วันนี้ (13 ก.พ.2564) ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมกลุ่มนักเรียนชายชั้น ไพ ออ น ไล
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2564 กรณีชาวบ้านใน ต.นางั่ว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เดินทางกลับจาก จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรปราการ แต่ไม่ยอมกักตัวเอง และหนึ่งในนั้นมีอุณหภูมิร่างกายสูง 37 องศา จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเพชร
แต่ที่ชวนฉงนน่าสงสัย เหตุใด “แป้ง นาโหนด” จึงดูจะถูกยกระดับเป็น “วายร้ายข้ามชาติ” ไปแล้ว ทั้งก่อนและหลังถูกตำรวจอินโดนีเซียจับกุม ภายใต้การประสานของตำรวจไทย คาที่พักที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และเมื่อรัฐมนตรียุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เข้ารายงานด่วนเรื่องนี้ ต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ฉับพลัน แอปพลิเคชั่น X ขอนายกฯ ก็โพสต์ข้อความ ได้รับรายงานจากรัฐมนตรียุติธรรม ว่า“แป้ง นาโหนด” นักโทษหนีคดีถูกจับกุมตัวแล้ว โดย สตช. กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงต่างประเทศ ประสานความร่วมมือกับทางการอินโดฯ พร้อมเปิดลิสต์รายชื่อระดับ “บิ๊ก” จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะบินร่วมทริป อาทิ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) รวมทั้งที่ปรึกษานายกฯ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ยังไม่รวมคณะทำงาน และเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่ง แม้จะเลื่อนบินเป็น 1 มิ.ย. แต่คณะเดินทางก็เป็นชุดเดิม ทั้งในตอนแรก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังระบุพร้อมจัดเครื่องแอร์บัส A 320 ซึ่งมีความปลอดภัยสูงสุด สำหรับภารกิจนี้ แม้ พ.ต.อ.ทวี จะแจกแจงเรื่องงบประมาณที่ใช้ว่า เพียง 6 แสนบาท สำหรับเป็นค่าน้ำมัน และค่าจอดเครื่องบิน แต่ในความจริงน่าจะมากกว่านั้น เพราะต้องมีค่าที่พัก ค่าอาหาร งบเอ็นเตอร์เทน ค่าใช้จ่ายในการประสานและเดินทางภายในประเทศอินโดฯ อันเป็นผลจากความประมาทเลินเล่อ หรือมีนอกมีในของเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ ทั้งที่มีผู้คุมเฝ้าถึง 2 คน และยังรอนานถึง 3 ชั่วโมงหลังการหลบหนี ถึงค่อยเข้าแจ้งความกับตำรวจ สื่ออาวุโสบางคนเปรียบ “แป้ง” เป็นเพียงนักเลงบ้านนอก โดยมีอิทธิพลเฉพาะพื้นที่ของตน และใกล้เคียง คดีใหญ่ที่สุดที่โดน คือ ถูกกล่าวหาร่วมกับพวกปล้นผู้ต้องหา จากตำรวจภูธรภาค 8 ขณะเข้าจับกุมคดียาเสพติด และถูกศาลจังหวัดพัทลุง สั่งจำคุก 20 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ “แป้ง” เรียกร้องหาความเป็นธรรมให้ตนเอง เพราะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว และนำไปสู่การได้อัดคลิปเผยแพร่ในโลกโซเชียล กล่าวหาอัยการคนหนึ่งเป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลัง เป็นเหตุให้เขาต้องหลบหนี ก่อนหนีไปทาง จ.สตูล และขึ้นเรือเดินทางไปอินโดฯ เขาอยู่ในสภาพหัวซุกหัวซุน ไปอยู่อินโดฯ ก็หลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะพูดภาษาไม่ได้ แต่บางหน่วยงานที่ร่วมทริปเดินทาง ตั้งข้อสัไพ ออ น ไลงเกตเดินทางไปอินโดฯ เพื่อจะหาเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ แต่สำหรับในระดับนโยบาย ไม่น่าจะเป็นเรื่องผลงาน แต่เป็นการตามล้างตามจัดการให้กับกรมราชทัณฑ์ ที่ปล่อยให้ “แป้ง” หลบหนีจากการถูกควบคุมตัว และควรต้องมีคนระดับผู้หลักผู้ใหญ่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่เมื่อตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ ทุกฝ่ายขอไทยกลับเรียงหน้าออกมาแสดงตนเป็นผลงาน ยังไม่นับการเตรียมตำรวจถึง 300 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เพื่อคุมเข้มตั้งแต่ลงสนามบิน นำขึ้นรถตู้ แล้วนำส่งไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อสอบสวนและขอฝากขังต่อศาล ในวันที่ 4 มิ.ย. ท่ามกลางคำถามค้างคาใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยว่า ไฉนการติดตามผู้ต้องหารายใหญ่ คดีสำคัญๆ ที่ดังไปทั่วโลกของจริง เช่น คดีบอส-วรยุทธ์ อยู่วิทยา ทายาทคนดังตระกูลเจ้าสัวใหญ่ หรือแม้แต่คดีจำนำข้าว ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาจำคุก 5 ปี แต่กลับไม่เห็นความกระตือรือล้น เอาจริงเอาจัง ตามติดไม่ปล่อย เหมือนกรณี “แป้ง นาโหนด” เอาเสียเลย วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส อ่านข่าว : “สภาการสื่อมวลชนฯ” เปิดผลสอบ 2 นักข่าว รับเงินจาก "รอง ผบ.ตร." ปิดพื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เตรียมรับตัว "แป้ง นาโหนด" “ทวี” โต้ไม่ได้โอ๋แห่รับ "แป้ง" อินโดฯ อาสามาส่งแต่แรก-เตรียมขังเรือนจำมั่นคงสูง
วันนี้ (24 ต.ค.2567) พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยความคืบหน้าคดีที่มีผู้เสียหายเข้
ไพ ออ น ไล -It’s Family Time! Penuh Nilai Kebaikan Jangan Lewatkan Animasi Asli Indonesia
วันนี้ (13 ก.พ.2564) ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมกลุ่มนักเรียนชายชั้น ไพ ออ น ไล
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2564 กรณีชาวบ้านใน ต.นางั่ว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เดินทางกลับจาก จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรปราการ แต่ไม่ยอมกักตัวเอง และหนึ่งในนั้นมีอุณหภูมิร่างกายสูง 37 องศา จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเพชร
แต่ที่ชวนฉงนน่าสงสัย เหตุใด “แป้ง นาโหนด” จึงดูจะถูกยกระดับเป็น “วายร้ายข้ามชาติ” ไปแล้ว ทั้งก่อนและหลังถูกตำรวจอินโดนีเซียจับกุม ภายใต้การประสานของตำรวจไทย คาที่พักที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และเมื่อรัฐมนตรียุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เข้ารายงานด่วนเรื่องนี้ ต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ฉับพลัน แอปพลิเคชั่น X ขอนายกฯ ก็โพสต์ข้อความ ได้รับรายงานจากรัฐมนตรียุติธรรม ว่า“แป้ง นาโหนด” นักโทษหนีคดีถูกจับกุมตัวแล้ว โดย สตช. กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงต่างประเทศ ประสานความร่วมมือกับทางการอินโดฯ พร้อมเปิดลิสต์รายชื่อระดับ “บิ๊ก” จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะบินร่วมทริป อาทิ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) รวมทั้งที่ปรึกษานายกฯ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ยังไม่รวมคณะทำงาน และเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่ง แม้จะเลื่อนบินเป็น 1 มิ.