วันนี้ (4 ก.ค.2567) นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ

วันนี้ (3 ธ.ค.2564) สืบเนื่องจากสลากงวดประจำวันที่ 16 ธ.ค.2564 งวดที่ 47 ชุดที่ 09 จำนวน 40 ฉบับ เกิดข้อผิดพลาดในระหว่างกระบวนการพิมพ์ ทำให้ตัวเลขที่พิมพ์ ไม่ตรงกับช่องที่กำหนดนั้น สำนักงานสลากกินแบ่ง
ไทยพีบีเอสได้รับความไว้วางใจในแบรนด์ (Brand Trust Scores) เป็นอันดับ 1 จากผลสำรวจ Digital News Report 2021 โดยสถาบันรอยเตอร์ที่ให้ YouGov บริษัทวิจัยทางการตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลด้านอินเตอร์เน็ต เป็นผู
วันนี้ (2 เม.ย. 2568) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา พร้อมตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เตรียมพร้อมรับมือนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาซึ่งจะประกาศมาตรการทางการค้าที่ตอบโต้ภาษีกับคู่ค้าสหรัฐ โดยคณะทำงานได้มีการเตรียมประชุมและทำแผนการเจรจาเชิงรุกร่วมภาครัฐกับภาคเอกชนไว้แล้ว นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผ่านมาสหรัฐได้ประกาศใช้มาตราการด้านภาษี 4 รูป ประกอบด้วย มาตราการขึ้นภาษีรายประเทศ มาตราการขึ้นภาษีเป็นรายสินค้า ,ขึ้นภาษีกับกลุ่มประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายที่ก่อปัญหาด้านยาเสพติด การอพยพเข้าเมืองและ ขึ้นภาษีตอบโต้รายประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและไทย เนื่องจากมีสัดส่วนการค้าการโลก 20 % และเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย แต่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ซึ่งการเพิ่มภาษีในรอบแรกไทย สินค้าที่ได้รับผลกระทบล็อตแรก คือ กลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียม ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา เหล็กขึ้นจากภาษี 0 -12.5 % เป็น 25 % อลูมิเนียมจาก 0-6.25. % เป็น 25 % อย่างไรก็ตาม คาดว่าสหรัฐฯ จะมีการปรับขึ้นภาษีไทยอีก 2-3 รายการ คือ สินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ อาจปรับภาษีนำเข้าเป็น 25 % , ยา ,ไม้และผลิตภัณฑ์จากป่า นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ไทยจะถูกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐ ฯ ในการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าให้เท่าที่ไทยเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ สำหรับแนวทางการเจรจานั้นที่ผ่านมาคณะทำงานได้เดินทางเข้าพบยูเอสทีอาร์ สภาคองเกรส เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอนแนะตามขั้นตอนที่สหรัฐเปิดรับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ลงทุน ผู้นำเข้าจากทุกประเทศรวมทั้งไทยเพื่อให้ขี้แจงข้อมูล ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ไทยอาจจะใช้แนวทางในการปรับลดภาษีนำเข้าและเพิ่มปริมาณนำเข้าเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้า เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ เศษเนื้อ และเครื่องใน สุรา และเครื่องบิน โดยอาจประสานให้บริษัทการบินไทยเช่าหรือซื้อจากสหรัฐฯ แทน อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอาจไม่สามารถลดการขาดดุลการค้าที่สูงถึง 30,000-40,000 ล้านดอลลาร์กับไทยได้ ดังนั้นจะต้องทำทุกมิตินอกเหนือจากการค้า เพราะต้องมองในเรื่องของการลงทุน หุ้นส่วนทางพันธมิตร รวมทั้งต้องมีการสร้างเสถียรภาพการค้าเพื่อลดการขาดดุล ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังมีข้อกังวลในเรื่องการย้ายฐานการผลิตบางประเทศมายังไทยทำให้เกิดการสวมสิทธิสินค้าไทยไปสหรัฐ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ขึ้นบัญชีสินค้าที่เสี่ยงสวมสิทธิประเทศไทยแล้ว 49 รายการ โดยเฉพาะเหล็ก ผลิตภัณฑ์จากจีน อย่างไรก็ตาม ไทยเตรียมรับมือผลกระทบและมาตราการเยียวผลกระทบกับผู้ประกอบการ โดยวางเป้า 2 แนวทาง คือ การเยียวยาเร่งด่วนทั้งผู้ประกอบ เอสเอ็มอี เช่น ลดดอกเบี้ย เข้าแหล่งเงินทุนมากขึ้น ส่วนในระยะยาวต้องเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่างเสร็จโดยเร็ว โดยเอฟทีเอไทยอียูจะเสร็จในปีนี้แน่นอน เพื่อชดเชยการถูกต้อบโต้ภาษีจากสหรัฐ นายสมภพ พันธนอริยางกูล รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ไทยกับสหรัฐมีความร่วมมือด้านพลังงาน ทั้งในเรื่องการนโยบายพลังงาน และการโอกาสด้านการลงทุน โดยในปี2567 ไทยได้นำเข้าน้ำมันนำเข้าน้ำมันดิบ ปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมเหลว มูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ ล่าสุดลงนามนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี 1 ล้านตันต่อปี รวมระยะเวลา 15 ปี รวมมูลค่า 7,500พันล้านดอลลาร์นอกจากนี้ปตท.ยังมีการลงทุนในสหรัฐ 1,200 ล้านบาทในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ล่าสุดได้มีการพบว่าหารือผู้ว่าการรัฐอลาสก้า โดยไทยสนใจเข้าลงทุนในอุตสากรรมก๊าซเอลเอ็นจี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป้าหมายของทรัมป์ในการขึ้นภาษี เพื่อต้องการดึงการลงทุนและการจ้างงานกลับคืน ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยเกินดุลสหรัฐเพิ่มขึ้นจนมาอยู่ที่อันดับ 11 ของโลก คาดอุว่าตสาหกรรมที่เกินดุลมากก็จะได้รับผลกระทบ เช่น เหล็ก และอะลูมินัมที่โดนขึ้นภาษีไปก่อนแล้ว นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยไทยส่งออกไปสหรัฐค่อนข้างสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี นอกจากนี้จะมีการขึ้นภาษีแบบเจาะจง ซึ่งจะทำให้กลุ่มยานยนต์ และชิ้นส่วนรับผลกระทบเพิ่มอีก ซึ่งภาคเอกชนเตรียมแผนรับมือ รวมถึงต้องเตรียมข้อมูลชี้แจงด้วยว่าการเกินดุลบางส่วนก็มาจากการที่สหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในไทย และส่งออกกลับไปสหรัฐ เช่น อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ยังเกินดุลไทยหลายส่วน โดยเฉพาะธุรกิจบริการออนไลน์ ดาต้าเซอร์วิส รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ สอท.เป็นห่วงคือ สินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนเข้ามาสวมสิทธิสินค้าไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งประเด็นนี้สหรัฐฯ มีการจับตาค่อนข้างมาก อีกทั้งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่ไทยมีการส่งออกไปสหรัฐเพิ่มไปมากขึ้นเยอะซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเร่งนำเข้าก่อนใช้มาตรการภาษี แต่สิ่งที่สวนทางคือดัชนีการผลิตในประถ่าย ฟุตบอล ออนไลน์true premier hd1 สดเทศที่ลดลง และสอดคล้องตัวเลขนำเข้าจากจีนก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีการนำสินค้าจีนเข้ามาเพื่อใช้สิทธิส่งออก หรืออาจนำวัตถุดิบมาผลิต แต่ใช้วัตถุดิบในประเทศเพียง 10-20% แต่ใช้วัตถุดิบจากจีนถึง 70-80 % ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ทรัมป์ มีนโยบายมีชัดเจนการขึ้นภาษีกับประเทศที่ได้หนุนการค้ากับสหรัฐ รวมถึงเรื่องดึงการลงทุนเข้าไปในสหรัฐ หากพิจารณามูลค่าการค้าเฉพาะหมวดสินค้าเกษตรและอาหาร พบว่า ไทยเกินดุลสหรัฐฯ 142,654 ล้านบาท โดยไทยเป็นผู้ส่งออกเกษตรอาหารอันดับที่ 11 ของโลกและไทยยังไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก นายพจน์ อร่ามวัฒนนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย นายพจน์ อร่ามวัฒนนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ดังนั้น ไทยควรพิจารณาเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาหาร และพลังงาน เพื่อลดความกดดันด้านดุลการค้า รวมถึงพิจารณาปฏิรูปโควต้าภาษีนำเข้าของไทยกับสหรัฐฯ ให้มีจุดยืนที่เป็นธรรมและสมดุล (Fair and Balance Postion) ในการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่สำคัญในการลดแรงกดดันทางการค้าจากสหรัฐฯ คือ การเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารที่จำเป็นจากสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยให้ไทยมีจุดยืนที่ดีขึ้นในการเจรจาต่อรอง ทั้งนี้ ทางหอการค้าฯ มีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ กับทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้มีสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าสู่ตลาดอาเซียนรวมถึงไทย สร้างแรงกดดันต่อการส่งออกของไทยและผู้ประกอบการไทยในทุกระดับต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาการนำเข้าสินค้ากลุ่มต่างๆ ที่จะไม่กระทบต่อคู่ค้าและเกษตรกรภายในประเทศ เช่น พืชอาหารสัตว์ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเหลือง) ที่ผ่านมาไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงเพียงพอสำหรับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และปัจจุบันยังต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและหมอกควัน สินค้าอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอนแช่แข็ง หอยเซลล์ และปลาทูน่าจากเรือชักธงสหรัฐฯซึ่งไทยสามารถนำเข้าวัตถุดิบเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปภายในประเทศ สินค้าประเภทสุราและเครื่องดื่มแอลถอฮอลล์ (Whisky & Wine) รวมถึงเครื่องในสัตว์ เพื่อนำมาผลิตและแปรรูปในอุดสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ทำเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยมเพื่อส่งออกหอการค้าฯ มองว่านโยบายภาษีของสหรัฐฯ จะทำให้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของโลกเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ดังนั้น ทางหอการค้าฯ เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลของไทยจำเป็นต้องเร่งเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี FTA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FTA ไทย-ยุโรป FTA อาเซียน-แคนาดา รวมถึงการปรับปรุงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ให้สำเร็จภายในปี 2568 นี้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ GDP ของไทยเติบโดขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า1 % รวมทั้งการส่งออกจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 10 % อ่านข่าว: "ทรัมป์" ป่วนโลกขึ้นภาษีสินค้า "จีน-ไทย" การ์ดสูง รับมือรอบด้าน "ทุเรียน" ยังครองแชมป์ส่งออก 2 เดือนนำรายได้เข้าไทยกว่า 4 พันล้านบาท หอการค้าไทยจี้รบ.ตั้งทีมพิเศษ รับมือทรัมป์2.0 หวั่นกระทบ ศก.ไทยทรุดรุนแรง
วันนี้ (2 เม.ย. 2568) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหร
การประกาศ ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกัน ของ กลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะบริษัทแม่ ของบริษัท บริ
วันนี้ (23 ก.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากผลโหวตอภิปรายไมไว้วางใจเสร็จสิ้นลง ปรากฏว่า 6 ส.
วันนี้ (2 เม.ย. 2568) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา พร้อมตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เตรียมพร้อมรับมือนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาซึ่งจะประกาศมาตรการทางการค้าที่ตอบโต้ภาษีกับคู่ค้าสหรัฐ โดยคณะทำงานได้มีการเตรียมประชุมและทำแผนการเจรจาเชิงรุกร่วมภาครัฐกับภาคเอกชนไว้แล้ว นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผ่านมาสหรัฐได้ประกาศใช้มาตราการด้านภาษี 4 รูป ประกอบด้วย มาตราการขึ้นภาษีรายประเทศ มาตราการขึ้นภาษีเป็นรายสินค้า ,ขึ้นภาษีกับกลุ่มประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายที่ก่อปัญหาด้านยาเสพติด การอพยพเข้าเมืองและ ขึ้นภาษีตอบโต้รายประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและไทย เนื่องจากมีสัดส่วนการค้าการโลก 20 % และเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย แต่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ซึ่งการเพิ่มภาษีในรอบแรกไทย สินค้าที่ได้รับผลกระทบล็อตแรก คือ กลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียม ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา เหล็กขึ้นจากภาษี 0 -12.5 % เป็น 25 % อลูมิเนียมจาก 0-6.25. % เป็น 25 % อย่างไรก็ตาม คาดว่าสหรัฐฯ จะมีการปรับขึ้นภาษีไทยอีก 2-3 รายการ คือ สินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ อาจปรับภาษีนำเข้าเป็น 25 % , ยา ,ไม้และผลิตภัณฑ์จากป่า นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ไทยจะถูกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐ ฯ ในการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าให้เท่าที่ไทยเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ สำหรับแนวทางการเจรจานั้นที่ผ่านมาคณะทำงานได้เดินทางเข้าพบยูเอสทีอาร์ สภาคองเกรส เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอนแนะตามขั้นตอนที่สหรัฐเปิดรับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ลงทุน ผู้นำเข้าจากทุกประเทศรวมทั้งไทยเพื่อให้ขี้แจงข้อมูล ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ไทยอาจจะใช้แนวทางในการปรับลดภาษีนำเข้าและเพิ่มปริมาณนำเข้าเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้า เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ เศษเนื้อ และเครื่องใน สุรา และเครื่องบิน โดยอาจประสานให้บริษัทการบินไทยเช่าหรือซื้อจากสหรัฐฯ แทน อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอาจไม่สามารถลดการขาดดุลการค้าที่สูงถึง 30,000-40,000 ล้านดอลลาร์กับไทยได้ ดังนั้นจะต้องทำทุกมิตินอกเหนือจากการค้า เพราะต้องมองในเรื่องของการลงทุน หุ้นส่วนทางพันธมิตร รวมทั้งต้องมีการสร้างเสถียรภาพการค้าเพื่อลดการขาดดุล ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังมีข้อกังวลในเรื่องการย้ายฐานการผลิตบางประเทศมายังไทยทำให้เกิดการสวมสิทธิสินค้าไทยไปสหรัฐ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ขึ้นบัญชีสินค้าที่เสี่ยงสวมสิทธิประเทศไทยแล้ว 49 รายการ โดยเฉพาะเหล็ก ผลิตภัณฑ์จากจีน อย่างไรก็ตาม ไทยเตรียมรับมือผลกระทบและมาตราการเยียวผลกระทบกับผู้ประกอบการ โดยวางเป้า 2 แนวทาง คือ การเยียวยาเร่งด่วนทั้งผู้ประกอบ เอสเอ็มอี เช่น ลดดอกเบี้ย เข้าแหล่งเงินทุนมากขึ้น ส่วนในระยะยาวต้องเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่างเสร็จโดยเร็ว โดยเอฟทีเอไทยอียูจะเสร็จในปีนี้แน่นอน เพื่อชดเชยการถูกต้อบโต้ภาษีจากสหรัฐ นายสมภพ พันธนอริยางกูล รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ไทยกับสหรัฐมีความร่วมมือด้านพลังงาน ทั้งในเรื่องการนโยบายพลังงาน และการโอกาสด้านการลงทุน โดยในปี2567 ไทยได้นำเข้าน้ำมันนำเข้าน้ำมันดิบ ปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมเหลว มูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ ล่าสุดลงนามนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี 1 ล้านตันต่อปี รวมระยะเวลา 15 ปี รวมมูลค่า 7,500พันล้านดอลลาร์นอกจากนี้ปตท.ยังมีการลงทุนในสหรัฐ 1,200 ล้านบาทในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ล่าสุดได้มีการพบว่าหารือผู้ว่าการรัฐอลาสก้า โดยไทยสนใจเข้าลงทุนในอุตสากรรมก๊าซเอลเอ็นจี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป้าหมายของทรัมป์ในการขึ้นภาษี เพื่อต้องการดึงการลงทุนและการจ้างงานกลับคืน ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยเกินดุลสหรัฐเพิ่มขึ้นจนมาอยู่ที่อันดับ 11 ของโลก คาดอุว่าตสาหกรรมที่เกินดุลมากก็จะได้รับผลกระทบ เช่น เหล็ก และอะลูมินัมที่โดนขึ้นภาษีไปก่อนแล้ว นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยไทยส่งออกไปสหรัฐค่อนข้างสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี นอกจากนี้จะมีการขึ้นภาษีแบบเจาะจง ซึ่งจะทำให้กลุ่มยานยนต์ และชิ้นส่วนรับผลกระทบเพิ่มอีก ซึ่งภาคเอกชนเตรียมแผนรับมือ รวมถึงต้องเตรียมข้อมูลชี้แจงด้วยว่าการเกินดุลบางส่วนก็มาจากการที่สหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในไทย และส่งออกกลับไปสหรัฐ เช่น อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ยังเกินดุลไทยหลายส่วน โดยเฉพาะธุรกิจบริการออนไลน์ ดาต้าเซอร์วิส รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ สอท.เป็นห่วงคือ สินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนเข้ามาสวมสิทธิสินค้าไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งประเด็นนี้สหรัฐฯ มีการจับตาค่อนข้างมาก อีกทั้งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่ไทยมีการส่งออกไปสหรัฐเพิ่มไปมากขึ้นเยอะซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเร่งนำเข้าก่อนใช้มาตรการภาษี แต่สิ่งที่สวนทางคือดัชนีการผลิตในประถ่าย ฟุตบอล ออนไลน์true premier hd1 สดเทศที่ลดลง และสอดคล้องตัวเลขนำเข้าจากจีนก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีการนำสินค้าจีนเข้ามาเพื่อใช้สิทธิส่งออก หรืออาจนำวัตถุดิบมาผลิต แต่ใช้วัตถุดิบในประเทศเพียง 10-20% แต่ใช้วัตถุดิบจากจีนถึง 70-80 % ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ทรัมป์ มีนโยบายมีชัดเจนการขึ้นภาษีกับประเทศที่ได้หนุนการค้ากับสหรัฐ รวมถึงเรื่องดึงการลงทุนเข้าไปในสหรัฐ หากพิจารณามูลค่าการค้าเฉพาะหมวดสินค้าเกษตรและอาหาร พบว่า ไทยเกินดุลสหรัฐฯ 142,654 ล้านบาท โดยไทยเป็นผู้ส่งออกเกษตรอาหารอันดับที่ 11 ของโลกและไทยยังไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก นายพจน์ อร่ามวัฒนนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย นายพจน์ อร่ามวัฒนนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ดังนั้น ไทยควรพิจารณาเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาหาร และพลังงาน เพื่อลดความกดดันด้านดุลการค้า รวมถึงพิจารณาปฏิรูปโควต้าภาษีนำเข้าของไทยกับสหรัฐฯ ให้มีจุดยืนที่เป็นธรรมและสมดุล (Fair and Balance Postion) ในการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่สำคัญในการลดแรงกดดันทางการค้าจากสหรัฐฯ คือ การเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารที่จำเป็นจากสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยให้ไทยมีจุดยืนที่ดีขึ้นในการเจรจาต่อรอง ทั้งนี้ ทางหอการค้าฯ มีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ กับทั่วโลก ซึ่งอาจทำให้มีสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าสู่ตลาดอาเซียนรวมถึงไทย สร้างแรงกดดันต่อการส่งออกของไทยและผู้ประกอบการไทยในทุกระดับต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาการนำเข้าสินค้ากลุ่มต่างๆ ที่จะไม่กระทบต่อคู่ค้าและเกษตรกรภายในประเทศ เช่น พืชอาหารสัตว์ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเหลือง) ที่ผ่านมาไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงเพียงพอสำหรับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และปัจจุบันยังต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและหมอกควัน สินค้าอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอนแช่แข็ง หอยเซลล์ และปลาทูน่าจากเรือชักธงสหรัฐฯซึ่งไทยสามารถนำเข้าวัตถุดิบเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปภายในประเทศ สินค้าประเภทสุราและเครื่องดื่มแอลถอฮอลล์ (Whisky & Wine) รวมถึงเครื่องในสัตว์ เพื่อนำมาผลิตและแปรรูปในอุดสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ทำเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยมเพื่อส่งออกหอการค้าฯ มองว่านโยบายภาษีของสหรัฐฯ จะทำให้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของโลกเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ดังนั้น ทางหอการค้าฯ เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลของไทยจำเป็นต้องเร่งเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี FTA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FTA ไทย-ยุโรป FTA อาเซียน-แคนาดา รวมถึงการปรับปรุงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ให้สำเร็จภายในปี 2568 นี้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ GDP ของไทยเติบโดขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า1 % รวมทั้งการส่งออกจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 10 % อ่านข่าว: "ทรัมป์" ป่วนโลกขึ้นภาษีสินค้า "จีน-ไทย" การ์ดสูง รับมือรอบด้าน "ทุเรียน" ยังครองแชมป์ส่งออก 2 เดือนนำรายได้เข้าไทยกว่า 4 พันล้านบาท หอการค้าไทยจี้รบ.ตั้งทีมพิเศษ รับมือทรัมป์2.0 หวั่นกระทบ ศก.ไทยทรุดรุนแรง
ความคืบหน้ากรณีกรมราชทัณฑ์ ส่งตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ที่มีอาการป่วยหลังจากสมัครใจอดอาหา