Home
|
วิเคราะห์บอล ไม่ น. ซ์

วันนี้ (6 ก.พ.2568) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอ

วิเคราะห์บอล ไม่ น. ซ์

ไฟไหม้โรงงานไม้อัด จ.เพชรบุรี คาดไฟลัดวงจร เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตไม้อัดเก่า อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้โรงงานไม้อั

วันนี้ (19 พ.ค.2565) จากกรณีอุบัติเหตุเครื่องบินสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลนส์ตกเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้วิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นจากก

วันนี้ (11 เม.ย.2568) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มวิกฤตมากขึ้น เมื่อ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนทุกประเภทเป็นร้อยละ 145 ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จีนตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการจำกัดการส่งออกภาพยนตร์จากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล และเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นร้อยละ 84 การปะทะกันครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อทั้ง 2 ประเทศ แต่ยังสร้างความปั่นป่วนต่อห่วงโซ่อุปทานและตลาดการเงินทั่วโลก เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนจากทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐฯ จะไม่เป็นฝ่ายเริ่มติดต่อจีน โดยทรัมป์สั่งการให้ทีมงานแจ้งปักกิ่งอย่างชัดเจนว่า ปธน.สี จิ้นผิง ต้องเป็นผู้ร้องขอการสนทนาทางโทรศัพท์ก่อน จุดยืนนี้ถูกสื่อสารไปยังจีนตั้งแต่ 2 เดือนก่อน แต่แหล่งข่าว 3 รายที่ทราบข้อมูลการสื่อสารอย่างเป็นทางการระบุว่า ทรัมป์แสดงความมั่นใจต่อสาธารณะว่า จีนจะยอมเจรจาในที่สุด โดยกล่าวในงานที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ 9 เม.ย.ว่า จีนอยากทำข้อตกลง แต่พวกเขาไม่รู้วิธีเริ่มต้น เพราะพวกเขาเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจ เขาเสนอภาพของข้อตกลงครั้งใหญ่ที่ครอบคลุมการเพิ่มการส่งออกสินค้าสหรัฐฯ ไปจีน การควบคุมการส่งออกยาเสพติดเฟนทานิลที่เป็นปัญหาในสหรัฐฯ และการปรับโครงสร้างแพลตฟอร์ม TikTok สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การสานต่อเป้าหมายนี้เผชิญความท้าทายจากความล้มเหลวของข้อตกลงการค้าสมัยแรกของทรัมป์ ซึ่งจีนอ้างว่าไม่สามารถปฏิบัติตามได้เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ความพยายามสร้างช่องทางการสื่อสารระหว่าง 2 ฝ่ายประสบปัญหาอย่างหนัก แม้ว่าการติดต่อในระดับปฏิบัติการยังคงดำเนินอยู่ แต่การเจรจาระดับสูงกลับหยุดชะงัก จีนพยายามจัดตั้งช่องทางลับเพื่อเจรจา คล้ายกับที่เคยทำในสมัย ปธน.โจ ไบเดน โดยมี เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเป็นตัวกลาง แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธข้อเสนอให้ รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ เป็นผู้แทนเจรจา โดยระบุว่าเขาไม่มีความใกล้ชิดเพียงพอในวงในของ สี จิ้นผิง สหรัฐฯ เสนอชื่อบุคคลอื่นที่ต้องการให้เป็นตัวกลาง แต่จีนยังคงยืนกรานไม่เปลี่ยนจุดยืน ความตึงเครียดยิ่งทวีขึ้นเมื่อจีนเผยแพร่รายงานการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง หวัง อี้ กับ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ โดยระบุว่วิเคราะห์บอล ไม่ น. ซ์ารูบิโอถูกเตือนไม่ให้ก้าวก่ายเกินขอบเขต ซึ่งรูบิโอยืนยันว่าเป็นการบิดเบือน "สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในการสนทนา หรืออาจเป็นเพราะล่ามของพวกเขาเลือกที่จะไม่แปลเช่นนั้น" รูบิโอกล่าว การขาดช่องทางการสื่อสารระดับสูงทำให้การจัดประชุมระหว่างผู้นำเป็นเรื่องยาก แม้ว่าทรัมป์จะยินดีให้มีการเจรจาในระดับต่ำกว่าผู้นำหากนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ หันไปเจรจาการค้ากับชาติอื่นในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ เวียดนาม เพื่อสร้างแนวร่วมกดดันจีนทางอ้อม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยว่า นี่เป็นกลยุทธ์เพื่อบีบให้จีนยอมเจรจา ส่วนจีนพิจารณามาตรการตอบโต้ที่รุนแรงขึ้น เช่น การลดการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะถั่วเหลืองจากแถบมิดเวสต์ และหันไปซื้อจากบราซิลแทน ซึ่งเป็นวิธีที่เคยใช้ในสมัยแรกของทรัมป์ นอกจากนี้ จีนยังขู่จำกัดการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและยานยนต์ไฟฟ้า จีนเคยพิจารณามาตรการที่รุนแรงกว่านี้ เช่น การจำกัดการดำเนินงานของบริษัทสหรัฐฯ เช่น Apple, Tesla, Caterpillar และ Starbucks ในจีน แต่สุดท้ายถอนตัวจากแผนดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าผู้บริโภคจีนจะต่อต้าน และอาจสูญเสียโอกาสในการใช้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเหล่านี้เป็นช่องทางเจรจา อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมองหาวิธีตอบโต้ที่สร้างความเสียหายต่อสหรัฐฯ ในระยะยาว เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในปริมาณมาก หรือการห้ามส่งออกแร่หายากทั้งหมด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเป็น "การยกระดับความขัดแย้งสู่ขั้นร้ายแรง" ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แดนนี รัสเซล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า จีนระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ "สี จิ้นผิง" ตกอยู่ในสถานการณ์เสียหน้า คล้ายกับที่ ปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนเผชิญระหว่างพบทรัมป์ที่ทำเนียบขาว รัสเซลกล่าว ขณะที่เมลานี ฮาร์ต จาก Atlantic Council ชี้ว่า จีนมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ เช่น การคว่ำบาตรบริษัทหรือตัดการส่งออก เพื่อกดดันคู่เจรจา ซึ่งเป็น "คลังแสง" ที่จีนพัฒนามานาน ด้านการเมืองภายในประเทศ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สี จิ้นผิง อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งกว่า เนื่องจากสามารถโน้มน้าวประชาชนจีนให้ยอมรับผลกระทบจากภาษี โดยใช้ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ เป็น "ผู้รุกราน" ในทางกลับกัน ทรัมป์เผชิญแรงกดดันจากทีมงานสายเหยี่ยว เช่น ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่เชื่อว่าจีนไม่สามารถรับมือกับความกดดันทางเศรษฐกิจได้ แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดทั้ง 2 รัฐบาลเตือนว่า ความเชื่อนี้อาจเป็นการประเมินที่ผิดพลาด "นี่จะเป็นการทำลายล้างทั้ง 2 ฝ่าย" แหล่งข่าวระบุ ในอดีต ความสัมพันธ์ระหว่าง ทรัมป์-สี จิ้นผิง เคยอบอุ่น โดยเฉพาะในปี 2560 ที่ทั้งคู่พบกันที่ มาร์ อะลาโก และ ปักกิ่ง แต่ความสัมพันธ์เสื่อมถอยในช่วงท้ายของสมัยแรกของทรัมป์ โดยทรัมป์แสดงความเสียใจที่ทีมงานในขณะนั้น อ่อนแอเกินไป ทำให้จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงซื้อสินค้าสหรัฐฯ จำนวนมาก ปัจจุบัน ทรัมป์หวังสร้างข้อตกลงที่ครอบคลุมมากขึ้น แต่ทีมความมั่นคงของเขากลับกังวลเกี่ยวกับการลงทุนของจีนในสหรัฐ ฯ รวมถึงประเด็นยาเสพติดและเทคโนโลยี ล่าสุด จีนยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการควบคุมยาเสพติดเฟนทานิลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากทรัมป์กดดันในเรื่องนี้ แต่สถานทูตสหรัฐฯ ในปักกิ่งยังไม่ตอบรับข้อเสนอ โดยแหล่งข่าวเผยว่าสหรัฐฯ มองว่าไม่จริงจังพอ ความไม่ลงรอยนี้ยิ่งตอกย้ำความท้าทายในการหาทางออก ขณะที่โลกจับตาว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะยอมถอย หรือเดินหน้าสู่ความขัดแย้งที่อาจเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจโลก ที่มา : CNN อ่านข่าวอื่น : ด่วน! กู้ภัยพบแสงไฟมือถือ ใต้ซากตึกโซน B อินฟราเรดสแกนมี 2 คน เฮลิคอปเตอร์ตกลงแม่น้ำฮัดสัน นิวยอร์ก เสียชีวิต 6 คน

