วันที่ 12 พ.ย.2565 เกิดเหตุเครื่องบินสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ลำหนึ่งชนกับเครื่องบินอีกลำ ก่อนจะร่วงยู ฟ่า 88 s
วันนี้ (19 ต.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ ระบุว่า มีการยิงขีปนาวุธออกจากท่าเรือซินโปของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลา 10.17 น.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งท่าเรือดังกล่าว
พระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่เสร็จสิ้นลง ฉายภาพให้ทั่วโลกเห็นถึงความอาลัยของชาวอังกฤษต่อพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ได้เป็นอย่างดีภาพของประชาชนที่ยืนเรียงรายอยู่ริมสองฝั่งถนนตลอดเส้นทางการเคลื่อนหีบพระบรมศพไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เราคุ้นตากันดีในช่วงกว่า 10 วัน ที่ยู ฟ่า 88 sผ่านมา ซึ่งไม่ต่างจากบรรยากาศการแสดงความอาลัย ทั้งต่อหน้าหีบพระบรมศพและการวางดอกไม้เพื่อรำลึกถึงพระองค์ตามพระราชวัง หรือสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นที่เคารพรักของพสกนิกรจำนวนมาก สอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นในอดีตเรื่อยมา อย่างเช่น เมื่อช่วงต้นปี ผลสำรวจคะแนนนิยมของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่จัดทำโดย YouGov องค์กรสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทางออนไลน์ ชี้ให้เห็นว่า พระองค์ทรงได้รับคะแนนนิยมมากถึงร้อยละ 75 หรือคิดเป็น 3 ใน 4 ของทั้งประเทศ และการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระราชินีนาถฯ ส่งผลให้คะแนนนิยมในตัวสมาชิกราชวงศ์เพิ่มสูงขึ้นทุกพระองค์ ผลสำรวจเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงมีคะแนนนิยมสูงที่สุดในหมู่พระราชวงศ์ ตามมาด้วยเจ้าหญิงเคท พระชายา ซึ่งตามปกติ ทั้ง 2 พระองค์ ทรงได้รับคะแนนสูงอยู่แล้ว เนื่องจากถูกมองว่า ทรงเป็นตัวแทนของความเป็นสมัยใหม่ของราชวงศ์อังกฤษ แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดคงหนีไม่พ้น กษัตริย์พระองค์ใหม่ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ที่ทรงมีคะแนนเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนพฤษภาคม ถึงร้อยละ 16 ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมด ผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของราชวงศ์อังกฤษ มองว่า 1 ในปัจจัยเสริมสำคัญ คือ พระราชดำรัสของพระองค์หลังเสด็จขึ้นครองราชย์ เนื่องจากทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในพระองค์ และเชื่อว่าพระองค์จะทรงทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ ชาวอังกฤษจำนวนมากยังชื่นชมในภาวะความเป็นผู้นำและการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ของพระองค์ หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต ซึ่งคะแนนนิยมนี้สูงแซงหน้า ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศเสียอีกแม้ว่ากระแสนิยมราชวงศ์อังกฤษ รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะดีดตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่คำถามสำคัญ คือ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพรวมตลอดหลายปีที่ผ่านมา คะแนนนิยมดังกล่าวลดลงแม้จะยังเกินครึ่งหนึ่งอยู่ก็ตาม รายงานผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่ม British Future ซึ่งเป็นกลุ่ม Think Tank ในอังกฤษ เสนอความท้าทายสำคัญที่ราชวงศ์อังกฤษกำลังเผชิญในขณะนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน นั่นคือ สกอตแลนด์ กลุ่มชาติพันธุ์ และคนรุ่นใหม่ สกอตแลนด์ ภายใต้รัฐบาลของ นิโคลา สเตอร์เจียน ประกาศเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อจัดการลงประชามติแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรอีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2014 ชาวสกอต ร้อยละ 55 ลงคะแนนคัดค้านการแยกตัว แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลัก คือ การที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง มองว่า กลุ่มชาติพันธุ์และคนรุ่นใหม่ อาจไม่ได้รู้สึกผูกพันกับพระราชวงศ์เหมือนเช่นคนรุ่นเก่า แต่ชาวอังกฤษเกินครึ่งก็ยังคงเชื่อมั่นถึงบทบาทของราชวงศ์ ในการประสานความต่างในสังคม และสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทั้งประเทศ ความสนใจในประเด็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ประการหนึ่งเช่นกัน แต่การขับเคลื่อนประเด็นนี้จะซื้อใจประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนต้องให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
วันนี้ (27 พ.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจเฟซบุ๊กสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนมิจฉาชีพ ที่สวมรอย
ยู ฟ่า 88 s -Dampingi Ibu Gantikan Ayah yang Wafat
