วันนี้ (9 ต.ค.2566) กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องพายุ “โคอินุ” ว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ พายุไต้ฝุ่น “โคอินุ” ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศา

สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เคยออกมาเปิดเผยรายชื่อโรงงานน้ำตาล 6 แห่งที่รับซื้ออ้อยถูกเผาในปริมาณ สูง คือ 1. โรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี รับซื้ออ้อยถูกเผา 58.8%, 2.โรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี รับซื้ออ้อยถูกเผา 41.68%, 3.โรงงานมิตรกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ รับซื้ออ้อยถูกเผา 35.66% 4.โรงงานน้ำตาลเอราวัณ จ.หนองบัวลำภู รับซื้ออ้อยถูกเผา 27.05%, 5.โรงงานไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จ.สกลนคร รับซื้ออ้อยถูกเผา 26.99% และ 6.โรงงานรวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น รับซื้ออ้อยถูกเผา 20.06% ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานน้ำตาลของบริษัท น้ำตาลไทยอุดรธานี จำกัด และโรงไฟฟ้าของบริษัท ไทยอุดรธานี เพาเวอร์ จำกัด ใน จ.อุดรธานี หลังตรวจสอบพบว่ามีการรับอ้อยเผาเข้าหีบสะสมสูงสุดจากโรงงานน้ำตาลทั้งหมด 58 โรงงาน คิดเป็น 43.11% ของปริมาณอ้อยทั้งหมด หรือกว่า 410,000 ตัน ทำให้รถอ้อยตกค้างกว่า 2,000 คัน หลังมาจอดรอขายอ้อยโดยไม่รู้ว่าจะได้ขายเมื่อไหร่และอ้อยเสี่ยงเน่าเสีย คาดว่ามูลค่ามากกว่า 54 ล้านบาท ขณะที่ จ.อุดรธานี เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนการรับอ้อยเผาเข้าหีบสูงสุดของประเทศ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่สำหรับเกษตรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่างบอกว่า ปีนี้มีอ้อยเผาในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะหากย้อนไปปลายเดือน ต.ค.2567 เริ่มมีกระแสข่าวที่ส่งสัญญาญว่าปีการผลิต 2567/2568 เกษตรกรอาจเผาอ้อยเพื่อลดต้นทุนการผลิต เพราะราคาอ้อยตกต่ำลง อ่านข่าว : เบื้องหลังลงดาบ "ปิดโรงงานหีบอ้อย" รับซื้ออ้อยเผาเกินลิมิต วันที่ 31 ต.ค.2567 ไทยพีบีเอส ได้รับข้อมูลจากชาวไร่อ้อยใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ระบุว่า ปีนี้ต้นทุนการปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นจากราคาปุ๋ย อีกทั้งในพื้นที่ยังประสบปัญหาภัยแล้งและค่าจ้างแรงงานตัดอ้อยก็ปรับขึ้น สวนทางกับราคาอ้อยที่ต่ำลง มีการประมาณการราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต 2567/2568 มีราคาเพียง 1,100 บาทต่อตันเท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาอ้อยขั้นต้นของปีที่ผ่านมา (2566/67) ที่มีราคาอยู่ที่ 1,420 บาท ซึ่งลดลงกว่า 300 บาท ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปี 2567/2568 อยู่ที่ประมาณตันละ 1,400 บาท จึงมีแนวโน้มที่เกษตรกรจะตัดอ้อยเผาเพื่อลดต้นทุน ขณะที่ผู้รับจ้างตัดอ้อยใน อ.เชียงคาน จ.เลย กล่าวว่า การตัดอ้อยสดจะตัดยากและช้ากว่าตัดอ้อยไฟไหม้ เพราะต้องเสียเวลาสางใบ เมื่อเทียบราคาตัดอ้อยสดอยู่ที่ตันละ 240 บาท แต่หากเป็นอ้อยไฟไหม้ ค่าจ้างตกตันละ 130 บาท หลายพื้นที่จึงลักลอบเผาอ้อย เนื่องจากเกษตรกรต้องการลดค่าใช้จ่ายต้นทุนการผสล็อต ค่าย ไหน น่า เล่น สุดufabet v2ลิต แม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้เกษตรกรตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท แต่บางคนไม่ได้มีโควตากับโรงงานน้ำตาลโดยตรง เมื่อไม่ได้รับเงินสนับสนุน บางส่วนจึงเผาอ้อยและขายให้กับนายทุนที่เปิดลานรับซื้อ ข้อมูลจาก สอน. พบว่า ประเทศไทยจะมีผลผลิตอ้อยในปีการผลิต 2566/2567 อยู่ที่ 82 ล้านตัน มีอ้อยไฟไหม้เกือบร้อยละ 30 และคาดการณ์ว่าปีการผลิต 2567/2568 จะเพิ่มเป็น 92 ล้านตัน ทำให้บางฝ่ายกังวลสถานการณ์อ้อยไฟไหม้ปีนี้ที่อาจเพิ่มขึ้นตามปริมาณอ้อย ประกอบกับข้อมูลจากนายสิทธิบูรณ์ รัชตะสุวิโรจน์ ประธานสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกษตรกรจะเผาอ้อยหรือไม่เผา นอกจากราคาแล้ว เงินช่วยเหลือค่าตัดอ้อยสดตันละ 120 บาทก็เป็นปัจจัยสำคัญ ในช่วงเดือน ธ.ค.2567 ชาวไร่อ้อยใน จ.เลย เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือค่าตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท ปีการผลิต 2566/2567 ตามที่รัฐบาลเคยเห็นชอบในมาตรการจูงใจให้ชาวไร่ตัดอ้อยสดแทนการเผา เพื่อลดฝุ่นมลพิษ PM2.5 แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการพิจารณา ซึ่งหากไม่มีการจ่ายเงินช่วยเหลือส่วนนี้อาจทำให้เกษตรกรหันไปเผาอ้อยเพื่อลดต้นทุน นี่คือการทวงสัญญาจากรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2566 น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรมในขณะนั้น เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่ามีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 คน ทั้งนี้ โครงการฯ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อยและส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น โดยการสนับสนุนตัดอ้อยสดครั้งนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.2567 เพี่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวไร่อ้อย แต่สุดท้ายก็ไม่มีการพิจารณาและจ่ายเงินจริง อ่านข่าว : "แพทองธาร" ขันน็อตรายกระทรวงแก้ฝุ่น PM2.5 รายงานตรง นายบรรจง สุขกุล ชาวไร่อ้อยรายใหญ่ จ.เลย กล่าวว่า หลังทราบข่าว ครม.เห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดในปี 2566 เขาตัดสินใจกู้เงินซื้อเครื่องจักรสางใบอ้อยและรถตัดอ้อย เพื่อจะไม่ต้องตัดอ้อยเผา เพราะหากมีเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท เขาจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท สุดท้ายปีนี้ยังไม่ได้เงินและเขาต้องแบกรับหนี้สิน มีข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก "โรงงานน้ำตาลแห่งประเทศไทย" อ้างได้รับข้อมูลว่า บางพื้นที่มีการบิดเบือนตัวเลขอ้อยสดและอ้อยเผาที่โรงงานน้ำตาลรับซื้อ และขอให้ สอน.สุ่มตรวจสอบโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียงหรือเลือกปฏิบัติ ด้านเสียงสะท้อนจากเกษตรกรชาวไร่อ้อย มองว่า การที่โรงงานน้ำตาลจะรับซื้อเฉพาะอ้อยสดถือเป็นการบีบชาวไร่อ้อยมากเกินไป เพราะราคาที่ตกต่ำก็ทำให้แทบไม่ได้กำไร ขณะที่การช่วยเหลือยังคงอยู่ที่ชาวไร่อ้อยรายใหญ่ที่มีโควตาขายอ้อยให้โรงงานน้ำตาลและมีอำนาจต่อรอง สามารถทำกำไรจากการขายอ้อยได้มากกว่า ดังนั้นนโยบายที่จะแก้ปัญหาอ้อยเผาจะต้องคำนึงถึงการอยู่รอดเกษตรกรรายย่อยด้วย อ่านข่าว เสี่ยงระเบิด! ก.อุตฯ สั่งปิด รง.น้ำตาล-โรงไฟฟ้าไทยอุดรฯ ฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 พื้นที่ กทม. แนวโน้มเพิ่มขึ้นสลับลดลง กกต.ออกประกาศ "การถอนชื่อ-เพิ่มชื่อ" ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบจ.

วันนี้ (30 มี.ค.2566) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  เปิดเผยว่า นายสุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือชี้แจงตอบกลับมา หลังจากได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เ

สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เคยออกมาเปิดเผยรายชื่อโรงงานน้ำตาล 6 แห่งที่รับซื้ออ้อยถู

นิยายชีวิต โดย : Reynaldi Hermawan
เรื่องและภาพโดย : Reynaldi Hermawan
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..