ย. แต่คณะเดินทางก็เป็นชุดเดิม ทั้งในตอนแรก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังระบุพร้อมจัดเครื่องแอร์บัส A 320 ซึ่งมีความปลอดภัยสูงสุด สำหรับภารกิจนี้ แม้ พ.ต.อ.ทวี จะแจกแจงเรื่องงบประมาณที่ใช้ว่า เพียง 6 แสนบาท สำหรับเป็นค่าน้ำมัน และค่าจอดเครื่องบิน แต่ในความจริงน่าจะมากกว่านั้น เพราะต้องมีค่าที่พัก ค่าอาหาร งบเอ็นเตอร์เทน ค่าใช้จ่ายในการประสานและเดินทางภายในประเทศอินโดฯ อันเป็นผลจากความประมาทเลินเล่อ หรือมีนอกมีในของเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ ทั้งที่มีผู้คุมเฝ้าถึง 2 คน และยังรอนานถึง 3 ชั่วโมงหลังการหลบหนี ถึงค่อยเข้าแจ้งความกับตำรวจ สื่ออาวุโสบางคนเปรียบ “แป้ง” เป็นเพียงนักเลงบ้านนอก โดยมีอิทธิพลเฉพาะพื้นที่ของตน และใกล้เคียง คดีใหญ่ที่สุดที่โดน คือ ถูกกล่าวหาร่วมกับพวกปล้นผู้ต้องหา จากตำรวจภูธรภาค 8 ขณะเข้าจับกุมคดียาเสพติด และถูกศาลจังหวัดพัทลุง สั่งจำคุก 20 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ “แป้ง” เรียกร้องหาความเป็นธรรมให้ตนเอง เพราะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว และนำไปสู่การได้อัดคลิปเผยแพร่ในโลกโซเชียล กล่าวหาอัยการคนหนึ่งเป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลัง เป็นเหตุให้เขาต้องหลบหนี ก่อนหนีไปทาง จ.สตูล และขึ้นเรือเดินทางไปอินโดฯ เขาอยู่ในสภาพหัวซุกหัวซุน ไปอยู่อินโดฯ ก็หลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะพูดภาษาไม่ได้ แต่บางหน่วยงานที่ร่วมทริปเดินทาง ตั้งข้อสัไพ ออ น ไลงเกตเดินทางไปอินโดฯ เพื่อจะหาเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ แต่สำหรับในระดับนโยบาย ไม่น่าจะเป็นเรื่องผลงาน แต่เป็นการตามล้างตามจัดการให้กับกรมราชทัณฑ์ ที่ปล่อยให้ “แป้ง” หลบหนีจากการถูกควบคุมตัว และควรต้องมีคนระดับผู้หลักผู้ใหญ่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่เมื่อตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ ทุกฝ่ายขอไทยกลับเรียงหน้าออกมาแสดงตนเป็นผลงาน ยังไม่นับการเตรียมตำรวจถึง 300 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เพื่อคุมเข้มตั้งแต่ลงสนามบิน นำขึ้นรถตู้ แล้วนำส่งไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อสอบสวนและขอฝากขังต่อศาล ในวันที่ 4 มิ.ย. ท่ามกลางคำถามค้างคาใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยว่า ไฉนการติดตามผู้ต้องหารายใหญ่ คดีสำคัญๆ ที่ดังไปทั่วโลกของจริง เช่น คดีบอส-วรยุทธ์ อยู่วิทยา ทายาทคนดังตระกูลเจ้าสัวใหญ่ หรือแม้แต่คดีจำนำข้าว ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาจำคุก 5 ปี แต่กลับไม่เห็นความกระตือรือล้น เอาจริงเอาจัง ตามติดไม่ปล่อย เหมือนกรณี “แป้ง นาโหนด” เอาเสียเลย วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส อ่านข่าว : “สภาการสื่อมวลชนฯ” เปิดผลสอบ 2 นักข่าว รับเงินจาก "รอง ผบ.ตร." ปิดพื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เตรียมรับตัว "แป้ง นาโหนด" “ทวี” โต้ไม่ได้โอ๋แห่รับ "แป้ง" อินโดฯ อาสามาส่งแต่แรก-เตรียมขังเรือนจำมั่นคงสูง
วันนี้ (24 ต.ค.2567) พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยความคืบหน้าคดีที่มีผู้เสียหายเข้