วันนี้ (4 ต.ค.2567) กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 9 เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน และฝนตกวิเคราะห์ บอล 1000
ความคืบหน้ากรณีการคควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ "เอ็ม กองเรือ" ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา เสียชีวิตตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กทม.เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2568 และคุมตัวาดำเนินคดีที่ไทย
วันนี้ (14 ธ.ค.66) ยูนิเซฟและพันธมิตร เปิดเผยผลการศึกษาชิ้นใหม่ Consortium for Improving Complementary Foods in Southeast Asia (COMMIT) โดยระบุว่า ว่า อาหารสำเร็จรูปที่มุ่งทำการตลาดกับเด็กอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 3 ปี ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีปริมาณน้ำตาลและเกลือสูง และยังติดฉลากที่อาจจะสร้างความเข้าใจผิดและหลอกลวง อีกทั้งยังขาดระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดในขั้นตอนการผลิตและจำหน่าย การศึกษาชิ้นนี้ทำการประเมินอาหารสำเร็จรูปสำหรับเด็กมากกว่า 1,600 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น อาหารเสริมจากธัญพืชสำหรับทารก อาหารบดในรูปแบบขวดและซอง ของขบเคี้ยว และอาหารพร้อมรับประทานที่มุ่งเป้าไปยังเด็กเล็กใน 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนระเบียบข้อบังคับในทั้ง 7 ประเทศดังกล่าว การศึกษาพบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 44) ของอาหารสำเร็จรูปมีการเติมน้ำตาลและสารให้ความหวาน และอัตรานี้สูงถึงร้อยละ 72 ในกลุ่มของขบเคี้ยวและอาหารทานเล่น ในขณะที่กว่า 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีปริมาณโซเดียมสูงกว่าที่แนะนำ นอกจากนี้ เกือบร้อยละ 90 ของอาหารเหล่านี้ติดฉลากที่อาจสร้างความเข้าใจผิดหรือหลอกลวงเกี่ยวกับส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ เดอเบอรา โคมินี่ ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวว่า “มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่เน้นขายให้กับเด็กเล็กมากเกินไป อีกทั้งยังติดฉลากที่อาจหลอกลวงหรือสร้างความเข้าใจผิดให้กับพ่อแม่ ซึ่งเด็ก ๆ และพ่อแม่ควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้” ปัจจุบัน เด็กเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริโภคผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำเร็จรูปเป็นประจำ โดยร้อยละ 79 ของแม่ที่อาศัยอยู่ในเมืองให้ลูกกินอาหารเหล่านี้ทุกวัน และยอดขายของอาหารเหล่านี้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 45 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในด้านของข้อบังคับ การศึกษาระบุว่าทั้ง 7 ประเทศไม่มีนโยบายควบคุมส่วนประกอบและการติดฉลากอาหารดังกล่าวตามคำแนะนำสากล หลายประเทศไม่มีมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมปริมาณน้ำตาลและเกลือ ในขณะที่บางประเทศมีการควบคุมปริมาณน้ำตาลหรือเกลือในอาหารบางหมวดหมู่เท่านั้น เช่น อาหารเสริมจากธัญพืชหรือของขบเคี้ยว แต่ปริมาณสูงสุดที่กำหนดก็ยังสูงกว่ามาตรฐานสากล ทั้งนี้ การบริโภคน้ำตาลตั้งแต่ยังเด็กอาจทำให้เกิดฟันผุ น้ำหนักเพิ่ม และนิสัยการกินที่ไม่ดี ในขณะที่การบริโภคโซเดียมในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ยังพบการกล่าวอ้างบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างแพร่หลาย โดยร้อยละ 90 มีการระบุส่วนประกอบและปริมาณสารอาหาร