เจ้าหน้าที่แขวงการทางจังหวัดพิจิตรเร่งซ่อมคอสะพานน้ำท่วมพัง เจ้าหน้าที่แขวงการทางจังหวัดพิจิตรเร่งซ่

วันนี้ (11 เม.ย.2568) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มวิกฤตมากขึ้น เมื่อ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประ

วันนี้ (31 ต.ค.2565) นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวถึงมติ ครม.ที่ให้คน

วันนี้ (11 เม.ย.2568) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มวิกฤตมากขึ้น เมื่อ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนทุกประเภทเป็นร้อยละ 145 ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จีนตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการจำกัดการส่งออกภาพยนตร์จากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล และเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นร้อยละ 84 การปะทะกันครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อทั้ง 2 ประเทศ แต่ยังสร้างความปั่นป่วนต่อห่วงโซ่อุปทานและตลาดการเงินทั่วโลก เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนจากทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐฯ จะไม่เป็นฝ่ายเริ่มติดต่อจีน โดยทรัมป์สั่งการให้ทีมงานแจ้งปักกิ่งอย่างชัดเจนว่า ปธน.สี จิ้นผิง ต้องเป็นผู้ร้องขอการสนทนาทางโทรศัพท์ก่อน จุดยืนนี้ถูกสื่อสารไปยังจีนตั้งแต่ 2 เดือนก่อน แต่แหล่งข่าว 3 รายที่ทราบข้อมูลการสื่อสารอย่างเป็นทางการระบุว่า ทรัมป์แสดงความมั่นใจต่อสาธารณะว่า จีนจะยอมเจรจาในที่สุด โดยกล่าวในงานที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ 9 เม.ย.ว่า จีนอยากทำข้อตกลง แต่พวกเขาไม่รู้วิธีเริ่มต้น เพราะพวกเขาเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจ เขาเสนอภาพของข้อตกลงครั้งใหญ่ที่ครอบคลุมการเพิ่มการส่งออกสินค้าสหรัฐฯ ไปจีน การควบคุมการส่งออกยาเสพติดเฟนทานิลที่เป็นปัญหาในสหรัฐฯ และการปรับโครงสร้างแพลตฟอร์ม TikTok สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐฯ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การสานต่อเป้าหมายนี้เผชิญความท้าทายจากความล้มเหลวของข้อตกลงการค้าสมัยแรกของทรัมป์ ซึ่งจีนอ้างว่าไม่สามารถปฏิบัติตามได้เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ความพยายามสร้างช่องทางการสื่อสารระหว่าง 2 ฝ่ายประสบปัญหาอย่างหนัก แม้ว่าการติดต่อในระดับปฏิบัติการยังคงดำเนินอยู่ แต่การเจรจาระดับสูงกลับหยุดชะงัก จีนพยายามจัดตั้งช่องทางลับเพื่อเจรจา คล้ายกับที่เคยทำในสมัย ปธน.โจ ไบเดน โดยมี เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเป็นตัวกลาง แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธข้อเสนอให้ รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ เป็นผู้แทนเจรจา โดยระบุว่าเขาไม่มีความใกล้ชิดเพียงพอในวงในของ สี จิ้นผิง สหรัฐฯ เสนอชื่อบุคคลอื่นที่ต้องการให้เป็นตัวกลาง แต่จีนยังคงยืนกรานไม่เปลี่ยนจุดยืน ความตึงเครียดยิ่งทวีขึ้นเมื่อจีนเผยแพร่รายงานการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง หวัง อี้ กับ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ โดยระบุว่วิเคราะห์บอล ไม่ น. ซ์ารูบิโอถูกเตือนไม่ให้ก้าวก่ายเกินขอบเขต ซึ่งรูบิโอยืนยันว่าเป็นการบิดเบือน "สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในการสนทนา หรืออาจเป็นเพราะล่ามของพวกเขาเลือกที่จะไม่แปลเช่นนั้น" รูบิโอกล่าว การขาดช่องทางการสื่อสารระดับสูงทำให้การจัดประชุมระหว่างผู้นำเป็นเรื่องยาก แม้ว่าทรัมป์จะยินดีให้มีการเจรจาในระดับต่ำกว่าผู้นำหากนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ หันไปเจรจาการค้ากับชาติอื่นในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ เวียดนาม เพื่อสร้างแนวร่วมกดดันจีนทางอ้อม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยว่า