วันนี้ (13 พ.ย.2566) นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทย (Sovereign Credit Rating
วันนี้ (13 พ.ย.2566) นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook)ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดย Fitch คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 2.8 ในปี 2566 เป็นร้อยละ 3.8 ในปี 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างมั่นคงและภาคการส่งออกที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้า และบริการเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) ชั่วคราวแก่นักท่องเว็บ w88 ฝากถอน ไม่มี ขั้นต่ำเที่ยวจีนและอินเดีย ได้ส่งเสริมให้เกิดการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การใช้จ่ายทางการคลังขนาดใหญ่ (Large Fiscal Spending) จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของประเทศ อีกทั้งความสำเร็จในการก่อตั้งรัฐบาลทำให้ความไม่แน่นอนทางการเมืองในระยะสั้นลดลง ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลยังจำเป็นต้องคำนึงถึงต้นทุนการดำเนินนโยบายและกรอบวินัยทางการคลังให้มากขึ้น ซึ่ง Fitch เชื่อว่าอันดับคะแนนภายใต้ Worldwide Governance Indicators (WGI) ของไทยจะดีขึ้น เนื่องจากการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น นางจินดารัตน์ กล่าวอีกว่า ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) Fitch คาดว่า รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.0 ของ GDP ในปี 2566 เป็นร้อยละ 3.7 ของ GDP ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าค่ากลางของกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน (BBB Median = ร้อยละ 2.9) แต่จะเริ่มลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ในปี 2568 (BBB Median = ร้อยละ 2.6 นอกจากนี้ Fitch คาดว่า สัดส่วนหนี้ภาครัฐบาลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (General Government to GDP) ปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 56.8 ซึ่งยังคงสูงกว่าระดับก่อนเกิดสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 แต่ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากลางของกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน (BBB Peers) ที่ร้อยละ 56.3 และในระยะปานกลาง นางจินดารัตน์ กล่าวอีกว่าในปี 2570 คาดว่าระดับดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 57.5 อีกทั้ง เชื่อว่ารัฐบาลยังสามารถระดมทุนภายในประเทศได้ท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากหนี้สาธารณะมีอายุเฉลี่ยค่อนข้างยาวและส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลเงินบาท ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงทางการเงินจากการเพิ่มขึ้นของ General Government to GDP ได้ อ่านข่าวอื่นๆ: แนะเร่งจ่าย "ดิจิทัลวอลเล็ต"ช่วงสงกรานต์ เอกชนเชื่อรัฐรอบคอบ ส่วนภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) Fitch คาดว่า มีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเงินโลกและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดย Fitch มองว่าปี 2566 ดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลที่ร้อยละ 1.0 ของ GDP จากที่ขาดดุลร้อยละ 3.2 ในปี 2565 อีกทั้ง ปี 2566 คาดว่าระดับทุนสำรองระหว่างประเทศต่อมูลค่าการนำเข้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงมากที่ 7.1 เดือนซึ่งสูงกว่า BBB Median ที่ 5 เดือน นางจินดารัตน์ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ Fitch จะติดตามเพื่อวิเคราะห์อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของไทย คือ ความสามารถในการบริหารจัดการ General Government Debt to GDP ให้อยู่ในระดับมีเสถียรภาพและสร้างการเติบโตในระยะปานกลาง ตลอดจนประสิทธิผลของนโยบายทางเศรษฐกิจ อ่านข่าว: ข้าวโพดหวาน อาหารสำเร็จรูป "อานิสงส์ " ถก FTA ไทย-เอฟตา นักวิเคราะห์ชี้ "ตลาดทุนผันผวน" เหตุกังวลนโยบายแจกเงินดิจิทัล
วันนี้ (18 พ.ย.2564) เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าติดตามจับกุมกลุ่มนักโทษ ที่หลบหนีจากเรือนจำชั่วคราวคลองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ กระจายกำลังกัน พร้อมกับมีการประกาศแจ้งเตือน และขอความร่วมมือจากประชาชนให้เฝ้าระวัง รวม
ความคืบหน้ากรณีผู้ก่อเหตุขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ของนักเรียน ม.6 ที่ซ้อนกันมา 3 คน ก่อนที่คนขับรถจะย
- เว็บ w88 ฝากถอน ไม่มี ขั้นต่ำ
- วิเคราะห์บอลไชน่าลีก1แฟนเล่นพนันบอล pantip
- joker123 50 รับ 100
- sbfplay99M98918kiss slot 777
- เกมส์ แคน ดี้ ได้ เงิน จริง
- เล่น บ้า ค่า ร่า ช่วง ไหน ได้ เงิน
นิยายชีวิต โดย : Reza Fajri
เรื่องและภาพโดย : Reza Fajri
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..