วันนี้ (14 ก.พ.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประ

กรณีเพจเฟซบุ๊กกระดาน บอกบุญ หล่อพระ โพสต์ข้อความเชิญชวนว่า ไถ่ชีวิตงู 500 ชีวิตขอคนละแชร์เนื้อหาระบุว่า ครั้งเดียวครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลายร้อยปี ช่วยชีวิตงูท้อง 500 ชีวิต จากการโดนฆ่าเป็นอาหาร ใช้ง
ด้วยความพยายามของนักอนุรักษ์ ทำให้พวกเขาได้กลับมาโบยบินกลางทุ่งนา อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อีกครั้ง ปัจจุบันมีนกกระเรียนพันธุ์ไทยอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ (ข้อมูลจากมูลน
ด้วยความพยายามของนักอนุรักษ์ ทำให้พวกเขาได้กลับมาโบยบินกลางทุ่งนา อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อีกครั้ง ปัจจุบันมีนกกระเรียนพันธุ์ไทยอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ (ข้อมูลจากมูลนิธิสืบนาคะเสถียร) "หมาย ไม้เรียว" ช่างภาพธรรมชาติ เฝ้าบันทึกภาพลีลาอันงดงามของกระเรียนไทย มาฝาก พร้อมบันทึกในเพจของเขาว่า การถ่ายภาพธรรมชาติ ชีวิตมันเหมือนชีพจรลงเท้าจริง ๆ ไปช้ากว่านี้ลูกนกโต ต้นหญ้า ต้นข้าวในนาสูงท่วมตัวนก โอกาสที่จะถ่ายภาพครอบครัวนกกระเรียนพันธ์ไทยแบบนี้ค่อนข้างยากมาก มีโอกาสก็ต้องไป ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว บางครั้งภาพที่เราอยากได้แสงเช้ากับนกในหัว ก็ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง ไม่มีแสงเช้าฝนตกตลอดทั้งคืน เช้ามาก็ยังไม่หยุด สถานการณ์มันจะสอนให้เราเกิดประสบการณ์ในการถ่ายภาพท่ามกลางสายฝน อุปกรณ์ต้องพร้อม เสื้อกันฝน ผ้าคุมกล้อง รองเท้าบูท แต่ผมลืม ขอขอบคุณมิตรภาพจากพี่ๆ ด้วยที่ให้ยืมเสื้อกันฝน ถุงดำเอามาเจาะรูคุมกล้องคุมเลนส์ ไม่งั้นอดได้ภาพนกกระเรียนพันธ์ไทย ขอขอบคุณจากใจจริง ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทยเคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติของไทยไปแล้ว แต่ด้วยความพยายามของนักอนุรักษ์ ทำให้พวกเขาได้กลับมาโบยบินกลางทุ่งอีกครั้ง ปัจจุบันมีนกระเรียนพันธุ์ไทยอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และสามารถขยายพันธุ์ได้เองจำนวน 102 ตัว การหายไปของนกกระเรียนพันธุ์ไทยส่วนหนึ่งเกิดจากการพัฒนาและการขยายตัวของเมือง วิถีชีวิตของผู้คนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง มีการทำเกษตรที่ใช้สารเคมี ทำให้พื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งเสื่อมโทรม รวมไปถึงการล่าในอดีต สิ่งเหล่านี้ต่างรบกวนการใช้ชีวิตของพวกเขา ทำให้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้ถูกระบุเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในธรรมชาติของไทย ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว โครงการนำนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติ ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2525 ในช่วงนั้นมีการร่วมมือระหว่างไทยกับมูลนิธิอนุรักษ์นกกระเรียนสากล (International Crane Foundation) ต่อมาในปี 2533 สวนสัตว์โคราชเริ่มมีการขยายพันธุ์แบบธรรมชาติและการผสมพันธุ์เทียม จากจำนวนพ่อแม่พันธุ์ตั้งต้นจำนวน 33 ตัว ได้ลูกนกที่รวมพ่อแม่พันธุ์ในกรงเลี้ยงทั้งหมดประมาณ 100 ตัว ภายในปี 2552 แม้การเพาะขยายพันธุ์จะสำเร็จ แต่เป้าหมายหลักในครั้งนี้ ไม่ใช่การเพิ่มจำนวนของลูกนกในกรงเลี้ยง แต่เป็นการพานกกระเรียนพันธุ์ไทย ให้กลับมาโบยบินในธรรมชาติอีกครั้ง ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ปี 2554 องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และสวนสัตว์โคราช ได้ปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทย กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นครั้งแรก 10 ตัว เป็นลูกนกกระเรียน อายุประมาณ 1 ปี โดยพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมคือ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก และอ่างเก็บน้ำสนามบิน จ.บุรีรัมย์ ทั้ง 2 พื้นที่ ถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของนกหลายชนิด และมีภาพถ่ายยืนยันว่า จังหวัดบุรีรัมย์เคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของนกกระเรียนพันธุ์ไทยในอดีต ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว จากการปล่อยลูกนกในปีนั้นพบว่า ไม่ประสบผลสำเร็จ ลูกนกอยู่รอดได้ประมาณ 1-2 ปี เท่านั้น เนื่องจากเป็นการปล่อยลูกนกครั้งแรก องค์ความรู้และเทคนิคต่าง ๆ ของนักวิจัยจึงมีไม่มากมาก ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในปีนั้น ทำให้การติดตามทำได้ยากขึ้นจึงไม่สามารถเข้าไปดูแลลูกนกได้ โครงการได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในทุก ๆ ปีจะมีการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยประมาณ 10-15 ตัว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา ได้มีการปล่อยเพิ่มอีกจำนวน 14 ตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ปล่อยไปแล้ว 119 ตัว รวมเป็น 133 ตัว จากการติดตามพบว่า โอกาสรอดของลูกนกสูงถึง 70% และคาดว่ามีนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่อาศัยในธรรมชาติจริง ๆ จำนวน 102 ตัว นกกระเรียนพันธุ์ไทยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในนาข้าวเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% การหาจุดบาลานซ์ระหว่างนกกระเรียนไทยกับชาวนาจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ขอบคุณภาพ : หมาย ไบอล ยู ฟ่า เมื่อ คืน นี้ม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว จากความร่วมมือกับท้องถิ่นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านมีความเข้าใจเรื่องนกกระเรียนพันธุ์ไทยมากขึ้น นาข้าวที่ได้รับความเสียหายจากการย่ำเท้าของนกกระเรียนก็จะมีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบ โดยส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านในบริเวณโดยรอบเอง ได้เปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อหาจุดสมดุลทางธรรมชาติที่คนและสัตว์จะอาศัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนได้อย่างยั่งยืน
วันนี้ (20 มี.ค.2567) สถานการณ์ฝนตกหนักใน กทม.และปริมณฑลตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาจนถึงเวลา 09.15 น.สำ
กรณีมีการขยายผลการจับกุมเครือข่ายขนกัญชาข้ามชาติที่มีผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 13 คน ประกอบด้วย สัญชาติอั
วันนี้ (23 ต.ค.2564) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไก
ด้วยความพยายามของนักอนุรักษ์ ทำให้พวกเขาได้กลับมาโบยบินกลางทุ่งนา อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อีกครั้ง ปัจจุบันมีนกกระเรียนพันธุ์ไทยอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ (ข้อมูลจากมูลนิธิสืบนาคะเสถียร) "หมาย ไม้เรียว" ช่างภาพธรรมชาติ เฝ้าบันทึกภาพลีลาอันงดงามของกระเรียนไทย มาฝาก พร้อมบันทึกในเพจของเขาว่า การถ่ายภาพธรรมชาติ ชีวิตมันเหมือนชีพจรลงเท้าจริง ๆ ไปช้ากว่านี้ลูกนกโต ต้นหญ้า ต้นข้าวในนาสูงท่วมตัวนก โอกาสที่จะถ่ายภาพครอบครัวนกกระเรียนพันธ์ไทยแบบนี้ค่อนข้างยากมาก มีโอกาสก็ต้องไป ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว บางครั้งภาพที่เราอยากได้แสงเช้ากับนกในหัว ก็ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง ไม่มีแสงเช้าฝนตกตลอดทั้งคืน เช้ามาก็ยังไม่หยุด สถานการณ์มันจะสอนให้เราเกิดประสบการณ์ในการถ่ายภาพท่ามกลางสายฝน อุปกรณ์ต้องพร้อม เสื้อกันฝน ผ้าคุมกล้อง รองเท้าบูท แต่ผมลืม ขอขอบคุณมิตรภาพจากพี่ๆ ด้วยที่ให้ยืมเสื้อกันฝน ถุงดำเอามาเจาะรูคุมกล้องคุมเลนส์ ไม่งั้นอดได้ภาพนกกระเรียนพันธ์ไทย ขอขอบคุณจากใจจริง ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทยเคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติของไทยไปแล้ว แต่ด้วยความพยายามของนักอนุรักษ์ ทำให้พวกเขาได้กลับมาโบยบินกลางทุ่งอีกครั้ง ปัจจุบันมีนกระเรียนพันธุ์ไทยอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และสามารถขยายพันธุ์ได้เองจำนวน 102 ตัว การหายไปของนกกระเรียนพันธุ์ไทยส่วนหนึ่งเกิดจากการพัฒนาและการขยายตัวของเมือง วิถีชีวิตของผู้คนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง มีการทำเกษตรที่ใช้สารเคมี ทำให้พื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งเสื่อมโทรม รวมไปถึงการล่าในอดีต สิ่งเหล่านี้ต่างรบกวนการใช้ชีวิตของพวกเขา ทำให้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้ถูกระบุเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในธรรมชาติของไทย ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว โครงการนำนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติ ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2525 ในช่วงนั้นมีการร่วมมือระหว่างไทยกับมูลนิธิอนุรักษ์นกกระเรียนสากล (International Crane Foundation) ต่อมาในปี 2533 สวนสัตว์โคราชเริ่มมีการขยายพันธุ์แบบธรรมชาติและการผสมพันธุ์เทียม จากจำนวนพ่อแม่พันธุ์ตั้งต้นจำนวน 33 ตัว ได้ลูกนกที่รวมพ่อแม่พันธุ์ในกรงเลี้ยงทั้งหมดประมาณ 100 ตัว ภายในปี 2552 แม้การเพาะขยายพันธุ์จะสำเร็จ แต่เป้าหมายหลักในครั้งนี้ ไม่ใช่การเพิ่มจำนวนของลูกนกในกรงเลี้ยง แต่เป็นการพานกกระเรียนพันธุ์ไทย ให้กลับมาโบยบินในธรรมชาติอีกครั้ง ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ปี 2554 องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และสวนสัตว์โคราช ได้ปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทย กลับคืนสู่ธรรมชาติเป็นครั้งแรก 10 ตัว เป็นลูกนกกระเรียน อายุประมาณ 1 ปี โดยพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมคือ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก และอ่างเก็บน้ำสนามบิน จ.บุรีรัมย์ ทั้ง 2 พื้นที่ ถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของนกหลายชนิด และมีภาพถ่ายยืนยันว่า จังหวัดบุรีรัมย์เคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของนกกระเรียนพันธุ์ไทยในอดีต ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว จากการปล่อยลูกนกในปีนั้นพบว่า ไม่ประสบผลสำเร็จ ลูกนกอยู่รอดได้ประมาณ 1-2 ปี เท่านั้น เนื่องจากเป็นการปล่อยลูกนกครั้งแรก องค์ความรู้และเทคนิคต่าง ๆ ของนักวิจัยจึงมีไม่มากมาก ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในปีนั้น ทำให้การติดตามทำได้ยากขึ้นจึงไม่สามารถเข้าไปดูแลลูกนกได้ โครงการได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในทุก ๆ ปีจะมีการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยประมาณ 10-15 ตัว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา ได้มีการปล่อยเพิ่มอีกจำนวน 14 ตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ปล่อยไปแล้ว 119 ตัว รวมเป็น 133 ตัว จากการติดตามพบว่า โอกาสรอดของลูกนกสูงถึง 70% และคาดว่ามีนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่อาศัยในธรรมชาติจริง ๆ จำนวน 102 ตัว นกกระเรียนพันธุ์ไทยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในนาข้าวเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% การหาจุดบาลานซ์ระหว่างนกกระเรียนไทยกับชาวนาจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ขอบคุณภาพ : หมาย ไบอล ยู ฟ่า เมื่อ คืน นี้ม้เรียว ขอบคุณภาพ : หมาย ไม้เรียว จากความร่วมมือกับท้องถิ่นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านมีความเข้าใจเรื่องนกกระเรียนพันธุ์ไทยมากขึ้น นาข้าวที่ได้รับความเสียหายจากการย่ำเท้าของนกกระเรียนก็จะมีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบ โดยส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านในบริเวณโดยรอบเอง ได้เปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อหาจุดสมดุลทางธรรมชาติที่คนและสัตว์จะอาศัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนได้อย่างยั่งยืน
วันนี้ (19 ก.พ.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระม