วันนี้ (24 พ.ค.2564) นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธ
“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ วัย 64 ปี สำเร็จการศึกษาระดับมัธยม จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศนียบัตรเนติบัณฑิต จากสำนักอบรม
วันนี้ (24 พ.ค.2564) นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรียกประชุมสมาคมธนาคารไทย ในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อหารือการเร่งปล่อยสินเชื่อฟื้นฟู หรือซอฟต์โลน เพื่อกระตุ้นการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของ COVID-19 พร้อมกำชับให้ผู้บริหารสถาบันการเงินปรับวิธีการสื่อสาร และทำความเข้าใจกับพนักงานสาขา ให้มาตรการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่ำ กระจายสู่ภาคเศรษฐกิจ ก่อนส่งเจ้าหน้าที่ ธปท.ประกบสถาบันการเงิน ติดตามและเร่งรัดกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ หลังพบว่าสถาบันการเงินบางส่วน ยังคงอ้างว่าอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบภายใน ทั้ถ่ายทอด ฟุตบอล พรีเมียร์งที่ให้เวลาเตรียมการนานกว่า 2-3 สัปดาห์แล้ว ส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อซอฟต์โลน ยังต่ำกว่าเป้าหมายไปมาก และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ มียอดอนุมัติสินเชื่อรวม เพียง 15,000 ล้านบาท จากจำนวน 6,700 ราย และอนุมัติรับโอนทรัพย์ตามมาตรการเพียง 4 ราย นับจากกำหนดบังคับใช้ ทั้งนี้่ สถาบันการเงินรู้ดีอยู่แล้วว่าสถานะลูกหนี้เป็นอย่างไร ควรช่วยเหลืออย่างไร แต่ที่ผ่านมา พบว่าสถาบันการเงินบางแห่งยังอ้างว่าระบบไม่พร้อม คนไม่พร้อม ทั้งที่ให้เวลาเตรียมการมานานกว่า 2-3 สัปดาห์แล้ว จึงขอให้สถาบันการเงินทำความเข้าใจกับสาขา ทำงานเชิงรุกมากขึ้น นายรณดล กล่าวอีกว่า ธปท.พยายามติดตามการบังคับใช้มาตรการการเงิน เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีศักยภาพ กลับมาประกอบธุรกิจได้อีกครั้ง หลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย รวมทั้งขอความร่วมมือสถาบันการเงิน ไม่นำข้อมูลประวัติลูกหนี้ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ไปเข้าเครดิตบูโร เพื่อไม่ให้กระทบการขอสินเชื่อใหม่ สำหรับสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 ที่รุนแรงขึ้น ทำให้ ธปท.กำลังติดตามสถานการณ์ โดยมาตรการทางการเงินที่มีอยู่ ถือว่าตอบโจทย์ลูกหนี้ได้ระดับหนึ่ง แต่ลูกหนี้ต้องพัฒนาตัวเอง ปรับปรุงกิจการ และปรับตัวให้ทันสถานการณ์ด้วย
วันนี้ (12 ก.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐสภาศรีลังกา ประกาศว่าจะเลือกประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ แทนที่ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่พร้อมลงจากตำแหน่ง