รอยต่อ โดยที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนขบวน ซึ่งทุกฝ่ายในคณะทำงานขณะนั้นเห็นว่า การว่าจ้างเป็นระยะเวลาดังกล่าวมีความเหมาะสม เพราะหากว่ามีการจ้างในระยะเวลาสั้นกว่านี้ เช่น ให้การจ้างสิ้นสุดในปี 2572 พร้อมกับสัมปทานในส่วนเส้นทางหลัก ค่าจ้างเดินรถต่อปีก็จะสูงกว่า โดยในส่วนต่อขยายที่ 1 ได้ลงนามเป็นระยะเวลา 30 ปีตั้งแต่ปี 2555–2585 และส่วนต่อขยายที่ 2 ก็ได้ให้เหตุผลเดียวกัน เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้รถไฟฟ้าในเส้นทางเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้ลงนามในสัญญาทั้งสิ้น 25 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2585 เพื่อให้สัญญาส่วนต่อขยายทั้ง 2 ส่วนหมดอายุพร้อมกัน ในระหว่างการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายที่ 2 ก็ยังไม่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้โดยสาร และ KT ก็ไม่ได้จ่ายค่าจ้างเดินรถ จนเกิดเป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้น BTSC ยืนยันพร้อมเจรจากับทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาทั้งหมด หากอยู่บนเงื่อนไขของความถูกต้อง และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมและรักษาสัญญาที่มีต่อกัน เพราะในฐานะที่เป็นบริษัทลูกของ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นประชาชนร่วมลงทุนอยู่จำนวนกว่า 101,700 คน รวมถึงมีเจ้าหนี้ที่ให้เงินกู้แก่ BTSC มาประกอบธุรกิจอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา BTSC ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องสัญญาให้บริการเดินรถระหว่าง KT และ BTSC มีข้อสัญญาเรื่องรักษาความลับ เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่จะกำหนดในสัญญาระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครอง และป้องกันความเสียหายจากการใช้ข้อมูลของคู่สัญญาทั้งฝ่ายรัฐ และเอกชนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งก่อน โดยข้อสัญญารักษาความลับนี้ไม่ได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการป้องกันการตรวจสอบความโปร่งใส และทุจริต เนื่องจากข้อสัญญารักษาความลับได้มีการกำหนดข้อยกเว้นให้สามารถเปิดเผยข้อมูลในสัญญาตามที่กฎหมายสูตร บา คา ร่า แอ พกำหนดไว้ หรือตามคำสั่งของหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2555 BTSC ก็รับทราบว่าได้มีองค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ใช้อำนาจตามกฎหมายดำเนินการตรวจสอบและได้ไป ซึ่งสัญญาให้บริการเดินรถฯ รับทราบจาก KT ว่าได้ส่งมอบข้อมูลกับ กทม.แล้วในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ BTSC ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลบางส่วนในสัญญา เป็นข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้า และสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จึงต้องมีความระมัดระวังในการเปิดเผย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย หากจำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญดังกล่าว ก็ควรจะเปิดข้อมูลในสัญญาของทุกๆ โครงการเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนแนวทางการขยายสัมปทานออกไปอีก 30 ปีไม่ได้เป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นจาก BTSC แต่อย่างใด แต่เป็นผลของการเจรจากับคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ของ กทม. BTSC เห็นว่าสามารถดำเนินการได้และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย จึงได้รับที่จะมีการแก้ไขสัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว BTSC ต้องการเพียงให้มีการชำระหนี้ที่ค้างชำระกว่า 40,000 ล้านบาท เพื่อไปใช้ในการดำเนินกิจการและชำระหนี้ของ BTSC ซึ่งเกิดขึ้นจากโครงการนี้ ทั้งนี้ BTSC ได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ ซึ่งได้รับทราบจากทาง KT ว่า อยากที่จะมีการตกลงชำระหนี้ดังกล่าวโดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาลฯ โดยเร็วที่สุด อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง กทม.ถกเอกชนปมรถ " BTS สีเขียว" ยังไม่ยอมเปิดสัญญา
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรก