ความคืบหน้า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต​ 10,000 บาท​ใน​เฟส 3​ สำหรับบุคคลทั่วไปที่ลงท

วันนี้ (13 ม.ค.2566) กลุ่มตัวแทนกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ ซึ่งประกอบด้วย นายนพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด Bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.), ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (

ความคืบหน้า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต​ 10,000 บาท​ใน​เฟส 3​ สำหรับบุคคลทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ล่าสุด วันนี้ (10 มี.ค.2568) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง แถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า วันนี้การประชุมมีอยู่ 3 เรื่อง เรื่องที่ 1 คือ การขับเคลื่อนหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดร้อยละ 3 ให้ได้ 2. เรื่องแจกเงิน​ Digital wallet เฟส 3​ และ​ 3.​การลงทะเบียนผู้ไม่มีสมารต์โฟน​ สำหรับ​ Digital wallet เฟส 3​ นายพิชัย​ กล่าวว่า​ ตนอยากให้เรียกว่าเป็น​ เฟสแรก​ เพราะเราแจกเงินผ่าน Digital wallet ครั้งแรก​ ซึ่งมีข้อดี ที่สามารถควบคุมการใช้เงินได้ กำหนดกรอบการใช้จ่ายได้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ​ได้เคาะแล้ว​ จะแจกให้สำหรับประชาชนที่มีอายุ 16 -​ 20 ปี โดยเป็นการเห็นชอบในหลักการ​ คาดว่า​ การแจกจะอยู่ในช่วงปลายไตรมาส 2 ควบไตรมาส 3 ซึ่งจะรอดูความเรียบร้อยและพิจารณาถึงความคุ้มค่าในอนาคตและปัจจุบันก่อน รวมถึงประโยชน์ที่ได้ในการวางพื้นฐาน ต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วน​ และยังไม่สามารถคำตอบได้ว่าจะเข้า​ ครม.​ เมื่อใด นายพิชัย​ กล่าวเพิ่มเติมว่า​ นายกฯ กังวลเรื่อง​ความผิดพลาดในระบบ จึงได้ตั้งอนุกรรมการเพื่อมาดูในเรื่องนี้โดยเฉพาะ​ เชื่อว่าความผิดพลาดในอดีตจากการจ่ายเงินหมื่น จะทำให้ลดลงเนื่องจากมีการจ่ายเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งนายกฯ ก็กำชับว่าให้ดูเรื่องระบบดังกล่าวด้วย ขณะที่นายจุลพันธ์​ อมรวิวัฒน์​ รมช.คลัง กล่าวขยายความถึงการลงทะเบียนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟน​ว่า​ สิ่งที่ทำคือ การลงทะเบียนประชาชน ที่ไม่มีสมาร์ตโฟนทั้งหมด​ ไม่ใช่แค่เรื่องการเติมเงิน 10,000 บ. ซึ่งข้อมูลที่เราได้มาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ได้ต่อไปในอนาคต​ อย่างตรงจุดและตรงเป้า​ สำหรับการลงทะเบียน จะลงผ่านธนาคารของรัฐ​ 4 ธนาคาร​ ประกอบด้วย​ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์​ ธนาคารออมสิน​ และ​ ธนาคารอิสลาม ร่วมกับไปรษณีย์และ​ อปท. ส่วนกรอบเวลาให้ลงทะเบียนจะแจ้งอีกครั้ง​ ตอนนี้แอปพลิเคชัน​ ในการลงทะเบียนมีความพร้อมหมดแล้ว ทั้งนี้​ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวเสริมเรื่องการลงทะเบียน​ กลุ่มไม่มีสมาร์ทตโฟน​ว่า​ ประชาชนสามารถวอล์กอินไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เหล่านี้ และไม่สามารถแอบอ้างได้ เพราะข้อมูลทั้งหมดที่ลงทะเบียนจะถูกนำไปตรวจสอบ ซึ่งจะประสานงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผ่าน​ กสทช. นายเผ่าภูมิ​ กล่าวต่อว่า​ จำนวนผู้ที่ได้รับในเฟสนี้ 16 - 20 ปี มีจำนวน 2.7 ล้านคน และการที่เลือกแจกประชาชนกลุ่มนี้​ ไม่ใช่ข้อจำกัดของงบประมาณหรือรัฐบาลจะนำเงินลงไปในกลุ่มไหน แต่เลือกเพราะพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เหมาะสม จำนวนเม็ดเงินที่ลงไปสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ​ เมื่อถามว่า​ 150,000 ล้านบาท หากใช้ไม่ทันปี 2568 สามารถที่จะใช้ในปีงบประมาณถัดไปได้หรือไม่​ นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า​ โครงการต้องเดินหน้าก่อนถึงใช้งบผูกพันได้ ถ้าไม่ใช้ก็ต้องพับไป แต่ยืนยันว่า เม็ดเงินนี้เป็นเม็ดเงินที่สำคัญ​ เราต้องใช้ให้คุ้มค่า ทุกบาททุกสตางค์ ​ ขอให้มีความเชื่อมั่นว่า ด้วยกลไกในการขับเคลื่อน การใช้จ่ายของภาครัฐก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะฉะนั้นเงิน 150,000 ล้านบาท รัฐบาลได้วางแผนไว้สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อถามถึงเงื่อนไขการใช้เงินดิจิตอลวอลเล็ต มีการปรับเปลี่ยน​ไปจากเดิมหรือไม่​ นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตครั้งนี้​ ​เป็นการตั้งโครงการขึ้นมาใหม่ทั้งหมด​ โดยการดึงข้อมูลมาจากแอปพลิเคชัน​ทางรัฐ​ ส่วนรายละเอียด การใช้เงินค่อนข้างที่จะคล้ายเดิม​ พร้อมกับมีการปรับเปลี่ยนโดยการทำให้ง่ายขึ้น​ คือ​ ถอดการขึ้นเงินสดของร้านค้า​ โดยให้ร้านค้าทุกประเภท​ สามารถขึ้นเงินได้​ โดยไม่จำกัด​เฉพาะ​กลุ่มที่อยู่ในการเสียภาษี​ เพื่อให้เกิดการสะดวกแก่ร้านค้า และเป็นการเชิญชวนให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการเรามากขึ้น​ เมื่อ​ถามถึงพื้นที่ในการใช้เงินดิจิทัล นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า​ ยังเป็นพื้นที่ภายในอำเภออยู่​ สามารถจ่ายค่าเทอมได้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้​ 1️โร ม่า สล็อต ล่าสุดและเราหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจมาก​ เพราะจากการกระตุ้นเศรษฐกิจไป 2 รอบ​ มีผลสำรวจออกมา​จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง​ มีผลที่ดีทั้ง 2 รอบ​ มีการหมุนเวียนและกระจายตัวที่ดีมาก และรอบนี้เราเชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เพราะเราใช้กลไกของดิจิทัลวอลเล็ต​ จะสามารถจำกัดตัวเม็ดเงินไปในจุดที่เราต้องการได้มากขึ้น​ และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งนี้เรายังมีกลไกในการเติมเงิน อายุ 16-20 ปี เพื่อไปใช้เรื่องปัญหาค่าครองชีพของเขา​ และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไปในอนาคต เมื่อถามว่า​ คนวัยทำงานตั้งคำถามว่า  ทำไมไม่แจกก่อน​ นาย​จุลพันธ์​ กล่าวว่า​ เป็นเรื่องของการบริหารจัดการเม็ดเงิน เพื่อลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เมื่อถามว่ากลุ่มอายุ 16 -​ 20 ปีอาจจะมีความต้องการใช้เงินไม่เท่ากับกลุ่มวัยทำงาน​ นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า​ ใกล้เปิดเทอมแล้วซึ่งพวกเขาก็มีความจำเป็น​ เมื่อถามว่า​ การแจกเงินในรอบนี้จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจเหมือน 2 รอบแรกหรือไม่​ นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า​ จากการวิเคราะห์ภาวะการทางเศรษฐกิจ และโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ จังหวะนี้เป็นจังหวะที่มีความเหมาะสม เมื่อถามว่า​ กลุ่มที่มีอายุ 20 -​ 59 ปียังมีสิทธิรับเงิน 10,000 บ.ใช่หรือไม่​ นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า แน่นอน อย่างที่เรียนไปเรามีเม็ดเงินรอไว้อยู่ 150,000 ล้านบาท​ วันนี้เราทำครั้งนี้​ไป​ กรอบระยะเวลาในการใช้เงินก็เหลือไตรมาสเดียว​ ดังนั้น​ กลุ่มถัดไป​ ก็คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการแจก ​ เมื่อถามว่า เฟสถัดไปอาจจะมีการแตกเป็นกลุ่มอีก นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า​ ต้องดูจังหวัดและความเหมาะสมอีกครั้ง​ ต้องมีการประชุมกันก่อน เมื่อถามว่าเฟสถัดไป​ อาจจะไม่ใช่การแจกเงินหมื่นใช่หรือไม่​ นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า​ การกระตุ้นเศรษฐกิจ​ ทำได้หลายอย่าง​ อย่างที่บอกว่า วาระแรกของการประชุมคือ 46 โครงการ​ ที่เราได้ทำมาแล้วทำอยู่​ และกำลังจะทำต่อไป เป็นโครงการที่ใช้เม็ดเงินและนโยบายโครงการ​ กลไกของรัฐ​ ทั้งหมดต้องประกอบเข้าด้วยกัน ในส่วนของเม็ดเงินที่เราเตรียมไว้ เราเตรียมไว้สำหรับทำโครงการเงินหมื่นในเฟสถัดไป​ ยืนยันว่า​ รัฐบาลจะมีความเชื่อมั่นในการแจกเงินเฟสถัดไป เพราะเม็ดเงินในระบบมีอยู่อย่างเพียงพอ การเติมเงินในครั้งก่อนๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจได้ชี้แล้วว่า​ มันมีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ​ เพราะฉะนั้นการขับเคลื่อนนโยบายที่เราได้ว่างเอาไว้​ และค่าแรงต่อรัฐสภา เราต้องขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ สุดท้ายเงินหมื่นต้องถึงมือประชาชนทุกคน​ อ่านข่าว : ลุ้น 16-20 ปีกว่า 2 ล้านรับดิจิทัลเฟส 3 เคาะแจกพ.ค.นี้ เช็กสิทธิ "ทางรัฐ" 16 ล้านคนเตรียมรอเงินหมื่นดิจิทัลเฟส 3 "จุลพันธ์" ยันโอนเงินดิจิทัลหมื่นบาทเฟส 3 ไตรมาส 2

วันนี้ (22 ก.พ.2565) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุม ครม. ว่า ครม.อนุมัติโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) วงเงิน 603.50 ล้านบาท และให้การยาง