วันที่ 12 พ.ย.2565 เกิดเหตุเครื่องบินสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ลำหนึ่งชนกับเครื่องบินอีกลำ ก่อนจะร่วงยู ฟ่า 88 s
วันนี้ (19 ต.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ ระบุว่า มีการยิงขีปนาวุธออกจากท่าเรือซินโปของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลา 10.17 น.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งท่าเรือดังกล่าว
พระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่เสร็จสิ้นลง ฉายภาพให้ทั่วโลกเห็นถึงความอาลัยของชาวอังกฤษต่อพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ได้เป็นอย่างดีภาพของประชาชนที่ยืนเรียงรายอยู่ริมสองฝั่งถนนตลอดเส้นทางการเคลื่อนหีบพระบรมศพไปยังพระราชวังวินด์เซอร์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เราคุ้นตากันดีในช่วงกว่า 10 วัน ที่ยู ฟ่า 88 sผ่านมา ซึ่งไม่ต่างจากบรรยากาศการแสดงความอาลัย ทั้งต่อหน้าหีบพระบรมศพและการวางดอกไม้เพื่อรำลึกถึงพระองค์ตามพระราชวัง หรือสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นที่เคารพรักของพสกนิกรจำนวนมาก สอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นในอดีตเรื่อยมา อย่างเช่น เมื่อช่วงต้นปี ผลสำรวจคะแนนนิยมของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่จัดทำโดย YouGov องค์กรสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทางออนไลน์ ชี้ให้เห็นว่า พระองค์ทรงได้รับคะแนนนิยมมากถึงร้อยละ 75 หรือคิดเป็น 3 ใน 4 ของทั้งประเทศ และการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระราชินีนาถฯ ส่งผลให้คะแนนนิยมในตัวสมาชิกราชวงศ์เพิ่มสูงขึ้นทุกพระองค์ ผลสำรวจเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงมีคะแนนนิยมสูงที่สุดในหมู่พระราชวงศ์ ตามมาด้วยเจ้าหญิงเคท พระชายา ซึ่งตามปกติ ทั้ง 2 พระองค์ ทรงได้รับคะแนนสูงอยู่แล้ว เนื่องจากถูกมองว่า ทรงเป็นตัวแทนของความเป็นสมัยใหม่ของราชวงศ์อังกฤษ แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดคงหนีไม่พ้น กษัตริย์พระองค์ใหม่ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ที่ทรงมีคะแนนเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนพฤษภาคม ถึงร้อยละ 16 ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมด ผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของราชวงศ์อังกฤษ มองว่า 1 ในปัจจัยเสริมสำคัญ คือ พระราชดำรัสของพระองค์หลังเสด็จขึ้นครองราชย์ เนื่องจากทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในพระองค์ และเชื่อว่าพระองค์จะทรงทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ ชาวอังกฤษจำนวนมากยังชื่นชมในภาวะความเป็นผู้นำและการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ของพระองค์ หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต ซึ่งคะแนนนิยมนี้สูงแซงหน้า ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศเสียอีกแม้ว่ากระแสนิยมราชวงศ์อังกฤษ รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะดีดตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่คำถามสำคัญ คือ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพรวมตลอดหลายปีที่ผ่านมา คะแนนนิยมดังกล่าวลดลงแม้จะยังเกินครึ่งหนึ่งอยู่ก็ตาม รายงานผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่ม British Future ซึ่งเป็นกลุ่ม Think Tank ในอังกฤษ เสนอความท้าทายสำคัญที่ราชวงศ์อังกฤษกำลังเผชิญในขณะนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน นั่นคือ สกอตแลนด์ กลุ่มชาติพันธุ์ และคนรุ่นใหม่ สกอตแลนด์ ภายใต้รัฐบาลของ นิโคลา สเตอร์เจียน ประกาศเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อจัดการลงประชามติแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรอีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2014 ชาวสกอต ร้อยละ 55 ลงคะแนนคัดค้านการแยกตัว แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลัก คือ การที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง มองว่า กลุ่มชาติพันธุ์และคนรุ่นใหม่ อาจไม่ได้รู้สึกผูกพันกับพระราชวงศ์เหมือนเช่นคนรุ่นเก่า แต่ชาวอังกฤษเกินครึ่งก็ยังคงเชื่อมั่นถึงบทบาทของราชวงศ์ ในการประสานความต่างในสังคม และสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทั้งประเทศ ความสนใจในประเด็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ประการหนึ่งเช่นกัน แต่การขับเคลื่อนประเด็นนี้จะซื้อใจประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนต้องให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
วันนี้ (27 พ.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจเฟซบุ๊กสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนมิจฉาชีพ ที่สวมรอย