casino auto 189-คนใกล้ชิดเผย "พระกาโตะ" ยังไม่ลาสิกขา พร้อมรับการตรวจสอบ

วันนี้ (23 เม.ย.2566) กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 3 เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 23-26 เม.ย.2566 โดยมีรายละเอียดว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานก
วันนี้ (28 มิ.ย.2567)นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า สถานการณ์ลักลอบตัดไม
ปัจจุบันจะเห็นว่า คนทั่วโลก เริ่มแต่งงานช้าลง ไม่มีลูก แต่หันมาให้ความรักกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ยอมทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อเหล่านายท่าน ทั้งน้องหมา-แมวทั้งหลายให้กินดีอยู่ดี สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยข้อมูลว่า ปี 2567 ตลาดการดูแลสัตว์เลี้ยงทั่วโลก มีมูลค่ากว่า 324,190 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าปี 2568 - 2576 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่7.03% หรือมีมูลค่าตลาด 597,510 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2576 (ที่มา: Precedence Research) สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงยังคงเป็นขยายตัวอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่แค่ไหน แต่เหล่าลูกรักต้องอยู่รอด “ทาสยอมอดแต่เจ้านายต้องได้กิน” สนค.วิเคราะห์ ว่า ชาวจีนนิยมเลี้ยงหมา-แมวเพิ่มขึ้น ปี2567 ดันให้ตลาดโตถึง 41,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ความต้องการอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น ซึ่งมีทั้งตลาดแบบกลุ่มพรีเมียมและราคาประหยัด นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า ปี2567 ตลาดผู้บริโภคสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว)ในจีนมีมูลค่าสูงถึง 41,900 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.5% โดยตลาดของสุนัข เพิ่มขึ้น 4.6% และตลาดแมว เพิ่มขึ้น 10.7% และอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง คิดเป็นสัดส่วน 52.8% ของการบริโภคทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในปี2567 โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นซัปพลายเออร์อาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ที่สุดในจีน ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 69% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวจีนยังคงนิยมอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมจากสหรัฐฯ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า อาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงอาหารแห้ง อาหารกึ่งชื้น ขนม และอาหารเสริม มีสัดส่วนเฉลี่ย 56.1% ของโครงสร้างตลาด และเฉพาะปี 2567 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีมูลค่า 22,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.2% แต่ถ้าดูตั้งแต่ปี 2557-2567 ตลาดนี้มีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่ 22.4% นอกจากนี้ปี 2566 เจ้าของสัตว์เลี้ยงในจีนมีจำนวนถึง 106 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากเมือง First Tier City และ Third Tier City ลงไป สัดส่วนเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเมือง First Tier City อยู่ที่ 29% ขณะที่ในเมือง Third Tier City ลงไปอยู่ที่ 30% โดยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองที่มีสัดส่วนเจ้าของสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขสูงที่สุด ขณะที่กว่างโจวและปักกิ่ง มีสัดส่วนเจ้าของแมวสูงที่สุด และจำนวนสัตว์เลี้ยงทั้งหมดในจีน ในปี 2024 อยู่ที่ 124.1 ล้านตัว โดยหลัก ๆ แบ่งเป็นแมว 71.5 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 2.5% และสุนัข 52.6 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 1.6% แมวเหมียว ครองใจทาสดันส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทยพุ่ง ด้านนางสาวนันท์นภัส งามแม้น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงของจีนและโอกาสการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย พบว่ามีความต้องการของผู้เลี้ยงสัตว์เพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้บริโภคอาหารสัตว์อย่าง อาหารแมวเริ่มมีจำนวนมากกว่าอาหารสุนัข สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคจีนให้ความนิยมกับการเลี้ยงแมวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมองว่าแมวต้องการการดูแลกลางแจ้งน้อยกว่าและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในเมือง ซึ่งต้องเผชิญข้อจำกัดด้านเวลาทำงานและพื้นที่อยู่อาศัย และความนิยมอาหารสัตว์ กลุ่มเจ้าของสุนัข นิยมอาหารแห้งอบ อาหารแช่แข็ง และอาหารสดเพิ่มขึ้น และกลุ่มเจ้าของแมวนิยมอาหารแห้งอบ และอาหารสด เพิ่มขึ้น ขณะที่ความนิยมในอาหารแช่แข็ง และอาหารที่ผ่านการอัดขึ้นรูป ลดลง โดยผู้บริโภคได้พัฒนาไปสองขั้ว คือ ตลาดอาหารสัตว์ระดับพรีเมียม เพราะตระหนักถึงโภชนาการและสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และราคาประหยัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์ แต่ยังต้องการอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งนิยมซื้ออาหารสัตว์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เช่น Taobao , Tmall และ JD.com แต่ TikTok ก็มีอัตราการเติบโตมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทย ควรพิจารณากลยุทธ์ที่เหมาะสม นอกจากผลิตสินค้าให้ดี มีมาตรฐานแล้ว เช่น การยกระดับคุณภาพสินค้าในกลุ่มราคาประหยัด หรือการเน้นเรื่องความแตกต่างในตลาดพรีเมียม และใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำตลาด ก็จะทำให้ขยายการส่งออกได้มากขึ้น นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดการดูแลสัตว์เลี้ยงทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง และบริการ ปี 2567 มีมูลค่ากว่า 324,190 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าระหว่างปี 2568 - 2576 จะมีอัตรากาcasino auto 189รเติบโตเฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ 7.03% หรือมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 597,510 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2576 (ที่มา: Precedence Research) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ขณะที่มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงทั่วโลก ในปี 2567 อยู่ที่ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าระหว่างปี 2568 - 2577 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 5.6% หรือ มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 6,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ปี 2577 ตลาดคาดว่าจะเติบโต เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเลี้ยงสัตว์ทั่วโลก ควบคู่ไปกับแนวโน้มที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น จากการศึกษาล่าสุดในช่วงปี 2566 – 2567 พบว่า 66% ของประชากรของสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง ในกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยง 50% นิยมซื้อสินค้าจากร้านค้าแบบดั้งเดิม และสองในสามของเจ้าของสัตว์เลี้ยงคำนึงถึงสัตว์เลี้ยงของตนเมื่อตัดสินใจด้านการเงิน (ที่มา: Global Market Insights) ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากเทรนด์ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanisation) และมีการพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับNeed Statesหรือความจำเป็นตามสภาวะ ในสุขภาพสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม โดยจัดประเภทความต้องการของสัตว์เลี้ยงตามช่วงวัย ตั้งแต่การพัฒนากระดูกในสัตว์เลี้ยงวัยอ่อน ไปจนถึงการช่วยเพิ่มความคล่องตัวสำหรับสัตว์เลี้ยงสูงวัย ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญในการการปรับกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง (ที่มา: Euromonitor) ทั้งนี้ปี 2567 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง (พิกัด 230910 และ 230990) อันดับ 6 ของโลก มูลค่าการส่งออก 3,004 ล้านเหรัยญสหรัฐ ขยายตัว23.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อิตาลี และมาเลเซีย มูลค่าการส่งออกสินค้าดังกล่าวของไทย คิดเป็นสัดส่วน 6.74% ของการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลก สำหรับประเทศผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ เยอรมนี มูลค่า 4,991 ล้านเหรียญสหรัฐ ,เนเธอร์แลนด์ มูลค่า 4,348 ล้านเหรียญสหรัฐ ,สหรัฐอเมริกา มูลค่า 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ,ฝรั่งเศส มูลค่า 3,644 ล้านเหรียญสหรัฐ และ จีน มูลค่า 3,095 ล้านเหรียญสหรัฐ (ที่มา: Global Trade Atlas) อย่างไรก็ตาม สนค. มองว่า เฉพาะอาหารสุนัขและแมว ในปี 2567 ไทยส่งออกอาหารสุนัขและแมว เป็นมูลค่า 2,686.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 94,344.5 ล้านบาท ขยายตัว 28.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญของไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา รองลงมาเป็น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อิตาลี และมาเลเซีย ในปี 2567 ไทยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมวอันดับที่ 2 ของโลก รองจากเยอรมนี และในปี 2566 ไทยอยู่อันดับที่ 4 รองจากเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา โดยมีสัดส่วน5.5% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมวทั่วโลก ขณะที่เยอรมนี ผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมวอันดับที่ 1 ของโลก มีสัดส่วน 6.8% สำหรับจุดแข็งสินค้าอาหารสัตว์ไทย คือ มีต้นทุนทางการผลิตที่ต่ำกว่าประเทศคู่แข่งที่สำคัญ โดยเฉพาะต้นทุนด้านแรงงาน อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญในการผลิต เนื่องจากการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงบางส่วนขยายกิจการ เพิ่มสายการผลิตมาจากการผลิตปลาทูน่ากระป๋อง ทำให้ผู้ผลิตสามารถต่อยอดความเชี่ยวชาญทั้งด้านการผลิตและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการเพิ่มสายการผลิตยังช่วยลดต้นทุนการผลิต (Economies of Scope) ถือได้ว่า ไทยเป็นผู้ผลิตหลักสินค้าสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง นอกจากนี้ FTA เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการขยายการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย โดยปัจจุบันสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยทุกรายการไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้าใน 15 ประเทศที่ไทยมี FTA ได้แก่ ประเทศสมาชิกอาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง มีเพียงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ยังคงการเก็บภาษีนำเข้าจากไทยในบางรายการสินค้า อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การเจาะตลาดอาหารสัตว์ที่ภาคเอกชน และรัฐบาลต้องให้ความสำคัญ คือ พัฒนาสินค้าเก่ารุกตลาดดาวรุ่ง เร่งขยายการส่งออกไปจีน ปัจจุบันไทยเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับที่ 2 ของจีน รวมถึงการเพิ่มสินค้าระดับพรีเมี่ยม เน้นวัตถุดิบภายในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็น "ผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมี่ยม" เปลี่ยนการส่งออกที่เน้นแข่งขันด้วยราคา แต่ให้ความสำคัญต่อคุณค่าทางอาหารที่สูงขึ้น พร้อมยกระดับมาตรฐานให้สามารถเป็น ที่ปรึกษาด้านธุรกิจสัตว์เลี้ยง และต่อยอดการขยายตลาดไปยังประเทศที่มีกำลังซื้อสูง เช่น ประเทศจีน ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการบริโภคและขยายโอกาสของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่กว้างขึ้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมความหวังของไทยที่จะช่วยให้การส่งออกไทยขยายตัวตามเป้าที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ 2-3% ท่วมกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวนและอยู่บนความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของประเทศต่างๆ อ่านข่าว: สนค.ปักหมุดสินค้าไทยรุกตลาดจีน เปิดคิดค้า Briefingเจาะลึกรายมณฑล 3 ปีสงครามรัสเซีย-ยูเครน "ความหวัง-สันติภาพ" ดันเศรษฐกิจไทย มาตรการภาษีสหรัฐฯ เขย่าส่งออกไทย กกร.ห่วงศก.ไทยเผชิญเสี่ยงสูง
ปัจจุบันจะเห็นว่า คนทั่วโลก เริ่มแต่งงานช้าลง ไม่มีลูก แต่หันมาให้ความรักกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ยอมทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อเหล่านายท่าน ทั้งน้องหมา-แมวทั้งหลายให้กินดีอยู่ดี สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ก