วันนี้ (30 พ.ค.2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล แล

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 เจ้าหน้าที่วัฒนธรรม จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้าง "อาณาจักรสีหนคร" ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัดพระพุทธบาทศิลา หรือวัดภูม่านฟ้า หนองบัวราย ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง หลังมีการ

วันนี้ (30 พ.ค.2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล และแกนนำพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และ พรรคพลังสังคมใหม่ แถลงภายหลังการหารือว่า มีข้อสรุป 1.หัวหน้าพรรค 8 พรรคมีมติตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน มีประธานฯ คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างดังนี้ -พรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล -พรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล -พรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง -พรรคไทยสร้างไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ -พรรคเสรีรวมไทย นายวิรัตน์ วรศสิริน -พรรคเป็นธรรม นายกัณวีร์ สืบแสง -พรรคเพื่อไทรวมพลัง นายวสวรรธน์ พวงพรศรี -พรรคพลังสังคมใหม่ นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ 1. คณะทำงานเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และพลังงาน 2. คณะทำงานเกี่ยวกับ ปัญหาภัยแล้ง เอลนีโญ 3. คณะทำงานเกี่ยวกับ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 4. คณะทำงานเกี่ยวกับ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 5. คณะทำงานเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และ PM2.5 6. คณะทำงานเกี่ยวกับ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และเอสเอ็มอี 7. คณะทำงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด การกำหนดคณะนี้ตั้งตาม MOU ทั้งหมด 23 ข้อ โดยวันนี้ตั้งคณะทำงานไปแล้ว 7 คณะ และจะมีการประชุมเพื่อตั้งคณะทำงานเพิ่มอีก โดยใช้บุคลากรของแต่ละพรรคที่มีความเชี่ยวชาญ จนกว่า กกต. จะรับรอง ส.ส.เสร็จสิ้น โดยคณะทำงานจะมีตัวแทนของแต่ละพรรคในการแก้ไขปัญหานั้น ๆ และจะมีการประชุมต่อเนื่องและรายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการประสานงานต่อไป และจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การกลั่นกรองเป็นนโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป และนำไปปฏิบัติในฐานะรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคร่วม แถลงตั้ง 7 คณะทำงานช่วงเปลี่ยนผ่าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคร่วม แถลงตั้ง 7 คณะทำงานช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งนี้ นายพิธา กล่าวว่า การจัดสรรตำแหน่งฝ่ายบริหารจะเกิดขึ้นภายหลังจากการทำงานร่วมกัน โดยยึดวาระการทำงานเพื่อประชาชนเป็นตัวตั้ง ตำแหน่งประธานสภา พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทยจะพิจารณา ร่วมกัน โดยยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล สิ่งสำคัญคือการเตรียมพร้อมในการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประชาชน ขณะนี้ กกต. ประกาศผลคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเแล้ว เหลือเพียงการรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการ เพื่อที่จะเปิดการประชุมสภาได้ ซึ่งหวังว่า กกต. จะใช้เวลาไม่นาน เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว และแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ในวาระต่าง ๆ ผู้สื่อข่าวถึง กรณีการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวัน กรณีกัญชาเสรี และสมรสเท่าเทียม นายพิธาตอบว่า เรื่องค่าแรงจะให้คณะกรรมการที่ดูเรื่องเศรษฐกิจพิจารณาร่วมกัน เบื้องต้น หลังการหารือกับ ส.อ.ท. และ สภาหอการค้าฯ นั้นยังต้องคุยกันว่า มีความจำเป็นทั้งในการขึ้นให้ครบ 450 บาท ทั้งต่อ GDP และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และผลิตภาพแรงงานที่โตขึ้น ตัวเลขที่เหมาะสมควรจะเป็นแบบนั้น ขณะที่ภาคเอกชนก็พร้อมที่จะรับฟังและใช้คณะกรรมการในการรับฟัง ขณะที่กัญชานั้นต้องหาจุดสมดุลที่ตรงกัน ทั้ง 8 พรรค ส่วนใหญ่เห็นว่า กัญชาทางการแพทย์สามารถทำได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นยาเสพติดก็ยังได้อยู่ และสถานการณ์ต้องมีการควบคุมจัดโซนนิ่ง หรือ โทษในการพกในที่สาธารณะ และพี่น้องในแวดวงกัญชาและเปิดร้านไปแล้ว โดยทำถูกต้องทุกอย่าง ก็จะมีแนวทางที่คณะกรรมการจะพูดคุยในการปกป้องหรือนิรโทษกรรมได้อย่างไร ในการนำกลับเข้าเป็นยาเสพติด ขณะที่ กรณีสมรสเท่าเทียม นั้นเป็นการรับรองสิทธิไม่ใช่การบังคับทางศาสนาเป็นตัวตั้งคำถามของความเท่าเทียมทางเพศ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า กรณีสมรสเท่าเทียมเป็นกฎหมายที่จะใช้ในผู้ที่สมัครใจ และไม่บังคับแก่ผู้ที่นับถือศาสนาที่มีข้อห้ามทางศาสนา แต่รายละเอียด ขอบเขต จะปรากฎในกฎหมายที่จะออกต่อไป นายพิธา ยังกล่าวว่า คณะทำงานจะมี 23 คณะตามที่ MOU โดยจะมีคณะทำงานเพิ่มเติมอีก ขณะที่แรงงานแพทย์ มี ชั่วโมงการทำงาน 100 ชม./สัปดาห์ นั้นสูงเกินไป ควรอยู่ที่ 60 ชั่วโมง/สัปดาห์ เพื่อให้แพทย์ทำงานได้ โดยอาจต้องเพิ่มบุคลากร ลดผู้ป่วยที่เข้าสู่ระบบ และมีระบบเทเลเมดิซีน ภาพจะชัดเจนเมื่อ ได้เข้าไปดูแลกระทรวงสาธารณสุข นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคร่วม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคร่วม นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีตำแหน่งประธานสภา คณะทำงานพูดคุยเบื้องต้นว่าตำแหน่งประธานสภาทั้ง 2 พรรคจะพูดคุยร่วมกัน และจะไม่ให้เกิดเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการตั้งรัฐบาลร่วมกันทั้ง 8 พรรค และการเลือกนายกรัฐมนตรี และมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายพิธา ยังตอบคำถามกรณีถือหุ้นสื่อ ไม่เป็นเรื่องที่ต้องกังวล เพราะรายละเอียดและหลักฐานได้ปรึกษาทีมกฎหมายแล้ว และเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการ จึงสามารถตอบได้เท่านี้ ผู้สื่อข่าวยังถามกรณีการปกป้องเสรีภาพสื่อ โดยนายพิธาบอกว่า เสาหลักของประชาธิปไตย นอกจากมีการเลือกตั้ง การควบคุมวาระทางสังคมของประชาชน การทำงานของสื่ออย่างมีเสรีภาพ นั้นถือเป็นเสาหลักของประชาชน ซึ่งที่พรรคมีที่ดูแล โดยขณะนี้ได้ยินว่ามี 4 เจ้าที่ถูกเซ็นเซอร์ แต่ 1 ใน เจ้าที่สัมภาษณ์ตนเองนั้นแจ้งว่ามีปัญหาในเรื่องไลเซนส์กับทางเอกชนอยู่แล้ว จึงต้องขอตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า เป็นความตั้งใจที่จะเซ็นเซอร์บทสัมภาษณ์ของตนเอง หรือ เป็นปัญหาของไลเซนส์ จึงต้องตรวจสอบเพิ่มเติม นพ.ชลน่าน ยังกล่าวว่า การทำงานระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ว่าพูดมาโดยตลอดว่า อาณัติที่ประชาชนเลือกให้ก้าวไกลและเพื่อไทย 25 ล้านเสียง มีเจตจำนงของประชาชนแบบนี้แล้ว ทั้ง 2 พรรคปฏิเสธไม่ได้ที่จะทำความหวังความฝันให้บรรลุตามความหวังของประชาชนคือรัฐบาลจากฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ที่เขาต้องการที่่จะปิดกั้นอำนาจที่ไม่ชอบธรรมทั้งปวง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ยังกล่าวตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีการทำความเข้าใจกับ ส.ว.ว่า การโหวตของ ส.ว.