วันนี้ (13 เม.ย.2568) CNN วิเคราะห์ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนปะทุรอบใหม่ เมื่อ ปธน.โดนัลด์ ทรบอล ออนไลน์ ท รู สปอร์ต 2
เริ่มขบวนด้วย รพ.ขอนแก่น ที่ออกแถลงการณ์ทวงคืนไฟเซอร์ให้บุคลากรด่านหน้า หลังได้รับวัคซีนเพียงครึ่งเดียวจากที่ขอ ด้าน ผอ.รพ.ขอนแก่น ชี้แจงว่า เป็นความเข้าใจผิดจากการสื่อสาร โดยวัคซีนไฟเซอร์ที่ส่งมาเป็น
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ปีงบประมาณ 2565 จะเริ่มในอีก 3 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งปีหน้าจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพิจารณางบฯ ของสภาฯ ในวันนี้ แต่ขณะนี้ประเทศยังอยู่ในรอยต่อโรคระบาด จึงคาดหวังว่ารัฐบาลจะอัดฉีดงบประมาณเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ประชาชน แต่แทนที่งบประมาณปี 2565 จะเพิ่มขึ้น รัฐบาลกลับปรับลดงบฯ ลง 185,000 ล้านบาท โดยอ้างเหตุผลตามกฎหมาย ทั้งนี้ เชื่อว่ารัฐบาลเห็นปัญหาเรื่องเงินไม่พอใช้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินอีก 500,000 ล้านบาท ซึ่งแทนที่จะออกเป็น พ.ร.บ.งบกลางปี ที่มีรายละเอียดชัดเจน แต่กลับเลือกหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและหลีกเลี่ยงความรับผิดทั้งปวงด้วยการออกเป็น พ.ร.ก. แล้วขอให้สภาฯ กับประชาชนเช็นต์เช็กเปล่าให้รัฐบาลอีกรอบ ทั้งๆ ที่เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการตั้งงบฯ รายจ่ายลดลง ด้วยการงบฯ ต่างๆ แล้วขอกู้เงินแบบเช็กเปล่า จึงควรได้รับการแก้ไขที่ต้นตอของปัญหา และหากจะให้งบฯ ปี 2565 ถูกใช้ฟื้นฟูประเทศ ต้องเริ่มแก้ไขจากโครงสร้างที่บิดเบี้ยวของงบฯ ทั้งกฎหมาย ระเบียบ รวมถึงแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่รัฐบาล พลบอล ออนไลน์ ท รู สปอร์ต 2.อ.ประยุทธ์ เขียนขึ้นมาเองแทบทั้งสิ้น “ปี 2565 งบฯ ที่ตัดลดลง 185,000 ล้านบาท ซึ่งเงินที่จะลงไปถึงประชาชนน้อยลงกว่านี้ เพราะต้องนำเงินงบฯ ส่วนหนึ่งไปใช้หนี้เก่าที่ไม่ใช่แค่หนี้สาธารณะ แต่ต้องนำไปชดเชยภาระผูกพันต่างๆ ที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ด้วย” น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า โรคที่รัฐบาลเป็นอยู่ในปัจจุบัน โรคแรกคือเงินก้อนแรกที่ต้องเอาไปใช้ภาระเก่าเมื่อปี 2563 ที่ตอนนั้นเพิ่มเริ่มเกิดวิกฤต COVID-19 ซึ่งรัฐบาลใช้งบกลางไปหมดแล้ว ต่อมาใช้เงินทุนสำรองจ่ายที่เป็นเงินก้นถุงของรัฐบาลเป็นวงเงินกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลใช้ไป 24,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้ตั้งงบฯ คืนในปี 2564 จึงต้องตั้งงบฯ มาใช้คืนปีนี้ ซึ่งจะทำให้งบฯ ในภาพรวมที่ลดลงไป 185,000 ล้านบาท ยิ่งลดน้อยลงไปอีก อีกโรคคือก้อนถัดมา คือเงินที่นำไปชดใช้หนี้สาธารณะ ซึ่งปีนี้ต้องชดใช้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4,000 ล้านบาท มีภาระเงินชดเชยเงินคงคลังเพิ่มขึ้นมา 500 ล้านบาท เนื่องจากปี 2563 หมุนเงินไม่ทัน จึงทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่มาประจวบเหมาะกันในตอนนี้ เช่น ค่าใช้จ่ายคดีข้อพิพาทระหว่างบริษัทเชฟรอนและรัฐบาลไทย ที่ถูกยื่นฟ้องไปและอยู่ในขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการ เงินก้อนถัดมาขอเรียกว่า “โรคเรื้อรัง” เป็นเงินใช้หนี้ที่รัฐบาลติดค้างหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส., บสย. และออมสิน ยอดหนี้รวม 970,000 ล้านบาท ซึ่งมีเพดานห้ามเกิน 30% ของงบฯ รายจ่าย แต่หากปีหน้าลดงบฯ ลง กรอบก็จะลดลงอีก ซึ่งหากยังเหนียวหนี้ในปีหน้า หนี้จะทะลุกรอบวินัยการเงินการคลังทันที จึงต้องจ่ายหนี้ให้ธนาคารของรัฐ 90,000 ล้านบาท โรคเรื้อรังอีกหนึ่งโรค คือ รัฐราชการที่ใหญ่โตเทอะทะ ซึ่งในปีนี้งบฯ ที่เป็นสวัสดิการราชการ ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยหวัด บำเน็จ บำนาญ เงินสำรอง เงินสมทบ เงินชดเชยของข้าราชการ เพิ่มขึ้นเกือบ 12,000 ล้านบาท เบ็ดเสร็จรวม 1.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 40% ของงบฯ หากยังไม่มีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ งบฯ ตรงนี้ก็จะยิ่งพอกพูนขึ้นทุกปี จนไปกินพื้นที่ของงบฯ ในส่วนอื่น เมื่องบฯ เหลือน้อยและต้องเลือกตัดงบฯ รัฐบาลก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับรัฐราชการ ไม่กล้าตัดงบฯ ตรงไปที่กระทรวงหรือกรม เพราะมีเจ้าที่คุมทั้งสิ้น แต่รัฐบาลกลับเลือกตัดงบฯ สวัสดิการประชาชน คือ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ บัตรทอง ถูกตัดไป 2,000 ล้านบาท, ประกันสังคม ถูกตัดไป 19,000 ล้านบาท, กองทุนสวัสดิการประชารัฐที่รัฐบาลเคยโฆษณาไว้ว่าจะทำให้คนจนหมดไปจากประเทศไทย ถูกตัดงบฯ ไป 20,000 ล้านบาท, การเคหะแห่งชาติ กองทุนการออมแห่งชาติ ถูกตัดงบฯ ไปครึ่งหนึ่ง ก้อนถัดมาที่รัฐบาลเลือกตัด คือ เงินสำหรับฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดวิกฤต COVID-19 รัฐบาลเลือกที่จะตัดงบฯ การศึกษา 24,000 ล้านบาท, ตัดงบฯ กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 5,000 ล้านบาท, ตัดงบฯ กองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอี 40%, ตัดงบฯ แผนบูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 50%, ตัดงบแผนบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและพัฒนาแห่งอนาคตอีก 20%, ในขณะที่ยังไม่ได้ตั้งงบวัคซีนเข็ม 3-4 งบชดเชยความเสียหายให้กับผู้ประกอบการที่ถูกรัฐสั่งปิดก็ยังไม่มี ทั้งที่ถูกปิดมาแล้ว 3 รอบ แต่ยังไม่เคยได้รับเงินชดเชย บทเรียนที่ผ่านมาจากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่ตั้งงบฯ ฟื้นฟูเศรษฐกิจไว้ 400,000 ล้านบาท อนุมัติจริงแค่ 130,000 ล้านบาท เบิกจ่ายจริงได้เพียงครึ่งเดียว ขณะที่รอบนี้ตังงบฯ ฟื้นฟูไว้ 170,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ฟื้นฟูอะไรยังไม่มีใครรู้ หรือจะใช้จริงแค่ไหนก็ยังไม่มีใครรู้ หากไม่ดึงออกตอนนี้แล้วทำเป็นงบกลางปีที่มีรายละเอียดชัดเจน ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถให้ผ่านไปได้ และขอให้ช่วยถอน พ.ร.ก. ออกจากสภาฯ ไปได้เลย ข่าวที่เกี่ยวข้อง จับตา! วันแรกอภิปรายงบฯ ปี 65 รัฐบาลหั่นงบฯ เหลือ 3.1 ล้านล้านบาท "วิโรจน์" แนะรัฐทุ่มงบฯ สู้โควิด ไม่ใช่เวลาใช้เงิน 2 พันล้าน ซื้ออาวุธ "ชาดา" พ้อนายกฯ ไม่ปลื้ม หั่นงบฯ สธ.ทั้งที่ต้องสู้โควิด
คลิปภาพกลุ่มนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก่อเหตุทะเลาะวิวา
บอล ออนไลน์ ท รู สปอร์ต 2 -Polisi Dalami Motif Tersangka Predator Seks 31 Anak di Jepara