นี่เป็นกลยุทธ์เพื่อบีบให้จีนยอมเจรจา ส่วนจีนพิจารณามาตรการตอบโต้ที่รุนแรงขึ้น เช่น การลดการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะถั่วเหลืองจากแถบมิดเวสต์ และหันไปซื้อจากบราซิลแทน ซึ่งเป็นวิธีที่เคยใช้ในสมัยแรกของทรัมป์ นอกจากนี้ จีนยังขู่จำกัดการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและยานยนต์ไฟฟ้า จีนเคยพิจารณามาตรการที่รุนแรงกว่านี้ เช่น การจำกัดการดำเนินงานของบริษัทสหรัฐฯ เช่น Apple, Tesla, Caterpillar และ Starbucks ในจีน แต่สุดท้ายถอนตัวจากแผนดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าผู้บริโภคจีนจะต่อต้าน และอาจสูญเสียโอกาสในการใช้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเหล่านี้เป็นช่องทางเจรจา อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมองหาวิธีตอบโต้ที่สร้างความเสียหายต่อสหรัฐฯ ในระยะยาว เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในปริมาณมาก หรือการห้ามส่งออกแร่หายากทั้งหมด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเป็น "การยกระดับความขัดแย้งสู่ขั้นร้ายแรง" ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แดนนี รัสเซล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า จีนระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ "สี จิ้นผิง" ตกอยู่ในสถานการณ์เสียหน้า คล้ายกับที่ ปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนเผชิญระหว่างพบทรัมป์ที่ทำเนียบขาว รัสเซลกล่าว ขณะที่เมลานี ฮาร์ต จาก Atlantic Council ชี้ว่า จีนมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ เช่น การคว่ำบาตรบริษัทหรือตัดการส่งออก เพื่อกดดันคู่เจรจา ซึ่งเป็น "คลังแสง" ที่จีนพัฒนามานาน ด้านการเมืองภายในประเทศ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สี จิ้นผิง อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งกว่า เนื่องจากสามารถโน้มน้าวประชาชนจีนให้ยอมรับผลกระทบจากภาษี โดยใช้ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ เป็น "ผู้รุกราน" ในทางกลับกัน ทรัมป์เผชิญแรงกดดันจากทีมงานสายเหยี่ยว เช่น ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่เชื่อว่าจีนไม่สามารถรับมือกับความกดดันทางเศรษฐกิจได้ แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดทั้ง 2 รัฐบาลเตือนว่า ความเชื่อนี้อาจเป็นการประเมินที่ผิดพลาด "นี่จะเป็นการทำลายล้างทั้ง 2 ฝ่าย" แหล่งข่าวระบุ ในอดีต ความสัมพันธ์ระหว่าง ทรัมป์-สี จิ้นผิง เคยอบอุ่น โดยเฉพาะในปี 2560 ที่ทั้งคู่พบกันที่ มาร์ อะลาโก และ ปักกิ่ง แต่ความสัมพันธ์เสื่อมถอยในช่วงท้ายของสมัยแรกของทรัมป์ โดยทรัมป์แสดงความเสียใจที่ทีมงานในขณะนั้น อ่อนแอเกินไป ทำให้จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงซื้อสินค้าสหรัฐฯ จำนวนมาก ปัจจุบัน ทรัมป์หวังสร้างข้อตกลงที่ครอบคลุมมากขึ้น แต่ทีมความมั่นคงของเขากลับกังวลเกี่ยวกับการลงทุนของจีนในสหรัฐ ฯ รวมถึงประเด็นยาเสพติดและเทคโนโลยี ล่าสุด จีนยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการควบคุมยาเสพติดเฟนทานิลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากทรัมป์กดดันในเรื่องนี้ แต่สถานทูตสหรัฐฯ ในปักกิ่งยังไม่ตอบรับข้อเสนอ โดยแหล่งข่าวเผยว่าสหรัฐฯ มองว่าไม่จริงจังพอ ความไม่ลงรอยนี้ยิ่งตอกย้ำความท้าทายในการหาทางออก ขณะที่โลกจับตาว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะยอมถอย หรือเดินหน้าสู่ความขัดแย้งที่อาจเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจโลก ที่มา : CNN อ่านข่าวอื่น : ด่วน! กู้ภัยพบแสงไฟมือถือ ใต้ซากตึกโซน B อินฟราเรดสแกนมี 2 คน เฮลิคอปเตอร์ตกลงแม่น้ำฮัดสัน นิวยอร์ก เสียชีวิต 6 คน

กบฏประกาศลั่นล้อม “กัดดาฟี” ไว้ทุกทางแล้ว โฆษกกองกำลังชาวลิเบียฝ่ายกบฏประกาศว่า เวลานี้ได้เข้าล้อม “