วิเคราะห์บอล ยูเวนตุส เอซี มิลาน-เว็บ หวย-pg slot vip pg slot vip

เครดิตฟรี ไม่ต้องฝากก่อน 2021

ทันทีที่เสียงระฆังหมดยกเบาลง คนไทยทั้งในและนอกสนามแทบหยุดหายใจ "แต้ว" สุดาพร สีสอนดี แย็บขวาเปิดทาง ฮุกซ้ายเข้าเป้า แลกกันคนละหมัดกับ "เคลลี แฮร์ริงตัน" นักชกจากไอร์แลนด์อย่างสูสี แม้จะพ่ายด้วยคะแนนเส

วันนี้ (17 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผ่านมาแล้วกว่า 10 ชั่วโมง สำหรับการประชุมรัฐสภาอภิปรายโหว

เหตุน้ำท่วมใน จ.ภูเก็ต จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 นอกจากจะสร้างความเสียหายกับประชาชนกว่า 740 ครัวเรือน ใน อ.ถลาง และ อ.กระทู้ แล้ว ... ยังอาจจะถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนครั้งใหญ่ไปยังชาวภูเก็ตว่า เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ อาจเกิดขึ้นได้อีกต่อไป ถ้ายังไม่วิเคราะห์ปัญหาและเร่งแก้ไขให้ถูกจุด ทั้งที่ภูเก็ตเป็นเกาะ ถูกล้อมรอบด้วยทะเล สภาพภูมิประเทศมีลักษณะเป็นพื้นที่ลาดชันจากภูเขาลงสู่ทะเล...ควรจะระบายน้ำได้เร็ว...แต่กลับถูกน้ำท่วมหนักแทบทุกครั้งที่มีฝนตกหนักในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา...จนกลายเป็นคำถามใหญ่ว่า "เกิดอะไรขึ้นกับภูเก็ต" เมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของไทย "ความเจริญขวางทางน้ำ" และ "ฝน เปลี่ยนไป" เป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ที่นักวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำ และองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานในพื้นที่ภูเก็ตมาอย่างยาวนาน ให้ความเห็นตรงกัน "30 มิถุนายน 2567 ฝนตกที่ภูเก็ตหนักมาก" วรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) เปิดเผยตัวเลขปริมาณน้ำฝนรายชั่วโมง ในช่วงเช้าวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ จ.ภูเก็ต จากสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ ของ สสน. ที่อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ โดยระบุว่า มีฝนตกหนักมากต่อเนื่องติดกันเป็นช่วงเวลาถึง 4 ชั่วโมง "ปริมาณฝนที่ทำให้น้ำท่วมภูเก็ตเช้าวันที่ 30 มิ.ย.67 เป็นฝนที่ตกหนักมากๆ โดยฝนตกมีความเข้มสูงมากต่อเนื่องติดกันถึง 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ 6.00-9.00 น. โดยเฉพาะในช่วงเวลา 6.00 น. มีปริ มาณฝนต่อชั่วโมงสูงถึง 94.4 มิลมิเมตร และในช่วง 8.00น. ยังมีปริมาณน้ำฝนต่อชั่วโมงสูงสุดไปถึง 96.8 มิลลิเมตร ซึ่งหมายความว่า มีช่วงที่ฝนตกหนักมากซ้ำลงมา ณ จุดเดิม ถึง 2 ช่วงในเวลาใกล้เคียงกันมาก และเมื่อดูปริมาณฝนตกสะสมภายใน 4 ชั่วโมงนี้ (6.00-9.00น.) พบว่า มีปริมาณฝนรวมกว่า 320 มม. ปริมาณฝนขนาดนี้ตกที่ไหนก็น้ำท่วมน้ำหลาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่สร้างเมืองสร้างความเจริญขวางทางน้ำอย่าง กมลา บางเทา ป่าตอง ที่ทางระบายน้ำเหลือแค่รูเล็กๆ เท่านั้น" วรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผอ.ฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ วรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผอ.ฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ วรรธนศักดิ์ บอกว่า ปริมาณน้ำฝนต่อชั่วโมงเกินกว่า 90 มิลลิเมตร ถือว่า ฝนตกหนักมาก โดยสถิติปริมาณน้ำฝนต่อชั่วโมงสูงที่สุดของประเทศไทย คือ 120 มิลลิเมตร ก็เกิดขึ้นที่ จ.ภูเก็ตเช่นกัน ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า สภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อาจส่งผลทำให้เกิดรูปแบบของฝนตกหนัก และตกแช่อยู่ในจุดเดิมได้บ่อยมากขึ้น ในพื้นที่จังหวัดฝั่งทะเลอันดามันของไทย โดยเฉพาะ ภูเก็ตที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะ ดังนั้นการเปลี่ยนรูปแบบของฝน จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อนำมาวางแผนรับมืออุทกภัยที่จะเกิดขึ้นอีกแน่ ๆ โดยเฉพาะเมื่อเส้นทางระบายน้ำมีปัญหา ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำที่อาจมาจากการพัฒนาเมือง วรรธนศักดิ์ ย้ำว่า ยังเป็นเพียงการวิเคราะห์คร่าวๆจากสภาพผังเมืองที่เห็นกว้างๆ แต่ก็ช่วยทำให้เห็นภาพได้ว่า ทาง จ.ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจมีความจำเป็นที่จะต้องนำผังเมืองในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจุดต่างๆมาเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์กันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะแก้ปัญหาได้ยากไปกว่านี้ "ควรจะต้องทำการวิเคราะห์ไล่ลงมาตั้งแต่สภาพพื้นที่บนภูเขา พื้นที่ลาดชัน ว่ามีความเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดน้ำหลากมากขึ้นหรือไม่ ไล่ลงมาถึงในเขตชุมชนว่ามีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นมากีดขวางทางน้ำหรือไม่ ทางระบายน้ำหายไป แคบ หรือ ตื้นเขินขึ้นหรือไม่ ไล่ไปจนถึงทางออกสู่ทะเล" วรรธนศักดิ์ ยกตัวอย่าง พื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการรองรับปริมาณน้ำฝนต่อชั่วโมงได้สูงที่สุด คือ 60 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งคำนวณได้ เพราะต้องอาศัยการระบายน้ำผ่านระบบระบายน้ำเท่านั้น "กทม. มีลักษณะแบนราบคล้ายกระดาน เมื่อฝนตกลงมา น้ำจะกระจายออกเป็นวงกว้างและรอให้น้ำไหลลงสู่ระบบท่อ แต่ถ้าจำเป็นจะต้องเร่งระบายน้ำใน กทม. ซึ่งแบนราบ ต้องใช้วิธีการสูบน้ำจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ต่อกันไปเรื่อยๆ โดยเครื่องสูบน้ำมีศักยภาพสูบได้ทันในกรณีที่ฝนตกไม่เกินชั่วโมงละ 60 มิลลิเมตร ดังนั้น จึงบอกได้ว่า กทม.มีศักยภาพระบายน้ำได้เท่านี้ ...แต่ที่ จ.ภูเก็ต ยังจำ เป็นต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ เพื่อนำมาคำนวณหาศักยภาพในการระบายน้ำ" ผอ.ฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ย้ำว่า แม้การแก้ปัญหาการระบายน้ำของ จ.ภูเก็ต จะดูเหมือนเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ แต่การจะแก้ปัญหาให้ถูกจุด จำเป็นต้องนำข้อมูลและข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ และต้องระวังด้วยว่า การแก้ปัญหาที่จุดหนึ่ง อาจไปสร้างปัญหาใหม่ตามขึ้นมาอีก พร้อมยกตัวอย่างการขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ที่ อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งเป็นคลองที่ทั้งกว้างและลึก แม้จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูน้ำหลากได้จริง แต่กลับไปสร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวงในฤดูแล้ง เพราะความกว้างและลึกของคลองทำให้ไปดึงน้ำใต้ดินให้ไหลลงมาที่คลองจนน้ำแห้งหมด กลายเป็นปัญหาภัยแล้ง พื้นที่ 6 หมู่บ้าน ใน ต.กมลา อ.กระทู้ เป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบภัยอย่างหนัก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีรายงานว่าผู้ประสบภัยประมาณ 50 ครัวเรือน "หมู่บ้านในกมลา เป็นหมู่บ้านที่อยู่กลางหุบเขา ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างภูเขากับทะเล และระหว่างทางที่น้ำไหลลงมาจากภูเขา ก็มีโครงการก่อสร้างใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งบ้านจัดสรร โรงแรม อาคารพาณิชย์ ซึ่งพื้นที่ก่อสร้างเหล่านี้ ล้วนแต่เคยเป็นที่นา สวนมะพร้าว เป็นขุมเหมืองเก่า หรือเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่รองรับน้ำมาก่อน เมื่อถูกถมไปก่อสร้าง ก็ทำให้ทางระบายน้ำหายไป เกิดน้ำท่วมหนักขึ้น ทั้งที่จากภูเขาลงมาถึงทะเล มีระยะทางเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น" ธนู แนบเนียร ผอ.องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) ธนู แนบเนียร ผอ.องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) ธนู แนบเนียร ผู้อำนวยการองค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน (ARR) ซึ่งเป็นชาว จ.ภูเก็ต และทำงานในพื้นที่ภูเก็ตมาหลายสิบปี ให้ข้อมูลสำคัญในพื้นที่ ต.กมลา เพื่อยืนยันสมมติฐานของผอ.ฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.) คือ "พื้นที่แบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดทั้งปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง มีทั้งกมลา ป่าตอง ซึ่งเป็นชุมชนตั้งอยู่ในหุบเขาเหมือนกัน ยังมีพื้นที่อื่นที่น้ำท่วมบ่อย คือ ชุมชนบางเทา ชุมชนไม้ขาว (ใกล้สนามบิน) ทั้งหมดล้วนแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่มีข้อมูล ว่า มีการซื้อที่ดินไว้ หลายแปลง เพื่อเก็งกำไร และระหว่างนี้ ก็ถูกพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์ไปก่อน แม้ว่าภูเก็ตจะยังไม่มีความต้องการที่พักเพิ่มมากขึ้นก็ตาม จริงๆมันโอเวอร์ซัพพลายด้วยซ้ำ" ผอ.องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน ยืนยันว่า หน่วยงานและองค์กรต่างๆใน จ.ภูเก็ต ต่างก็รับรู้ถึงปัญหานี้กันมาระยะหนึ่งแล้ว และในรัฐบาลก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหาแนวทางแก้ไข แต่ก็ยังใช้กลไกแบบเดิมๆ การดำเนินการจากกำหนดเป็นนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการลงมาที่ระดับจังหวัดและกระจายคำสั่งไปยังท้องถิ่น จึงมีกิจกรรมออกมาในรูปแบบการจัดประชุม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ซึ่งไม่สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือเกิดการแก้ปัญหาใดๆ ควรจะต้องใช้รูปแบบการกระจายอำนาจและกระจายภารกิจให้เริ่มตั้งต้นจากท้องถิ่น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์ "ถ้าไม่กระจายอำนาจ แค่จะขุดลอกคลองก็ทำได้ช้าแล้ว เพราะขออนุญาต กลับไป กลับมา ระหว่างท้องถิ่น กลับไปถึงผู้บริหารหน่วยงาน และปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นการก่อสร้างอลังหาริมทรัพย์ขวางทางน้ำ ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่า เป็นเพราะอำนาจการอนุญาตไปอยู่ที่ส่วนกลาง ดังนั้นเราจึงควรต้องเปลี่ยนมาเป็นการบริหารจัดการอย่างบูรณาการเชิงพื้นที่ คือ ใช้หน่วยงานท้องถิ่นเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา จากนั้นจึงไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมทำงานในจุดที่เกี่ยวข้อง” "กรณีการขออนุญาตก่อสร้างก็ไปขึ้นอยู่กับผังเมือง ซึ่งเขาก็อนุญาตหมด ถ้าเอกชนมาขออย่างถูกต้อง กรณีนี้ ทำให้เราเห็นได้ว่า เราจะใช้ระบบผังเมืองรวมอย่างเดียวไม่ได้ แต่ควรมี ผังเมืองเฉพาะ เช่น ผังเมืองเฉพาะกมลา ป่าตอง บางเทา ไม้ขาว เพื่อให้ชุมชนช่วยชี้ได้ว่า การอนุญาตก่อสร้างโครงการต่างๆ จะไปส่งผลกระทบต่อทางระบายน้ำอย่างไรบ้าง" ธนู ยกตัวอย่าง ให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ต่างกันระหว่างการใช้ผังเมืองรวมกับผังเมืองเฉพาะ ความเห็นของธนู สอดคล้องกับวรรธนศักดิ์ เกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้ฝนตกในพื้นที่ภูเก็ตและชายฝั่งทะเลอันดามันเปลี่ยนไปจากในอดีต จึงเน้นย้ำว่า การตั้งต้นจะแก้ปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลากในภูเก็ต จะต้องทบทวนข้อมูลกันใหม่ทั้งหมด โดยมีเรื่อง Climate Change เป็นฐานข้อมูลที่สำคัญด้วย "ถ้าไม่ทำอะไรเลย ส่งผลต่อการท่องเที่ยวแน่นอน โดยเฉพาะช่วงปลายปี อาจจะมีผลกระทบหนักขึ้น" วิเคราะห์บอล ยูเวนตุส เอซี มิลานธนู กล่าวทิ้งท้าย รายงานโดย : สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา อ่านข่าว : ชี้ปมน้ำท่วมภูเก็ต "ฝนถล่ม 4 ชม." 347 มม.เตือนรับมือ 7 ก.ค.นี้ ไขปม "น้ำท่วมภูเก็ต" ฝนไม่ใช่ปัจจัยหลัก-เสี่ยงอีกระลอก 7-8 ก.ค.

เหตุน้ำท่วมใน จ.ภูเก็ต จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 นอกจากจะสร้างความเสียหายกับประชาชนกว่า 740 ครัวเรือน ใน อ.ถลาง และ อ.กระทู้ แล้ว ... ยังอาจจะถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนครั้งใหญ