วันนี้ (13 เม.ย.2568) CNN วิเคราะห์ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนปะทุรอบใหม่ เมื่อ ปธน.โดนัลด์ ทรบอล ออนไลน์ ท รู สปอร์ต 2
เริ่มขบวนด้วย รพ.ขอนแก่น ที่ออกแถลงการณ์ทวงคืนไฟเซอร์ให้บุคลากรด่านหน้า หลังได้รับวัคซีนเพียงครึ่งเดียวจากที่ขอ ด้าน ผอ.รพ.ขอนแก่น ชี้แจงว่า เป็นความเข้าใจผิดจากการสื่อสาร โดยวัคซีนไฟเซอร์ที่ส่งมาเป็น
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ปีงบประมาณ 2565 จะเริ่มในอีก 3 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งปีหน้าจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพิจารณางบฯ ของสภาฯ ในวันนี้ แต่ขณะนี้ประเทศยังอยู่ในรอยต่อโรคระบาด จึงคาดหวังว่ารัฐบาลจะอัดฉีดงบประมาณเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ประชาชน แต่แทนที่งบประมาณปี 2565 จะเพิ่มขึ้น รัฐบาลกลับปรับลดงบฯ ลง 185,000 ล้านบาท โดยอ้างเหตุผลตามกฎหมาย ทั้งนี้ เชื่อว่ารัฐบาลเห็นปัญหาเรื่องเงินไม่พอใช้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินอีก 500,000 ล้านบาท ซึ่งแทนที่จะออกเป็น พ.ร.บ.งบกลางปี ที่มีรายละเอียดชัดเจน แต่กลับเลือกหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและหลีกเลี่ยงความรับผิดทั้งปวงด้วยการออกเป็น พ.ร.ก. แล้วขอให้สภาฯ กับประชาชนเช็นต์เช็กเปล่าให้รัฐบาลอีกรอบ ทั้งๆ ที่เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการตั้งงบฯ รายจ่ายลดลง ด้วยการงบฯ ต่างๆ แล้วขอกู้เงินแบบเช็กเปล่า จึงควรได้รับการแก้ไขที่ต้นตอของปัญหา และหากจะให้งบฯ ปี 2565 ถูกใช้ฟื้นฟูประเทศ ต้องเริ่มแก้ไขจากโครงสร้างที่บิดเบี้ยวของงบฯ ทั้งกฎหมาย ระเบียบ รวมถึงแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่รัฐบาล พลบอล ออนไลน์ ท รู สปอร์ต 2.อ.ประยุทธ์ เขียนขึ้นมาเองแทบทั้งสิ้น “ปี 2565 งบฯ ที่ตัดลดลง 185,000 ล้านบาท ซึ่งเงินที่จะลงไปถึงประชาชนน้อยลงกว่านี้ เพราะต้องนำเงินงบฯ ส่วนหนึ่งไปใช้หนี้เก่าที่ไม่ใช่แค่หนี้สาธารณะ แต่ต้องนำไปชดเชยภาระผูกพันต่างๆ ที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ด้วย” น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า โรคที่รัฐบาลเป็นอยู่ในปัจจุบัน โรคแรกคือเงินก้อนแรกที่ต้องเอาไปใช้ภาระเก่าเมื่อปี 2563 ที่ตอนนั้นเพิ่มเริ่มเกิดวิกฤต COVID-19 ซึ่งรัฐบาลใช้งบกลางไปหมดแล้ว ต่อมาใช้เงินทุนสำรองจ่ายที่เป็นเงินก้นถุงของรัฐบาลเป็นวงเงินกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลใช้ไป 24,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้ตั้งงบฯ คืนในปี 2564 จึงต้องตั้งงบฯ มาใช้คืนปีนี้ ซึ่งจะทำให้งบฯ ในภาพรวมที่ลดลงไป 185,000 ล้านบาท ยิ่งลดน้อยลงไปอีก อีกโรคคือก้อนถัดมา คือเงินที่นำไปชดใช้หนี้สาธารณะ ซึ่งปีนี้ต้องชดใช้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4,000 ล้านบาท มีภาระเงินชดเชยเงินคงคลังเพิ่มขึ้นมา 500 ล้านบาท เนื่องจากปี 2563 หมุนเงินไม่ทัน จึงทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่มาประจวบเหมาะกันในตอนนี้ เช่น ค่าใช้จ่ายคดีข้อพิพาทระหว่างบริษัทเชฟรอนและรัฐบาลไทย ที่ถูกยื่นฟ้องไปและอยู่ในขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการ เงินก้อนถัดมาขอเรียกว่า “โรคเรื้อรัง” เป็นเงินใช้หนี้ที่รัฐบาลติดค้างหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส., บสย. และออมสิน ยอดหนี้รวม 970,000 ล้านบาท ซึ่งมีเพดานห้ามเกิน 30% ของงบฯ รายจ่าย แต่หากปีหน้าลดงบฯ ลง กรอบก็จะลดลงอีก ซึ่งหากยังเหนียวหนี้ในปีหน้า หนี้จะทะลุกรอบวินัยการเงินการคลังทันที จึงต้องจ่ายหนี้ให้ธนาคารของรัฐ 90,000 ล้านบาท โรคเรื้อรังอีกหนึ่งโรค คือ รัฐราชการที่ใหญ่โตเทอะทะ ซึ่งในปีนี้งบฯ ที่เป็นสวัสดิการราชการ ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยหวัด บำเน็จ บำนาญ เงินสำรอง เงินสมทบ เงินชดเชยของข้าราชการ เพิ่มขึ้นเกือบ 12,000 ล้านบาท เบ็ดเสร็จรวม 1.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 40% ของงบฯ หากยังไม่มีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ งบฯ ตรงนี้ก็จะยิ่งพอกพูนขึ้นทุกปี จนไปกินพื้นที่ของงบฯ ในส่วนอื่น เมื่องบฯ เหลือน้อยและต้องเลือกตัดงบฯ รัฐบาลก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับรัฐราชการ ไม่กล้าตัดงบฯ ตรงไปที่กระทรวงหรือกรม เพราะมีเจ้าที่คุมทั้งสิ้น แต่รัฐบาลกลับเลือกตัดงบฯ สวัสดิการประชาชน คือ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ บัตรทอง ถูกตัดไป 2,000 ล้านบาท, ประกันสังคม ถูกตัดไป 19,000 ล้านบาท, กองทุนสวัสดิการประชารัฐที่รัฐบาลเคยโฆษณาไว้ว่าจะทำให้คนจนหมดไปจากประเทศไทย ถูกตัดงบฯ ไป 20,000 ล้านบาท, การเคหะแห่งชาติ กองทุนการออมแห่งชาติ ถูกตัดงบฯ ไปครึ่งหนึ่ง ก้อนถัดมาที่รัฐบาลเลือกตัด คือ เงินสำหรับฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดวิกฤต COVID-19 รัฐบาลเลือกที่จะตัดงบฯ การศึกษา 24,000 ล้านบาท, ตัดงบฯ กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 5,000 ล้านบาท, ตัดงบฯ กองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอี 40%, ตัดงบฯ แผนบูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 50%, ตัดงบแผนบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและพัฒนาแห่งอนาคตอีก 20%, ในขณะที่ยังไม่ได้ตั้งงบวัคซีนเข็ม 3-4 งบชดเชยความเสียหายให้กับผู้ประกอบการที่ถูกรัฐสั่งปิดก็ยังไม่มี ทั้งที่ถูกปิดมาแล้ว 3 รอบ แต่ยังไม่เคยได้รับเงินชดเชย บทเรียนที่ผ่านมาจากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ที่ตั้งงบฯ ฟื้นฟูเศรษฐกิจไว้ 400,000 ล้านบาท อนุมัติจริงแค่ 130,000 ล้านบาท เบิกจ่ายจริงได้เพียงครึ่งเดียว ขณะที่รอบนี้ตังงบฯ ฟื้นฟูไว้ 170,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ฟื้นฟูอะไรยังไม่มีใครรู้ หรือจะใช้จริงแค่ไหนก็ยังไม่มีใครรู้ หากไม่ดึงออกตอนนี้แล้วทำเป็นงบกลางปีที่มีรายละเอียดชัดเจน ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถให้ผ่านไปได้ และขอให้ช่วยถอน พ.ร.ก. ออกจากสภาฯ ไปได้เลย ข่าวที่เกี่ยวข้อง จับตา! วันแรกอภิปรายงบฯ ปี 65 รัฐบาลหั่นงบฯ เหลือ 3.1 ล้านล้านบาท "วิโรจน์" แนะรัฐทุ่มงบฯ สู้โควิด ไม่ใช่เวลาใช้เงิน 2 พันล้าน ซื้ออาวุธ "ชาดา" พ้อนายกฯ ไม่ปลื้ม หั่นงบฯ สธ.ทั้งที่ต้องสู้โควิด
คลิปภาพกลุ่มนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก่อเหตุทะเลาะวิวา