วันนี้ (17 ม.ค.2568) วันนี้เป็นวันแรกที่รัฐบาลจะเปิดตัวโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" ซึ่งเป็นโครงการที่มี

วันที่ 12 ธ.ค.2565 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานการดูแลรักษาช่วยเหลือ "ธันวา" ลูกช้างป่าพลัดหลง เพศเมีย หลังมีอาการป่วยและบาดเจ็บ โดยพบว่า ลูกช้างมีอาการอ่อนเพ

วันที่ 12 ธ.ค.2565 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานการดูแลรักษาช่วยเหลือ "ธันวา" ลูกช้างป่าพลัดหลง เพศเมีย หลังมีอาการป่วยและบาดเจ็บ โดยพบว่า ลูกช้างมีอาการอ่อนเพลีย ถ่ายเหลวบ่อยครั้ง ไม่มีแรงลุกนั่ง-ยืน ต้องให้เจ้าหน้าที่พยุงตัวช่วย ทั้งผล สลาก กระปุกนี้ ได้ให้สารน้ำเข้าทางหลอดเลือดดำและใต้ผิวหนัง ปรับเปลี่ยนสูตรการให้นม โดยให้กินน้ำต้มข้าวร่วมด้วย ปรับลดมื้อของการให้นมลง (รอดูผลการปรับเปลี่ยน) ให้ยาฆ่าเชื้อแบบกิน วิตามินแบบกิน ให้ยาลดกรดในระบบทางเดินอาหาร เข้าทางหลอดเลือดดำ ลูกช้างป่า "ธันวา" มีอาการหอบหายใจในบางครั้ง โดยให้ออกซิเจนทุกครั้งที่มีอาการดังกล่าว พร้อมตรวจเช็คระดับกลูโคสในกระแสเลือดทุก 3 ชั่วโมง และเจาะเก็บเลือดเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม ส่วนผลการตรวจเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้างชนิด EEHV ไม่พบเชื้อ ทีมสัตวแพทย์สรุปว่า ลูกช้างป่ามีปัญหาระบบทางเดินอาหารในเรื่องของการดูดซึมของนมที่ให้การเจริญเติบโตของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร ทีมสัตวแพทย์จึงปรับสูตรการให้นมใหม่ โดยให้น้ำต้มข้าวเพิ่มเติมทดแทน และตัดมื้อนมให้ลดลง เพื่อลดการถ่ายเหลว ซึ่งทำให้สัตว์สูญเสียอิเล็กโทรไลต์ มีผลอย่างมากต่อร่างกาย ทั้งนี้ ในการรักษาของทีมสัตวแพทย์ ทีมสัตวแพทย์ได้ปรึกษาถึงอาการและแนวทางการดูแลรักษาเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านช้าง (หน่วยงานภายนอกและภาคเอกชน) ได้แก่ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน, สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์, มูลนิธิพระคชบาล และโรงพยาบาลสัตว์เนินพลับหวาน พัทยา ส่วนทีมสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ยังคงต้องดูแลลูกช้างป่า (ธันวา) อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ใช้เฮลิคอปเตอร์ย้าย "ธันวา" ลูกช้างบาดเจ็บแม่ทิ้งป่าลึกมาบึงฉวาก เปิดภาพลูกช้าง "ธันวา" บาดแผลถลอก บอบช้ำ-ห่วงเสี่ยงไตวาย อัปเดตอาการลูกช้าง "ธันวา" ยังต้องดูแลใกล้ชิด

แสงแดดเป็นหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิว นอกจากจะส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำแล้ว ยังทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ด้วย ดังนั้นการทำกิจกรรมกลางแจ้งจึงเป็นสิ่งที่หลายคนพยายามหลีกเลี่ยง แต่กา