นั้นไม่ใช่การโหวตให้นายพิธา แต่เป็นการโหวตเพื่อรักษาระบบ รักษาฉันทามติของประชาชน ทั้งที่ได้เลือกหรือไม่ได้เลือกก็ตาม ส่วนมีการคุกคามหรือไม่นั้นไม่เคยได้ยิน และหมดเวลาที่จะทะเลาะเบาะแว้งกัน ทั้ง 8 พรรคยืนยันว่า เป็นการพูดคุยกันด้วยเหตุผล เมื่อฟังมากขึ้นก็3xbet เครดิต ฟรีจะรู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ติดก็จะได้ชี้แจง หรือ อาจเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด หรือ เฟคนิวส์ และยืนยันว่า มีทิศทางที่ดีมากแต่ขอสงวนความเห็นของ ส.ว.ไว้ก่อน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า อยากช่วยให้เวลาช่วยให้ความหวังของประชาชนมาถึง ไม่อยากให้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมายื้อ หรือ มาดูถูกว่าประชาชนไร้ซึ่งอำนาจ อยากให้เห็นความความหวังของประชาชนมีพลัง ถ้าไม่สนใจแล้วปล่อยให้เกิดพลังนั้นขึ้นมา สิ่งที่เราไม่ต้องการอาจจะมีขึ้นมาก็ได้ การทำงานจะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลจะได้แค่ไหนก็มีเครื่องชี้วัด คือ ประชาชน นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวว่า เราจะนับหนึ่งก็อยู่ที่ กกต.ต้องขอบคุณที่วันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา กกต.จัดการเลือกตั้งได้ดีพอสมควร แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องบ้างต่อไปก็ให้ศาลพิจารณาต่อ เชื่อว่า กกต.ส่วนใหญ่ทำเสร็จแล้ว 500 คนอยู่ในมือ กกต.อยู่ที่ว่าจะประกาศเมื่อใด ทั้งนี้ ยังมีเรื่องของความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล ความเชื่อมั่นนักลงทุน เรื่องหุ้น และความเชื่อมั่นต่อต่างประเทศที่จะมีต่อบ้านเมืองของเราไม่ใช่ 8 พรรคนี้ ต่อรัฐบาลและประเทศไทย นพ.ชลน่าน กล่าวเพิ่มเติมอีก 3 ข้อว่า 1.พรรคเพื่อไทย จะสนับสนุนและจัดบุคลากรที่สนับสนุนต่อการทำภารกิจที่ได้แถลงต่อประชาชน สิ่งที่คาดหวังคือ นโยบายที่ดีที่สุด และการจัดสรรตำแหน่งต่าง ๆ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเป็นการแบ่งงานตามวาระ ตามความรู้ ความสามารถ และ 3. ดีลล้วง ลับ ต่าง ๆ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า จะเปลี่ยนเป็นดีลรักให้หมด เพื่อพี่น้องประชาชน ขณะที่นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า หลังได้ร่วมลงนาม MOU ได้รับการประสานจากเอกชนและภาครัฐ และได้รับขอเสนอและข้อเป็นเป็นห่วงจำนวนมาก ขอฝากว่า อย่าเกรงว่า การที่รัฐบาลใหม่จะเข้ามาทำงานของรัฐบาลใหม่จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงาน หรือ ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลเก่าสู่รัฐบาลใหม่ ขณะที่ นายวิรัตน์ วรศสิริน พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า จุดยืนของพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันจะอยู่กับพรรคฝั่งประชาธิปไตย แม้ว่าขณะนี้จะเหลืออยู่เพียง 1 ที่นั่ง และจะอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลนี้ ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทยรวมพลัง กล่าวว่า วันนี้พรรคร่วมทั้ง 8 พรรคได้ตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาต่าง ๆ ไปแล้วทั้งปัญหาปากท้องและปัญหาอื่น ๆ และยืนยันว่าจะไม่ทิ้งปัญหาเกษตรกร หลังจะเป็นปากเสียงของชาวอีสานต่อไป ส่วนเรื่องของตำแหน่ง พรรคร่วมไม่ได้เอามาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาผลประโยชน์ของพรรคเป็นตัวตั้ง แต่เอาประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง อ่านข่าว : เลือกตั้ง2566 : หารือ 8 พรรคไร้วาระถกตำแหน่ง "ปธ.สภาฯ" เลือกตั้ง2566 : "พิธา" ให้คำมั่นดัน "กม.สมรสเท่าเทียม" สำเร็จก่อนไทยเจ้าภาพเวิลด์ไพรด์ 2028 เลือกตั้ง2566 : "พิชัย" ยืนยันยังอยู่ "เพื่อไทย" ชี้ถึงเวลาต้องรีแบรนด์พรรค

นักวิชาการทีดีอาร์ไอห่วงนโยบายรับจำนำข้าว นักวิชาการทีดีอาร์ไอห่วงนโยบายรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลจะนำกลับมาใช้ใหม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลเป็นหนี้ในโครงการรับจำนำและประกันข้าวกว่าแสนล้าน หากบริหารแบบขาดความร