กรณีการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมา กับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ซึ่งมีการโจมตีทั้งภา
วันนี้ (6 เม.ย.2568) ชาวอเมริกันหลายพันคน ในนครลอสแอนเจลิส รวมตัวประท้วงต่อต้านและแสดงความไม่พอใจ "โดนัลด์ ทรัมป์" ปธน.สหรัฐฯ รวมทั้ง "อีลอน มัสก์" ที่ปรึกษาใกล้ชิดของผู้นำสหรัฐฯ หลังจากเดินหน้าผลักดั
วันนี้ (6 เม.ย.2568) ชาวอเมริกันหลายพันคน ในนครลอสแอนเจลิส รวมตัวประท้วงต่อต้านและแสดงความไม่พอใจ "โดนัลด์ ทรัมป์" ปธน.สหรัฐฯ รวมทั้ง "อีลอน มัสก์" ที่ปรึกษาใกล้ชิดของผู้นำสหรัฐฯ หลังจากเดินหน้าผลักดันและปรับเปลี่ยนนโยบายต่าง ๆ การประท้วงในบริเวณนี้ถือเป็น 1 ในการรวมตัวชุมนุมกว่า 1,200 จุด ทั่ว 50 รัฐของสหรัฐฯ โดยจัดขึ้นภายใต้ชื่อว่า "Hands Off" ซึ่งถือเป็นการแสดงการต่อต้านทรัมป์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับชาวอเมริกันหลายพันคนที่ออกมารวมตัวประท้วงในกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยผู้ชุมนุมหลายคนถือป้ายข้อความต่าง ๆ เพื่อแสดงความไม่พอใจผู้นำสหรัฐฯ และมหาเศรษฐpgslot zoneีที่ทำงานใกล้ชิดของผู้นำสหรัฐฯ ที่เดินหน้าตัดลดงบประมาณหน่วยงานรัฐบาล จนทำให้มีคนตกงานไปแล้วนับแสนคน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปคำสั่งหลายอย่างจนกระทบกับระบบการศึกษา สุขภาพและสาธารณสุข นโยบายด้านการต่างประเทศ รวมถึงนโยบายผู้อพยพ ผู้จัดงานคาดว่า น่าจะมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมในบริเวณนี้มากกว่า 20,000 คน นอกจากนี้ยังมีการจัดการชุมนุมเช่นนี้อีกหลายเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ ทั้ง บอสตัน ชิคาโก และนิวยอร์ก ขณะที่ผลสำรวจบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมในตัวผู้นำสหรัฐฯ ลดลงเหลือร้อยละ 43 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งสมัยที่สองในเดือนมกราคม โดยลดลงมา 4 จุดจากคะแนนนิยมในขณะที่เข้ารับตำแหน่ง การประท้วงเช่นนี้ไม่ได้มีขึ้นแค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังจัดขึ้นในอีกหลายประเทศ เช่น กรุงปารีสของฝรั่งเศส ผู้ประท้วงหลายร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันออกมาเคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจผู้นำสหรัฐฯ ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายหลายอย่าง เช่นเดียวกับที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ ผู้ประท้วงร่วมกันถือป้ายและตะโกนข้อความต่อต้านผู้นำสหรัฐฯ พร้อมทั้งต้องการส่งกำลังใจและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวไปยังเพื่อนพี่น้องที่อยู่ในสหรัฐฯ ด้วย การประท้วงต่อต้านผู้นำสหรัฐฯ ในลักษณะนี้ยังมีการจัดขึ้นที่แคนาดา เยอรมนี เม็กซิโก และที่โปรตุเกส ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังเกิดขึ้นท่ามกลางการเดินหน้ามาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ จนทำให้หลายชาติต้องออกมาตรการรับมือและตอบโต้ เช่น จีนที่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทุกชนิดจากสหรัฐฯ เพิ่มอีกร้อยละ 34 เพื่อตอบโต้มาตรการกำแพงภาษีระลอกใหม่ของทรัมป์ โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังออกข้อจำกัดการส่งออกแร่หายากบางชนิดด้วย ขณะที่รัฐบาลเวเนซูเอลา ระบุว่า พร้อมที่จะรับมือกับมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ โดยเวเนซูเอลาถูกเรียกเก็บภาษีร้อยละ 15 ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในลาตินอเมริกาถึงร้อยละ 5 โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ระบุผ่านทรูธ โซเชียล ว่า พวกเรากำลังฟื้นคืนตำแหน่งงานต่าง ๆ และธุรกิจกลับคืนมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนนี้มีการลงทุนมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมย้ำว่า นี่คือการปฏิวัติทางเศรษฐกิจ และเราจะชนะ โดยขอให้ชาวอเมริกันอดทนต่อความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไว้ ท่าทีนี้ของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าจากทุกประเทศในอัตราขั้นต่ำร้อยละ 10 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ จนนำมาซึ่งความกังวลให้กับหลายฝ่ายและหลายประเทศ ตลอดจนความกังวลถึงความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและการค้าโลก นอกจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าจากทุกประเทศในอัตราขั้นต่ำร้อยละ 10 แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ ยังกำหนดมาตรการภาษีตอบโต้แบบรายประเทศในอัตราที่สูงกว่า ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป นับตั้งแต่ที่ผู้สหรัฐฯ ออกมาประกาศนโยบายทางภาษีระลอกใหม่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลายแห่ง ทั้งในเอเชีย รวมถึงสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยวานนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ทั้ง 3 แห่งของสหรัฐฯ ปิดตลาดปรับตัวลดลงมากกว่าร้อยละ 5 ซึ่งถือเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2563 ขณะที่ก่อนหน้านี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ เตือนว่า มาตรการของทรัมป์ครั้งนี้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัว พร้อมทั้งเรียกร้องให้สหรัฐฯ และประเทศต่างๆ ร่วมมือกันเพื่อลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้น อ่านข่าว : “3 อยู่” เพื่อรับมือสงครามการค้า "แพทองธาร" แถลงการณ์ท่าทีไทยต่อนโยบายสหรัฐฯ ขึ้นภาษี 36% บ้านเดี่ยวแนวราบยังรุ่ง แม้แผ่นดินไหวสะเทือนตลาดคอนโดมิเนียม
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2566 จากการเสวนา Climate Change Adaptation การรับมือสภาพภูมิอากาศแปรปรวนสุดขั้ว จัดโดยมูลนิธิไทยพีบีเอสร่วมกับไทยพีบีเอสนายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตผอ.สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกา