วันนี้ (21 มิ.ย.2567) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) พร้อมกับหน่วงานที่เกี่ยวข้องบุกต

เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 จากกรณีที่ชายอายุ 50 ปี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อวันที่ 28 มี.ค. หลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงจากเมียนมาส่งผลให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)

เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 จากกรณีที่ชายอายุ 50 ปี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อวันที่ 28 มี.ค. หลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงจากเมียนมาส่งผลให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ย่านจตุจักรที่อยู่ระหว่างก่อสร้างถล่ม โดยอ้างว่า "ภรรยา" วัย 24 ปี ตั้งครรภ์ 4 เดือน ติดอยู่ใต้ซากอาคาร และตนเฝ้ารอที่จุดเกิดเหตุตั้งแต่วันแรก เรื่องราวดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้ประชาชนทั่วประเทศ จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อบริจาคเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทผ่านการไลฟ์สด อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2568 ความจริงปรากฏ เมื่อ หญิงสาวอายุ 25 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ หลังพบว่าชายวัย 50 ปีนำบัตรพนักงานของเธอไปแอบอ้างว่าเป็นภรรยาที่ทำงานเป็นเสมียนในโซนออฟฟิศชั้น 4 ของตึก สตง. และติดอยู่ใต้ซากอาคาร โดย หญิงอายุ 25 ยืนยันว่าเธอเลิกทำงานกับบริษัทนั้นตั้งแต่ปี 2562 และไม่เคยรู้จักชายในข่าวมาก่อน การกระทำนี้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและทำให้ครอบครัวของเธอตกใจ คิดว่าเธอเสียชีวิตจริง ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่าได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการสืบสวนพบว่า ชายวัย 50 ให้ข้อมูลเท็จทั้งหมด ไม่มีภรรยาท้อง 4 เดือนตามที่อ้าง และยังมีพฤติกรรมหลบหนีไปยังหมอชิตด้วยรถจักรยานยนต์ ช่วงเย็นวันที่ 31 มี.ค. หลังเริ่มเป็นข่าวว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นการโกหก จากการตรวจค้นตัว พบบัตรพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของหญิงวัย 25 โดยชายวัย 50 อ้างว่าเก็บได้บริเวณถนนลาดพร้าวและนำมาพกติดตัวเพื่อใช้แอบอ้างว่าเป็นภรรยาของตน ซึ่งตำรวจพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ยังพบว่าเขารับเงินบริจาค 10,000 บาทจากผู้ที่หลงเชื่อผ่านการไลฟ์สด แม้จะคืนเงินทั้งหมดไปแล้ว แต่ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในฐานะ ฉ้อโกง ซึ่งความผิดสำเร็จแล้ว หลังถูกควบคุมตัว ชายวัย 50 ให้การกับพนักงานสอบสวน โดยยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง และยกมือไหว้ขอโทษทั้งผู้เสียหาย สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะหลอกลวง อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในทุกข้อหาที่พบ ทั้งนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ ฝากเตือนประชาชนว่า การใช้สถานการณ์ภัยพิบัติหรือวิกฤตมาเป็นเครื่องมือหากิน โดยการหลอกลวงเพื่อสร้างความสงสารหรือรับบริจาค เป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือการเผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านสื่อ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และขอให้ประชาชนระวังการใช้โอกาสเช่นนี้ในทางที่ผิด ด้านฝ่ายหญิงที่ถูกนำชื่อไปใช้ ระบุว่า ตกใจมากที่ชื่อถูกนำไปแอบอ้าง ครอบครัวของเธอถึงกับหวาดกลัวว่าลูกสาวเสียชีวิตจริง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความทันที จากการตรวจสอบประวัติชายวัย 50 พบว่า ในปี 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา ขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งแสดงถึงพฤติกรรมที่เคยฝ่าฝืนกฎหมายมาก่อน อย่างไรก็ตาม การโกหกครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงกว่า เนื่เว็บ พนัน สล็อต ดี ที่สุด 2020แค่ ยืนยัน ตัว ตน รับ เครดิต ฟรี 168bet ฟรี เครดิตองจากเกิดในช่วงวิกฤตแผ่นดินไหวที่ประชาชนกำลังตื่นตระหนกและต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง ยิ่งในวันนี้ (1 เมย.2568) ตรงกับวัน April Fool’s Day การโกหกในสถานการณ์ฉุกเฉินยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะอาจสร้างความสับสนและความเสียหายเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาท, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14, และ การโกหกจนประชาชนตื่นตระหนกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 384 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อ่านข่าวอื่น : ทุนจีนสวมบริษัทก่อสร้างไทย กรณี “ตึก สตง.ถล่ม” กทม.จ่อลดระดับเขตประสบสาธารณภัย-ระงับใช้เครน 201 ไซต์ก่อสร้าง

วันนี้ (13 มิ.ย.2567) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงนามคำสั่งในหนังสือคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 131/2567 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. จำนวน 4 นาย ย้ายมาช่วยราชการ ปฏิบัติห