ผศ. ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า เศรษ

โจทย์ใหม่ และโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายรัฐบาลเพื่อไทย ภายใต้การนำของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต้องพบและเลี่ยงไม่ได้ คือ การนำงบประมาณจำนวน 5.6 แสนล้านบาท มาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ประเทศตามนโ

ผศ. ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยและโลกจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการประกาศขึ้นภาษีทางการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทว่าที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาก็ได้ส่งสัญญาณมาโดยตลอดว่า ประเทศต่าง ๆ สามารถเข้าสู่กระบวนการเจรจาต่อรองเพื่อหาทางออกร่วมกันได้ ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลไทยควรทำในเวลานี้คือการเข้าสู่การเจรจาให้เร็วที่สุด และต้องนำเสนอข้อแลกเปลี่ยนที่มีน้ำหนักเพียงพอที่ทรัมป์จะพูดคุยด้วย ที่สำคัญก็คือระยะเวลาในการประสานงานเพื่อเจรจาจะมีผลอย่างมากต่อการยอมรับและเปิดใจ เพราะทรัมป์เป็นคนคิดเร็วตัดสินใจเร็ว ฉะนั้นความล่าช้าอาจทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่สะท้อนถึงความไม่จริงใจ และจะทำให้ไทยตกเป็นเบี้ยล่างในการเจรจาทันที ผศ. ดร.เกียรติอนันต์ ยังกล่าวว่า คณะทำงานเจรจาของไทยต้องรีบประชุมเช้านี้ ช่วงบ่ายเตรียมตัว และอย่างช้าที่สุดคือภายในคืนนี้ ซึ่งฝั่งอเมริกาเป็นกลางวัน ต้องมีการยกหูโทรหาเพื่อพูดคุยข้อเสนอในเบื้องต้นแล้ว เพราะทุกประเทศรู้ว่า ตอนนี้ถ้าประเทศไหนช้าสุดจะเสียเปรียบที่สุด จึงไม่มีใครยอมตกขบวน การช้าไปแค่นาทีเดียวก็จะกระทบหนัก การเร่งดำเนินการเรื่องนี้ภายใน 24 ชม.ก็ยังถือว่าช้าที่สุด จะรอทำหนังสือเชิญประชุมกันไม่ได้แล้ว เพราะนี่คือสถานการณ์ฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ อเมริกาไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าทุกประเทศจะมาครบ แค่มาสัก 60% ของทั้งหมด เขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์อีก 40% ที่เหลือแล้ทุน 500 บา คา ร่าบา คา ร่า โปร โม ชั่ น 100ว นี่คือเกมทางเศรษฐศาสตร์ ที่ใครมาเร็วย่อมได้เปรียบ และยิ่งช้ายิ่งเจ็บ ยิ่งเสียเปรียบ ผศ. ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ผศ. ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ผศ. ดร.เกียรติอนันต์ กล่าวว่า ข้อเสนอของไทยที่คาดว่าจะเป็นที่ต้องการของสหรัฐอเมริกาคือ การผสมผสานระหว่างความต้องการด้านเศรษฐกิจที่ประสงค์ให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกา โดยมีแผนการปฏิบัติงาน (Action Plan) อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่คำพูดหรือคำสัญญาปากเปล่า เพื่อนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในประเทศ เพราะการมี Action Plan ที่ชัดเจนในการนำเสนอ คือวิธีคิดที่ทรัมป์ใช้ในการทำงานมาโดยตลอด นอกจากนี้ ไทยต้องดำเนินการบนความเข้าใจในภูมิศาสตร์ทางการเมืองและบนความคาดหวังของสหรัฐอเมริกา นั่นคือการชี้แจงว่า จะไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศจีนมากจนเกินไป เพราะการที่มีทุนจีนสีเทาเข้ามาในไทยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจทำให้สหรัฐอเมริการู้สึกว่า ไทยกำลังกลายเป็นฐานของจีนหรือไม่ ซึ่งสิ่งนี้เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่คณะทำงานเจรจาของไทย ต้องแสดงและยึดมั่นความเป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศไว้ให้ได้ นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปว่า มาตรการการขึ้นภาษีครั้งใหญ่นี้ มีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์ต้องการเชือดไก่ให้ลิงดูใน 3 รูปแบบด้วยกัน คือ 1.แม้ว่าบางประเทศจะยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจและเปิดโต๊ะเจรจาด้วยความรวดเร็ว แต่ก็ยังจำเป็นต้องเชือดให้เห็น 2.การลับมีดรอไว้ก่อน แต่จะเชือดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับข้อเสนอว่ามีความน่าสนใจเพียงใด 3.ทำเสมือนว่าจะเชือดแต่แท้จริงแล้วคือยังไงก็กลับไปดูแล เพราะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ซึ่งไทยต้องพยายามเข้าไปอยู่ในรูปแบบที่ 2 ให้ได้ ผศ. ดร.เกียรติอนันต์ กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลอย่าเพิ่งไปคิดเรื่องพัฒนาเศรษฐกิจ ให้คิดแก้ปัญหาเรื่องนี้ก่อน เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันแย่ไปกว่านี้ และรัฐบาลควรพลิกวิกฤติในครั้งนี้ให้กลายเป็นโอกาส ด้วยการปรับโครงสร้างการผลิตขนานใหญ่โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลง จะส่งผลให้ขายสินค้าราคาถูกได้มากขึ้น มาตรการที่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืนของสหรัฐอเมริกานำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวของไทยได้ ซึ่งถึงเวลาที่เราจะได้ทำสิ่งที่มีการพูดคุยมานาน แน่นอนการเจรจาช่วยซื้อเวลา แต่ระยะยาวมีแต่วิธีนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปอาจไม่ได้รู้ว่าได้รับผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้ในทันที เว้นแต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจการส่งออก แต่ในท้ายที่สุดในวันหนึ่งก็จะกระทบ เพราะเมื่อยอดการส่งออกตกจะกระทบไปเป็นลูกโซ่ ทั้งการเลิกจ้าง มีคนตกงาน กำลังซื้อในประเทศลดลง อาจใช้เวลาสักหน่อยกว่าที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบจริงๆ แต่จะมาอย่างแน่นอน และหากภาครัฐปล่อยให้สถานการณ์เดินไปถึงจุดนั้นก็จะแก้ไขได้ยากลำบากแล้ว อ่านข่าว : สะเทือนทั้งโลก "สหรัฐฯ" เคาะตัวเลขภาษีตอบโต้คู่ค้า ไทยโดน 36% จับตา "ทรัมป์" ผลักโลกทั้งใบ สู่สงครามการค้าเต็มรูปแบบ ส่งออก "ข้าวหอมมะลิไทย" สะเทือน สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าไทย 37%

วันนี้ (6 ก.ค.2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง  6,178 คน พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นเป็น 56 ประเทศ พื้นที่การแพร่ระบาดส่วนใหญ่พบอยู่ในแถบทว