ซึ่งมักพบข้อความ เช่น “จากธรรมชาติทั้งหมด”, “แหล่งวิตามินที่ดี” และ “ไม่มีส่วนผสมสังเคราะห์” ในผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้ำตาล เกลือ และไขมันสูง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาวส่วนใหญ่มีแต่ฉลากภาษาอังกฤษเท่วิเคราะห์ บอล 1000านั้น ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อพ่อแม่ในการเลือกซื้ออาหารที่เหมาะสมสำหรับลูก โคมินี่กล่าวเสริมว่า “รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ และผู้ผลิตอาหารต้องร่วมกันหันมาปกป้องสุขภาพของเด็กเล็ก เพราะโภชนาการที่ดีในขวบปีแรกจะช่วยให้เด็กเติบโตอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างครอบครัวให้แข็งแกร่ง ส่งเสริมแรงงานที่มีประสิทธิภาพและเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ในทางกลับกัน โภชนาการที่แย่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเตี้ยแคระแกร็น การขาดสารอาหาร น้ำหนักเกิน โรคอ้วน และโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลรุนแรงต่อเด็กและครอบครัว และระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจในท้ายที่สุด” ยูนิเซฟ และ COMMIT มีข้อเรียกร้องดังนี้: 1. ปรับปรุงนโยบายและมาตรฐานอาหารสำเร็จรูปสำหรับทารกและเด็กเล็ก ซึ่งรวมถึง การห้ามเติมน้ำตาลและสารให้ความหวาน จำกัดปริมาณโซเดียม และห้ามทำการตลาดหรือติดฉลากผลิตภัณฑ์ที่สร้างความเข้าใจผิด 2. รัฐต้องเฝ้าระวัง และบังคับใช้ข้อบังคับกับอาหารสำเร็จรูปสำหรับทารกและเด็กเล็ก 3. ส่งเสริมให้พ่อแม่เลือกอาหารที่หลากหลายให้กับลูกน้อย รู้เท่าทันโฆษณาชวนเชื่อ และศึกษาฉลากผลิตภัณฑ์
วันนี้ (16 ม.ค.2567) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการสอ
วิเคราะห์ บอล 1000
วันนี้ (4 ต.ค.2567) กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 9 เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน และฝนตกวิเคราะห์ บอล 1000
ความคืบหน้ากรณีการคควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ "เอ็ม กองเรือ" ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา เสียชีวิตตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กทม.เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2568 และคุมตัวาดำเนินคดีที่ไทย
วันนี้ (14 ธ.ค.66) ยูนิเซฟและพันธมิตร เปิดเผยผลการศึกษาชิ้นใหม่ Consortium for Improving Complementary Foods in Southeast Asia (COMMIT) โดยระบุว่า ว่า อาหารสำเร็จรูปที่มุ่งทำการตลาดกับเด็กอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 3 ปี ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีปริมาณน้ำตาลและเกลือสูง และยังติดฉลากที่อาจจะสร้างความเข้าใจผิดและหลอกลวง อีกทั้งยังขาดระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดในขั้นตอนการผลิตและจำหน่าย การศึกษาชิ้นนี้ทำการประเมินอาหารสำเร็จรูปสำหรับเด็กมากกว่า 1,600 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น อาหารเสริมจากธัญพืชสำหรับทารก อาหารบดในรูปแบบขวดและซอง ของขบเคี้ยว และอาหารพร้อมรับประทานที่มุ่งเป้าไปยังเด็กเล็กใน 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนระเบียบข้อบังคับในทั้ง 7 ประเทศดังกล่าว การศึกษาพบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 44) ของอาหารสำเร็จรูปมีการเติมน้ำตาลและสารให้ความหวาน และอัตรานี้สูงถึงร้อยละ 72 ในกลุ่มของขบเคี้ยวและอาหารทานเล่น ในขณะที่กว่า 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีปริมาณโซเดียมสูงกว่าที่แนะนำ นอกจากนี้ เกือบร้อยละ 90 ของอาหารเหล่านี้ติดฉลากที่อาจสร้างความเข้าใจผิดหรือหลอกลวงเกี่ยวกับส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ เดอเบอรา โคมินี่ ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวว่า “มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่เน้นขายให้กับเด็กเล็กมากเกินไป อีกทั้งยังติดฉลากที่อาจหลอกลวงหรือสร้างความเข้าใจผิดให้กับพ่อแม่ ซึ่งเด็ก ๆ และพ่อแม่ควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้” ปัจจุบัน เด็กเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริโภคผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำเร็จรูปเป็นประจำ โดยร้อยละ 79 ของแม่ที่อาศัยอยู่ในเมืองให้ลูกกินอาหารเหล่านี้ทุกวัน และยอดขายของอาหารเหล่านี้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 45 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในด้านของข้อบังคับ การศึกษาระบุว่าทั้ง 7 ประเทศไม่มีนโยบายควบคุมส่วนประกอบและการติดฉลากอาหารดังกล่าวตามคำแนะนำสากล หลายประเทศไม่มีมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมปริมาณน้ำตาลและเกลือ ในขณะที่บางประเทศมีการควบคุมปริมาณน้ำตาลหรือเกลือในอาหารบางหมวดหมู่เท่านั้น เช่น อาหารเสริมจากธัญพืชหรือของขบเคี้ยว แต่ปริมาณสูงสุดที่กำหนดก็ยังสูงกว่ามาตรฐานสากล ทั้งนี้ การบริโภคน้ำตาลตั้งแต่ยังเด็กอาจทำให้เกิดฟันผุ น้ำหนักเพิ่ม และนิสัยการกินที่ไม่ดี ในขณะที่การบริโภคโซเดียมในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ยังพบการกล่าวอ้างบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างแพร่หลาย โดยร้อยละ 90 มีการระบุส่วนประกอบและปริมาณสารอาหาร ซึ่งมักพบข้อความ เช่น “จากธรรมชาติทั้งหมด”, “แหล่งวิตามินที่ดี” และ “ไม่มีส่วนผสมสังเคราะห์” ในผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้ำตาล เกลือ และไขมันสูง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาวส่วนใหญ่มีแต่ฉลากภาษาอังกฤษเท่วิเคราะห์ บอล 1000านั้น ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อพ่อแม่ในการเลือกซื้ออาหารที่เหมาะสมสำหรับลูก โคมินี่กล่าวเสริมว่า “รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ และผู้ผลิตอาหารต้องร่วมกันหันมาปกป้องสุขภาพของเด็กเล็ก เพราะโภชนาการที่ดีในขวบปีแรกจะช่วยให้เด็กเติบโตอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างครอบครัวให้แข็งแกร่ง ส่งเสริมแรงงานที่มีประสิทธิภาพและเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ในทางกลับกัน โภชนาการที่แย่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเตี้ยแคระแกร็น การขาดสารอาหาร น้ำหนักเกิน โรคอ้วน และโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลรุนแรงต่อเด็กและครอบครัว และระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจในท้ายที่สุด” ยูนิเซฟ และ COMMIT มีข้อเรียกร้องดังนี้: 1. ปรับปรุงนโยบายและมาตรฐานอาหารสำเร็จรูปสำหรับทารกและเด็กเล็ก ซึ่งรวมถึง การห้ามเติมน้ำตาลและสารให้ความหวาน จำกัดปริมาณโซเดียม และห้ามทำการตลาดหรือติดฉลากผลิตภัณฑ์ที่สร้างความเข้าใจผิด 2. รัฐต้องเฝ้าระวัง และบังคับใช้ข้อบังคับกับอาหารสำเร็จรูปสำหรับทารกและเด็กเล็ก 3. ส่งเสริมให้พ่อแม่เลือกอาหารที่หลากหลายให้กับลูกน้อย รู้เท่าทันโฆษณาชวนเชื่อ และศึกษาฉลากผลิตภัณฑ์
วันนี้ (16 ม.ค.2567) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการสอ