ป.ป.ช.ชี้แจงขั้นตอนไต่สวนอดีต 44 สส.ก้าวไกล ปมลงชื่อแก้ ม.112

วันนี้ (13 ส.ค.2567) กลุ่มตัวแทนผู้เสียหายกว่า 10 คน เข้าแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดผู้ถูกกล่าวหา 2 คน กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน กรณีที

วันนี้ (16 ก.ค.2565) นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีมีการโพสต์ภาพ

วันนี้ (26 ก.พ.2566) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์นายกรณี ติรานนท์ เวียงธรรม หรือทนายเคน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคก้าวไกล ประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา และได้รับบาดเจ็บสา

สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หลังจากมาเลเซียประกาศจะยกเลิกกฎหมายนี้ รวมทั้งจะผ่อนปรนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประท้วง และการรายงานข่าวของสื่อมวลชน กลุ่มสิทธิมนุษยชน และกลุ่มฝ่ายค้านระบุว่าสิงคโปร์จำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หรือ ไอเอสเอ ซึ่งอนุญาตให้มีการควบคุมตัวโดยปราศจากการไต่สวนได้ และนักวิจารณ์มองว่ากฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้ที่แข็งข้อต่อรัฐบาล สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ หลังจากนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยกเลิกกฎหมายไอเอสเอ และจะผ่อนปรนกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิพลเมือง รวมถึงกฎเกณฑ์ในการประท้วงและการต่อใบอนุญาตของสื่อมวลชน แต่สิงคโปร์ยังคงยืนกรานที่จะคงไอเอสเอไว้ต่อไป เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของสังคม เดิมที กฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จัดการกับกองโจรคอมมิวนิสต์ในสมัยที่ทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซียตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1960 ต่อมาสิงคโปร์เป็นอิสระจากมาเลเซียในปี 2508 และทั้ง 2 ประเทศยังบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป รัฐมนตรีมหาดไทยของสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า ไอเอสเอถูกใช้เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกmicro knightsับบ่อนทำลายประเทศ ความรุนแรงด้านเชื้อชาติและศาสนา การก่อการร้าย และสายลับ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อกำจัดผู้แข็งข้อทางการเมือง และไม่เคยมีใครถูกควบคุมตัวเพราะเหตุผลความเชื่อทางการเมือง โดยผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายอิสลาม 3 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่สิงคโปร์ ก็กำลังถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายนี้ ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็น และเว็บไซต์ทางการเมืองอิสระต่างๆเริ่มเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายนี้ โดยเห็นว่าสิงคโปร์จะพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชน์อย่างก้าวกระโดด หากเลียนแบบมาเลเซียในการยกเลิกกฎหมายนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และกลุ่มฝ่ายค้านระบุว่าสิงคโปร์จำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หรือ ไอเอสเอ ซึ่งอนุญาตให้มีการควบคุมตัวโดยปราศจากการไต่สวนได้ และนักวิจารณ์มองว่ากฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้ที่แข็งข้อต่อรัฐบาล สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ หลังจากนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยกเลิกกฎหมายไอเอสเอ และจะผ่อนปรนกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิพลเมือง รวมถึงกฎเกณฑ์ในการประท้วงและการต่อใบอนุญาตของสื่อมวลชน แต่สิงคโปร์ยังคงยืนกรานที่จะคงไอเอสเอไว้ต่อไป เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของสังคม เดิมที กฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จัดการกับกองโจรคอมมิวนิสต์ในสมัยที่ทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซียตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1960 ต่อมาสิงคโปร์เป็นอิสระจากมาเลเซียในปี 2508 และทั้ง 2 ประเทศยังบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป รัฐมนตรีมหาดไทยของสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า ไอเอสเอถูกใช้เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับบ่อนทำลายประเทศ ความรุนแรงด้านเชื้อชาติและศาสนา การก่อการร้าย และสายลับ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อกำจัดผู้แข็งข้อทางการเมือง และไม่เคยมีใครถูกควบคุมตัวเพราะเหตุผลความเชื่อทางการเมือง โดยผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายอิสลาม 3 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่สิงคโปร์ ก็กำลังถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายนี้ ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็น และเว็บไซต์ทางการเมืองอิสระต่างๆเริ่มเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายนี้ โดยเห็นว่าสิงคโปร์จะพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชน์อย่างก้าวกระโดด หากเลียนแบบมาเลเซียในการยกเลิกกฎหมายนี้

สิงคโปร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน หลังจากมาเลเซียประกาศจะยกเลิกกฎหมายนี้ รวมทั้งจะผ่อนปรนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประท้วง และการรายงานข่าวของสื่อมวลชน กลุ่มสิทธิมนุษยชน และกลุ่มฝ่าย