วันนี้ (11 พ.ค.2568) วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบด

"มิงค์ สระบุรี" นักสนุกเกอร์สาวมือ 3 ของโลก โชว์ฟอร์มสุดยอดล้มมือ 1 ของโลก คว้าเเชมป์อาชีพเป็นรายการที่ 2 ในชีวิตของเธอ ซึ่งถือเป็นเเบบอย่าง เเละสร้างเเรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยในการหันมาทุ่มเทให้กับก
วันนี้ ( 19 มี.ค.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ พบว่า ภาคธุรกิจในช่วงเวลานี้ ต้
วันนี้ ( 19 มี.ค.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ พบว่า ภาคธุรกิจในช่วงเวลานี้ ต้องเผชิญกับสถานการณ์และแรงกระทบต่างๆ จากภายในและภายนอกประเทศ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายด้านการค้าและภาษีของประเทศมหาอำนาจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูง และสถานการณ์ที่ผู้บริโภคต้องระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย ล้วนส่งผลให้ภาคธุรกิจชะลอการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการจดทะเบียนธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้เดือนก.พ.2568มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,529 ราย ลดลง 579 ราย หรือ ลดลง7.14%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และทุนจดทะเบียนรวม 16,335 ล้านบาท ลดลง 4,027 ล้านบาท หรือลดลง19.78% โดยธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 628 ราย มูลค่า ทุน 1,340 ล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 473 ราย ทุน 2,117 ล้านบาท ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 339 ราย ทุน 610 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.34%, 6.28% และ 4.50% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจ ส่วนการจัดตั้งธุรกิจใหม่สะสม 2 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.พ.) มีจำนวน 16,391 ราย ลดลง 879 ราย หรือลดลง 5.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและทุนจดทะเบียน 41,285 ล้านบาท ลดลง 4,509 ล้านบาท หรือลดลง9.85 แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการส่งออกและเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดจนคาดว่าจากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและของโลกที่มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนหลักทั้งจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนของภาครัฐการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการ Easy E-Receipt การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว น่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ยอดการจดทะเบียนธุรกิจทั้งปี 2568 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่กรมตั้งไว้ (90,000 - 95,000 ราย) อธิบดีกรมพัฒน์ฯ กล่าวอีกว่า การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการพบว่า เพิ่มขึ้น 81 ราย หรือ11.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(706 ราย) ธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 76 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 35 ราย และ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 34 ราย รวม2 เดือน จดทะเบียนเลิก เพิ่มขึ้น 320 ราย หรือ16.86%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการลงทุนของต่างชาติ 2 เดือนแรก ปีนี้พบว่า เพิ่มขึ้น68% โดยต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 38 ราย คิดเป็น 21% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 13,676 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนนักวิเคราะห์บอล ต่างประเทศในธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การเปลี่ยนและ ทำการเชื่อมต่อท่อส่งใต้ทะเล ระหว่างแท่นหลุมผลิตในโครงการขุดเจาะน้ำมัน ธุรกิจบริการบริหารจัดการการสั่งซื้อและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และธุรกิจบริการรับจ้างผลิต จีน 23 ราย คิดเป็น 13% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,113 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการดำเนินพิธีการศุลกากรในเขตปลอดอากร (Free Zone) ธุรกิจบริการให้เช่าอาคารโรงงานพร้อมสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า สิงคโปร์ 23 ราย คิดเป็น 13% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,490 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนายางรถยนต์ ธุรกิจบริการ Data Center และ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า สหรัฐอเมริกา 19 ราย คิดเป็น 11% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,372 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกสินค้า ธุรกิจบริการสนับสนุนข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และธุรกิจบริการรับจ้างผลิต ฮ่องกง 16 ราย คิดเป็น 9% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,587 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุน 31% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 63% มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 17,546 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศ ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ อ่านข่าว: "จุลพันธ์" มั่นใจ "ซื้อหนี้ประชาชน" เกิดในรัฐบาลนี้ เทียบเปรียบแนวทางแก้หนี้เสีย ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ตลาดอาคารชุดเข้าสู่จุดหดตัว ทีทีบี ชี้ ทำเลใหม่เกิดยาก-กำลังซื้อลด
เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2567 บรรยากาศภายในโรงพยาบาล Nasser ในเมืองคาน ยูนิส เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย ท
วันนี้ (5 ก.พ.2567) ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมคร
ในยุคที่ของหวานและอาหารแป้งขาว กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่า ความ
วันนี้ ( 19 มี.ค.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ พบว่า ภาคธุรกิจในช่วงเวลานี้ ต้องเผชิญกับสถานการณ์และแรงกระทบต่างๆ จากภายในและภายนอกประเทศ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายด้านการค้าและภาษีของประเทศมหาอำนาจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูง และสถานการณ์ที่ผู้บริโภคต้องระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย ล้วนส่งผลให้ภาคธุรกิจชะลอการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการจดทะเบียนธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้เดือนก.พ.2568มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,529 ราย ลดลง 579 ราย หรือ ลดลง7.14%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และทุนจดทะเบียนรวม 16,335 ล้านบาท ลดลง 4,027 ล้านบาท หรือลดลง19.78% โดยธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 628 ราย มูลค่า ทุน 1,340 ล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 473 ราย ทุน 2,117 ล้านบาท ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 339 ราย ทุน 610 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.34%, 6.28% และ 4.50% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจ ส่วนการจัดตั้งธุรกิจใหม่สะสม 2 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.พ.) มีจำนวน 16,391 ราย ลดลง 879 ราย หรือลดลง 5.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและทุนจดทะเบียน 41,285 ล้านบาท ลดลง 4,509 ล้านบาท หรือลดลง9.85 แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการส่งออกและเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดจนคาดว่าจากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและของโลกที่มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนหลักทั้งจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนของภาครัฐการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการ Easy E-Receipt การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว น่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ยอดการจดทะเบียนธุรกิจทั้งปี 2568 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่กรมตั้งไว้ (90,000 - 95,000 ราย) อธิบดีกรมพัฒน์ฯ กล่าวอีกว่า การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการพบว่า เพิ่มขึ้น 81 ราย หรือ11.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(706 ราย) ธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 76 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 35 ราย และ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 34 ราย รวม2 เดือน จดทะเบียนเลิก เพิ่มขึ้น 320 ราย หรือ16.86%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการลงทุนของต่างชาติ 2 เดือนแรก ปีนี้พบว่า เพิ่มขึ้น68% โดยต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 38 ราย คิดเป็น 21% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 13,676 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนนักวิเคราะห์บอล ต่างประเทศในธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การเปลี่ยนและ ทำการเชื่อมต่อท่อส่งใต้ทะเล ระหว่างแท่นหลุมผลิตในโครงการขุดเจาะน้ำมัน ธุรกิจบริการบริหารจัดการการสั่งซื้อและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และธุรกิจบริการรับจ้างผลิต จีน 23 ราย คิดเป็น 13% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,113 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการดำเนินพิธีการศุลกากรในเขตปลอดอากร (Free Zone) ธุรกิจบริการให้เช่าอาคารโรงงานพร้อมสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า สิงคโปร์ 23 ราย คิดเป็น 13% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,490 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนายางรถยนต์ ธุรกิจบริการ Data Center และ ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า สหรัฐอเมริกา 19 ราย คิดเป็น 11% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,372 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกสินค้า ธุรกิจบริการสนับสนุนข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และธุรกิจบริการรับจ้างผลิต ฮ่องกง 16 ราย คิดเป็น 9% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,587 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุน 31% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 63% มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 17,546 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศ ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ อ่านข่าว: "จุลพันธ์" มั่นใจ "ซื้อหนี้ประชาชน" เกิดในรัฐบาลนี้ เทียบเปรียบแนวทางแก้หนี้เสีย ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ตลาดอาคารชุดเข้าสู่จุดหดตัว ทีทีบี ชี้ ทำเลใหม่เกิดยาก-กำลังซื้อลด
วันนี้ (14 ก.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวระหว่างเป็นประธานการแถลงผลการศึ